รู้จัก “โยคี” แป้งเหนือกาลเวลา ที่ทุกครัวเรือนไทยต้องใช้!

Text : นิตยา สุเรียมมา
 




Main Idea
 
  • แม้ในตลาดแป้งฝุ่นของไทยจะมีการแข่งขันกันดุเดือด ผลิตกันออกมาหลายรูปแบบ แต่มีแป้งอยู่หนึ่งแบรนด์ที่สามารถผ่านกาลเวลามาได้นานกว่า 60 ปี
 
  • แบรนด์ที่ว่า ได้แก่ “แป้งโยคี” แบรนด์แป้งกระปุกเหลือง ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น คือ แก้ผด ผื่น คัน คลายร้อน เพราะเหตุใดแบรนด์แป้งดังกล่าวถึงอยู่มาได้ยาวนานเกินกว่าครึ่งศตวรรษ แม้ไม่ค่อยมีการทำโฆษณาและการตลาดใดๆ ไปติดตามพร้อมๆ กัน
 


  
               
     เคยสังเกตกันไหมว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักเท่าไหร่ ทำไมสินค้าบางแบรนด์หรือบางประเภทถึงอยู่รอดมาได้เนิ่นนานเป็นหลายสิบปี แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม เหมือนกับเช่นตลาดแป้งทาผิวในเมืองไทยปัจจุบันที่มีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อหลายประเภท ทั้งแป้งเด็ก แป้งเย็น แป้งหอม ฯลฯ แต่มีแป้งอยู่ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งแม้เวลาจะผ่านมานานแต่ก็ยังสามารถขายได้ดี แถมแพ็กเกจจิ้งยังคงเอกลักษณ์รูปแบบเดิมๆ ไม่เปลี่ยน จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก “แป้งโยคี” ที่ครัวเรือนไทยรู้จักกันดีนั่นเอง
         

      
  • แก้ผด ผืน คัน เหมาะกับอากาศเมืองไทย
               
     ในการตลาดแข่งขันแป้งฝุ่นของเมืองไทยที่มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งมักมีปัญหาเรื่องผด ผืน คันตามมา แป้งโยคี แบรนด์แป้งฝุ่นของไทยที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 60 กว่าปีก่อน จึงได้หยิบเอาปัญหาดังกล่าวมาสร้างเป็นจุดแข็งให้กับแบรนด์
               

     โดยใช้ส่วนผสมของสมุนไพรและตัวยาหลายชนิดเข้าด้วยกัน อาทิ คาลาไมน์ ซิงค์-ออกไซด์ เพื่อ​ช่วยลดความอับชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุของผด ผื่น คัน ทาแล้วทำให้รู้สึกเย็นสบายสดชื่น แป้งโยคีจึงเป็นที่นิยมที่ชาวไทยเกือบทุกครอบครัวมักซื้อติดบ้านเอาไว้ โดยเฉพาะในเวลาที่อากาศร้อนๆ เช่นนี้จะขายดีเป็นพิเศษ
               

     ซึ่งจากการมองเห็นถึงปัญหาดังกล่าว และเลือกจุดยืนที่ชัดเจนให้กับตัวเองตั้งแต่แรก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างตรงจุด จึงทำให้แป้งโยคีเป็นแบรนด์แป้งที่ขายดีและขายได้มาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้
 



 
  • 2 ผู้ผลิตผู้ยิ่งใหญ่ ความเหมือน ไม่แตกต่าง
     
     โดยแป้งโยคีปัจจุบันที่ขายอยู่ในท้องตลาดนั้น มีผู้ผลิตอยู่ 2 รายด้วยกัน คือ “แป้งโยคี หรือยาผงโยคี” ผลิตโดยบริษัท ศิริบัญชา จำกัด และ “แป้งโยคีในรัศมีวงกลม” ผลิตโดยห้างหุ้นส่วน เฮอร์บิเทค อินเตอร์ คอสเมติกส์ จำกัด


     จากการสังเกตทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและคุณสมบัติของแบรนด์ทั้งสองเจ้านั้น พบว่ามีความคล้ายคลึงแทบจะไม่แตกต่างกันเลย คือ ช่วยบรรเทาผด ผื่น คัน และให้ความเย็นสบายจากอากาศร้อนได้เหมือนกัน


     ซึ่งจากตัวเลขการรายงานรายได้ของทั้งสองบริษัทพบว่ามีตัวเลขเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เริ่มจากบริษัท ศิริบัญชา จำกัด ปี 2558 รายได้ 133 ล้านบาท กำไร 1.1 ล้านบาท, ปี 2559 รายได้ 140 ล้านบาท กำไร 1.6 ล้านบาท ตามมาด้วยหจก. เฮอร์บิเทค อินเตอร์ คอสเมติกส์ ปี 2558 มีรายได้ 7.5 ล้านบาท กำไร 7.5 แสนบาท, ปี 2559 มีรายได้ 7 ล้านบาท กำไร 3 แสนบาท ซึ่งจากตัวเลขจะเห็นได้ชัดว่าทั้ง 2 บริษัท สามารถสร้างรายได้เติบโตขึ้นทุกปี
               

     ปัจจุบันมีจำหน่ายในหลายช่องทางด้วยกัน อาทิ ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ รวมถึงช่องทางออนไลน์ และนอกจากในเมืองไทยแล้ว ยังมีการส่งออกไปยังโซนประเทศในแถบเอเชียหลายแห่งอีกด้วย
               




     โดยสาระสำคัญของเรื่องที่ต้องการนำเสนอในครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการจะบอกว่าแบรนด์ใดมาก่อนมาหลัง แต่คือ สิ่งที่ทั้งสองเจ้าทำต่างหาก จากการสร้างพื้นที่ยืนให้กับตัวเองในตลาดได้อย่างชัดเจนของการเป็นแป้งคลายร้อน และช่วยบรรเทาอาการผด ผื่น คัน และมองเห็นความต้องการของผู้บริโภคที่แท้จริง จึงทำให้แบรนด์อยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้


     แม้อาจไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ใดตามยุคสมัยมากนัก แต่ก็ได้รับความนิยมมาเรื่อยๆ ดังนั้นหากผู้ประกอบการใดสามารถสร้างสินค้าดีมีประโยชน์ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ผลิตออกมาได้ รับรองว่าไม่ต้องกลัวจะตกยุค ทำออกมาเท่าไหร่ ก็ขายได้อย่างแน่นอน
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน