เบื้องหลังเกมธุรกิจ “ฟูจิฟิล์ม” รอดได้เพราะอะไร?

    บริษัทฟูจิฟิล์มก่อตั้งเมื่อปี 1934 และเป็นเจ้าเดียวที่ผูกขาดตลาดฟิล์มและกระดาษอัดรูปในญี่ปุ่นมานาน และถือเป็นคู่แข่งรายสำคัญของบริษัทอีสต์แมน โกดักจากฝั่งอเมริกา แต่ไม่มีใครคาดคิดว่ากล้องฟิล์มจะอยู่ได้ไม่นาน ความบูมของกล้องดิจิตอลได้ทำลายธุรกิจฟิล์มลงจนแทบสาบสูญ แต่อะไรที่ทำให้ฟูจิฟิล์มไม่เพียงยืนหยัดอยู่ได้ หากยังทำกำไรเป็นล่ำเป็นสัน ขณะที่คู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันมานานอย่างโกดักต้องม้วนเสื่อพับกิจการไป
 


               หากย้อนกลับไปเมื่อปี 1975 หรือเมื่อ 42 ปีก่อน โกดัก เป็นผู้พัฒนากล้องดิจิตอลรายแรกของโลกด้วยซ้ำเพียงแต่บริษัทไม่กระตือรือร้นที่จะออกผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล เพราะเกรงว่าจะไปแย่งตลาดฟิล์มถ่ายรูปซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ส่งผลให้ยอดขายโกดักร่วงต่ำลงในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เนื่องจากความต้องการใช้ฟิล์มถ่ายภาพลดลงอย่างรวดเร็ว และความล่าช้าในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 


               ต่างจากฟูจิฟิล์มที่ปี 1988 เริ่มผลิตกล้องดิจิตอล พอปีถัดมาก็วางจำหน่ายกล้องดิจิตอลรุ่น  FUJIX DS-X แนวโน้มที่กระแสดิจิตอลจะมาแรงทำให้ ชิเกะทากะ โคโมริ ประธานและซีอีโอฟูจิฟิล์มตัดสินใจว่าบริษัทจำเป็นต้องโต้คลื่นดิจิตอลแม้ว่าจะต้องกลืนเลือดเนื้อของตัวเอง ในที่นี่หมายถึงการทำลายธุรกิจอนาล็อก (ธุรกิจเกี่ยวกับการถ่ายภาพแบบเดิม ๆ) ก็ตาม เพราะหากฟูจิฟิล์มไม่ทำ บริษัทอื่นก็ทำอยู่ดี จึงทำให้ฟูจิฟิล์มเข้าไปจับเทคโนโลยีดิจิตอล 


               ต้นปี 2012 โกดักก็ประกาศล้มละลาย ในขณะที่ฟูจิฟิล์มกลับอยู่รอดปลอดภัย สิ่งที่แตกต่างระหว่างโกดักกับฟูจิฟิล์มคือความสามารถในการปรับตัว ซึ่งฟูจิฟิล์มพร้อมรับมือแต่เนิ่น ๆ เมื่อคลื่นดิจิตอลระลอกแรกซัดเข้ามาช่วงทศวรรษ 1980 ฟูจิฟิล์มก็ปรับท่าที เปลี่ยนมาพัฒนาเทคโนโลยีเอ็กซ์เรย์ด้วยระบบดิจิตอลแล้วจำหน่ายให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ก่อนจะหันมาพัฒนากล้องถ่ายรูปดิจิตอลอย่างจริงจัง 


              หลังจากนั้น ฟูจิฟิล์มก็วางนโยบายจะรุกตลาดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์ของบริษัทที่เคยรับผิดชอบการผลิตกระดาษอัดภาพสีต้องผันตัวเองมาวิจัยเครื่องสำอาง ช่วงเวลานั้น พนักงานบริษัทต่างกังวลว่าบริษัทจะไปรอดหรือไม่ในการจับธุรกิจเครื่องประทินผิวเพราะดูเหมือนจะเป็นธุรกิจที่ไม่สอดคล้องกันเลยกับธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ แต่ความจริงแล้ว กลยุทธ์นี้คือการต่อยอด 


               เกือบ 100 ปีของการก่อตั้งบริษัท ตลอดการทำวิจัย ฟูจิฟิล์มมีวัตถุดิบในครอบครองราว 20,000 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่พัฒนาขึ้นเป็นส่วนประกอบของการผลิตฟิล์ม แต่ส่วนผสมเหล่านี้ สามารถนำมาผลิตเวชสำอางได้ เช่น คอลลาเจนเจลลี่ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักที่ใช้เคลือบฟิล์ม ฟูจิฟิล์มก็นำมาแปรเป็นส่วนผสมในเครื่องประทินผิว หรือเคมีและกระบวนการที่ใช้ในการปกป้องไม่ให้ภาพถ่ายสีซีดจางก็ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในเครื่องสำอางเพื่อกระชับผิวป้องกันการหย่อนยาน เป็นต้น 


               ปัจจุบัน ธุรกิจเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพกลายเป็นธุรกิจที่ทำกำไรให้บริษัทมากที่สุด โดยทำรายได้ปีละกว่า 3,400 ล้านเหรียญ ฟูจิฟิล์มไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ขณะนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนายารักษามะเร็งและโรคที่เกิดจากการเสื่อมของประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์     

            
               กล่าวสำหรับอุตสาหกรรมกล้องดิจิตอล ฟูจิฟิล์มถือเป็นผู้นำในตลาด โดยเฉพาะกล้องดิจิตอล mirrorless ที่ได้รับความนิยมสูง และกล้อง instant camera ที่ถ่ายปุ๊ป! อัดรูปออกมาได้เลย ซึ่งตัวเลขงบการเงินปีที่ผ่านมา ฟูจิฟิล์มทำยอดขายกล้องดิจิตอลและ instant camera ตระกูล Instax ได้ 1.25 ล้านเครื่อง และ 5 ล้านเครื่องตามลำดับ ล่าสุด บริษัทเพิ่งเปิดตัว Instax Square SQ10 กล้องไฮบริดที่ผนวกระหว่างกล้องฟิล์มกับกล้องดิจิตอล คุณสมบัติโดดเด่นคือนอกจากถ่ายภาพพร้อมพิมพ์ภาพออกมา ยังสามารถบันทึกไฟล์ภาพไว้ในตัวกล้องหรือ SD card อีกด้วย   

   
               นอกจากนั้น ด้วยวิถีของคนรุ่นใหม่ที่ชอบถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟน ฟูจิฟิล์มจึงเปิดร้าน Wonder Photo Shop ในย่านฮาราจูกุเพื่อบริการอัดภาพ การเปิดร้านดังกล่าวเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนดึงรูปจากมือถือออกมาอัดหรือทำเป็นพวงกุญแจ กรอบรูป เข็มกลัด หมอน เสื้อ และอื่น ๆ  ซึ่งมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 200 ราย 


               แม้ธุรกิจฟิล์มซึ่งเคยทำกำไรให้บริษัทถึง 70% และตอนนี้กำไรหดเหลือไม่ถึง 1% แต่ฟูจิฟิล์มก็ตั้งมั่นจะผลิตฟิล์มสีและกระดาษอัดรูปต่อไป ขณะเดียวกันก็จะพัฒนาเทคโนโลยีกล้องดิจิตอลอย่างต่อเนื่องเช่นกัน การปรับตัวอย่างรวดเร็วบวกกับความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ทำให้ฟูจิฟิล์มซึ่งเคยเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการฟิล์มอยู่รอดได้ในยุคที่ดิจิตอลกำลังครองเมือง


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

เสิร์ฟร้อยรสด้วยไอเดีย! เปิดสูตรความปัง “ไอติม 100 รส” ที่อยู่คู่เชียงใหม่นาน 15 ปี

มาพบกับร้านไอศกรีมที่ไม่ได้แค่เสิร์ฟความหวาน แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าประทับใจ “ไอติม 100 รส” แม้ว่าจะมีเมนูเดียวแต่ก็เต็มไปด้วยความพิเศษที่ทำให้ร้านนี้ยืนหยัดอยู่คู่กับเชียงใหม่มานานนับสิบปี

เกือบหลับ แต่กลับมาเป็นธุรกิจร้อยล้าน Plantae - La Glace 2 แบรนด์รุ่นใหม่ใจถึงทำถึง

Plantae และ La Glace สองแบรนด์รุ่นใหม่คือ ตัวอย่างของผู้ที่ไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่ต่ายเคยตกอยู่ในวิกฤต แต่ด้วยแพชชันและการปรับตัวที่รวดเร็ว พวกเขากลับมาสร้างรายได้ระดับร้อยล้านได้สำเร็จ

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร