จากการที่กระทรวงแรงงานได้เปิดให้นายจ้าง/สถานประกอบการภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม และมีลูกจ้างรวมทุกสาขาไม่เกิน 200 คน ให้มาลงทะเบียนเพื่อรับเงินเงินอุดหนุนจากรัฐบาลผ่านโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SME ในอัตรา 3,000 บาทต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ในเดือนพฤศจิกายน 2564 -มกราคม 2565 หรือเท่ากับรวมสูงสุด 1,800,000 บาท ผ่านเว็บไซต์ doe.go.th”
สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 20 ตุลาคม - 8 พฤศจิกายน 2564 นั้น พบว่า มีสถานประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 103,026 ราย หรือร้อยละ 26.1 ช่วยรักษาระดับการจ้างงานลูกจ้างสัญชาติไทย 1,716,341 คน หรือร้อยละ 42.56 โดยมีนายจ้างที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนร่วมโครงการจำนวนมาก
“ขอเชิญชวนนายจ้าง/สถานประกอบการภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม และมีลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ลงทะเบียนร่วมโครงการฯ เปิดให้ลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564”
ทั้งนี้ เงินอุดหนุนที่นายจ้างได้รับในครั้งนี้ จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วแต่กรณี ไม่ต้องนำไปคิดเป็นรายได้ หรือคำนวณเป็นรายจ่ายในการหักภาษี ซึ่งการอุดหนุนเงินช่วยนายจ้างในโครงการฯ นี้เป็นสิทธิประโยชน์ของนายจ้าง
คุณสมบัติ
เป็นนายจ้างภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม ตามฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคมมาตรา 33 มีสถานะ Active ที่มีลูกจ้างทุกสาขารวมกันไม่เกิน 200 คน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564 เพื่อตรวจสอบขนาดกิจการที่มีสถานะเป็น SMEs
เงื่อนไข
1. รัฐจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่นายจ้างตามจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทยจำนวนไม่เกิน 200 คน ที่อยู่ในฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคม มาตรา 33 มีสถานะ Active ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564
2. รัฐจ่ายเงินอุดหนุนในอัตรา 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (พฤศจิกายน 2564 ถึง มกราคม 2565)
3. รัฐจ่ายเงินอุดหนุนตามจำนวนการจ้างจริงของทุกเดือน โดยตรวจสอบจากฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคม มาตรา 33 มีสถานะ Active ทุกวันที่ 16 ของเดือน
4. ระหว่างเข้าร่วมโครงการเดือนที่ 2 และ 3 (ธันวาคม 2564 ถึงมกราคม 2565) นายจ้างจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้
4.1 นายจ้างต้องรักษาระดับการจ้างงาน ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 หากนายจ้างไม่สามารถรักษาระดับการจ้างงานจะไม่ได้รับเงินอุดหนุนในเดือนนั้น ๆ
4.2 ในกรณีที่นายจ้างมีจำนวนการจ้างงานเพิ่มขึ้นโดยเปรียบเทียบจากข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นายจ้างจะได้รับเงินอุดหนุนตามจำนวนการจ้างงานจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทยทั้งหมดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ในอัตรา 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา 2 เดือน (ธันวาคม 2564 ถึง มกราคม 2565)
5. นายจ้างจะต้องแจ้งชื่อและหมายเลขบัญชีธนาคารของนายจ้าง (กรณีนายจ้างเป็นนิติบุคคลต้องใช้บัญชีธนาคารซึ่งเป็นชื่อของนิติบุคคลนั้น /นายจ้างบุคคลธรรมดาใช้ชื่อบัญชีของนายจ้าง)
6. รัฐจ่ายเงินอุดหนุนให้กับนายจ้าง โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากตามที่นายจ้างแจ้งทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน กรณีการรับเงินอุดหนุนผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สำหรับธนาคารอื่นนายจ้างจะได้รับเงินอุดหนุนหลังจากวันดังกล่าว โดยจะถูกหักค่าธรรมเนียมการโอนระหว่างธนาคารจากเงินอุดหนุน
7. นายจ้างที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี doe.go.th ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ก่อน แล้วจึงสมัครใช้บริการระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม เพื่อยื่นแบบรายการแสดงข้อมูลการส่งเงินสมทบ สปส. 1-10 ในระบบ e-Service ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการนี้
(การขอรับเงินอุดหนุนของนายจ้างจะต้องไม่เป็นเหตุให้นายจ้างชะลอการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง)
(9) นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดตามประกาศของคณะกรรมการค่าจ้าง
- นายจ้างสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ “ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th” เพื่อรับสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ และหากไม่สะดวกดำเนินการผ่านระบบด้วยตนเอง สามารถนำเอกสารซึ่งประกอบด้วย
- หนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 30 บาท
- สำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ สำเนาหน้าสมุดธนาคาร (กรณีใช้บัญชีกระแสรายวัน ให้ใช้สมุดหน้าเช็คที่มีชื่อนายจ้างและเลขบัญชี)
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล หรือสำเนาบัตรประชาชน (นายจ้างบุคคลธรรมดา) โดยลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ
ติดต่อที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ หรือหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมให้ติดต่อที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี