เรื่อง กฤษณา สังข์วงค์
SME ขนาดเล็กมักจะเกิดอาการปวดเศียรเวียนเกล้ากับปัญหาการเงินที่เกิดจากการลงบัญชีที่ผิดพลาด ลองมาดู 3 ตัวอย่างและบทเรียนที่เกิดขึ้นจริงในธุรกิจเพื่อจะได้ระมัดระวังมากขึ้น!!
ตัวอย่างที่ 1 เกิดความสับสนในกำไรของกระแสเงินสด
ผู้ประกอบการบริษัทหนึ่ง ซึ่งกำลังทุ่มทุนไปกับการขยายตลาดเป็นอย่างมากมักจะจดบันทึกกำไรที่ได้ในแต่ละวันลงบนกระดาษ แต่เมื่อถึงสิ้นเดือน หลังคำนวณอย่างดีแล้วกลับพบว่าแทบไม่มีกำไรเหลือเลย นั่นเกิดจากการที่จ่ายเงินเพื่อขยายตลาดมากกว่าการได้รับเงินเข้ามา แต่ทั้งนี้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ด้วยการกู้ยืมเงินจากสินเชื่อบัตรเครดิต และมันได้กลายเป็นหนี้สินก้อนโต เมื่อทำเช่นนี้ติดต่อกันหลายปี
บทเรียน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในกำไรของกระแสเงินสด คุณจำต้องเปรียบเทียบรายรับ-รายจ่ายของธุรกิจ และเมื่อตระหนักได้ว่าธุรกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ก็ควรลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลง ซึ่งจะช่วยให้หนี้สินลดลงตามไปด้วย
ตัวอย่างที่ 2 นับยอดขายเป็นรายได้ก่อนสินค้าส่งถึงมือลูกค้า
มีหลายบริษัทที่มองยอดขายของบริษัทเป็นรายได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วยอดขายจำนวนนั้นเป็นเพียงยอดขายสินค้าที่สินค้ายังส่งไม่ถึงมือลูกค้าด้วยซ้ำ และจากเหตุการณ์นี้เอง ทำให้ผู้ประกอบการต้องประสบปัญหาทางการเงิน และจำต้องตัดสินใจยุติการวางแผนเพื่อพัฒนาธุรกิจไว้ชั่วคราว
บทเรียน จงจำไว้เสมอว่า “ยอดขาย” จะไม่ถูกนับว่าเป็นรายได้จนกว่าสินค้าหรือบริการจะส่งถึงมือลูกค้า และงานบัญชีของธุรกิจจะเกิดความคลาดเคลื่อนแน่นอน หากเผลอคำนวณมันเป็นรายได้ของธุรกิจ
ตัวอย่างที่ 3 ไม่พิจารณาเงินทุนก่อนการจ่ายครั้งใหญ่
ผู้ประกอบการหลายคนมักควักเงินก้อนโตเพื่อจ่ยไปกับการวางเซิร์ฟเวอร์หรือจัดซื้ออุปกรณ์ชิ้นใหญ่ๆ สำหรับใช้ในธุรกิจโดยขาดการไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนจ่ายว่าสิ่งเหล่านั้นจำเป็นและถึงเวลาต้องซื้อแล้วหรือไม่ และที่สำคัญ ผู้ประกอบการหลายรายยังนำเงินสำรองของธุรกิจมาจ่าย ซึ่งนี่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจล้มโดยไม่รู้ตัว
บทเรียน เมื่อจำเป็นต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ การเช่าทรัพย์ (Leasing) เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยประหยัดเงิน ถ้าสิ่งที่ต้องการซื้อเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ใช้ชั่วคราวเท่านั้น
Crate by smethailandclub.com