ธนาคารกสิกรไทย แจ้งผลประกอบการครึ่งปีแรก ปี 62 กำไร 19,973 ล้านบาท





     ขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย
ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2562 ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก เมื่อเทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 2.80 ในไตรมาส 1 ปี 2562 เนื่องจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวยังคงเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยืดเยื้อของการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ดี ภาพรวมการบริโภคภาคเอกชนยังสามารถประคองทิศทางการเติบโตไว้ได้ต่อเนื่อง แต่คงต้องติดตามสถานการณ์หนี้และการฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือน รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี

     
     
ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกปี 2562 จำนวน 19,973 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส ปี 2562 จำนวน9,929 ล้านบาท


     
ผลการดำเนินงานสำหรับครึ่งปีแรกปี 2562 เมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกปี 2561 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน19,973 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,709 ล้านบาท หรือ 7.88% โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 2,960 ล้านบาท หรือ 6.16% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับของเงินให้สินเชื่อและเงินลงทุน ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.30% ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 5,475 ล้านบาท หรือ 17.46% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยและรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดทุนลดลง รวมทั้งการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัล นอกจากนี้ ภายใต้การชะลอตัวของเศรษฐกิจซึ่งมีผลต่อรายได้ของธนาคาร ธนาคารจึงพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 1,087 ล้านบาท หรือ 3.33% แม้ว่าจะมีการตั้งสำรองเกษียณอายุของพนักงานเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงผลประโยชน์ของพนักงานตามนโยบายการจ้างงานเฉพาะของธนาคารที่ไม่เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน มีผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 43.89%


     
ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2 ปี 2562 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2562 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน9,929 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนจำนวน 115 ล้านบาท หรือ 1.15% โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 518 ล้านบาท หรือ2.05% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับของเงินลงทุน ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.34% นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 1,392 ล้านบาท หรือ 11.38% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัย และรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดทุน รวมทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 1,731 ล้านบาท หรือ 10.81% ส่วนหนึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายทางการตลาด และการตั้งสำรองเกษียณอายุของพนักงาน


     
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 ธนาคารและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,256,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 จำนวน 101,203ล้านบาท หรือ 3.21% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนสุทธิ สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่30 มิถุนายน 2562 อยู่ที่ระดับ 3.40% ขณะที่สิ้นปี 2561 อยู่ที่ระดับ 3.34% อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่  30 มิถุนายน 2562 อยู่ที่ระดับ 157.95% โดยสิ้นปี 2561 อยู่ที่ระดับ 160.60% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 อยู่ที่ 18.55% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.19%




www.smethailandclub.com 
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี 
 

 

RECCOMMEND: FINANCE

หมัดเด็ด วิธีเอาชนะเงินเฟ้อ ฉบับคุณปู่ Warren Buffett ที่ใครก็ใช้ได้

หนึ่งในปัญหาของคนทำธุีกิจวันนี้คือ “ภาวะเงินเฟ้อ” เงินเท่าเดิม แต่กลับซื้อสินค้าและวัตถุดิบได้น้อยลงกว่าเดิม ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แถมขายของก็ไม่ได้ดีเหมือนเก่า เลยชวนมาดูเคล็ดลับบริหารการเงินและลงทุนในภาวะเงินเฟ้อ จาก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เจ้าพ่อนักลงทุนกัน

รวมสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ช่วยลดภาระหนี้ ธุรกิจไม่สะดุด

ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และวิกฤตที่รุมเร้าเข้ามา อาจทำให้ธุรกิจต้องสะดุด ขาดสภาพคล่องเลยอยากชวนมารีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ อย่างน้อยเพื่อช่วยยืดระยะเวลาการใช้หนี้ออกไป ช่วยลดดอกเบี้ย ไปจนถึงอาจได้เงินอีกสักก้อนมาช่วยหมุนเวียนในธุรกิจ

ขายดีอย่างไรไม่ให้มีความเสี่ยง 5 เคล็ดลับบริหารสภาพคล่องจาก บสย.

อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของเอสเอ็มอีต้องสะดุดหยุดชะงักหรือไปต่อได้ไม่สุด คือ เงินทุนที่มีอยู่จำกัดจำเขี่ย ต่อให้ขายดีเพียงใด ถ้าไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็กู้เงินจากธนาคารไม่ได้