SME D Bank ปูพรมยกระดับธุรกิจโชห่วยทั่วไทย




     SME D Bank เดินหน้ายกระดับธุรกิจโชห่วยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน ปรับตัวทันโลกการค้ายุคใหม่ เผยพาถึงแหล่งทุนแล้ว  2,540 ราย วงเงิน 3,158.09 ล้านบาท  ประกาศลุยต่อเนื่อง  จับมือพันธมิตร จัดทัพเดินสายปูพรมติดปีกทั่วไทย  เติมความรู้ คู่ดันเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท 
 

     พงชาญ สำเภาเงิน รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว). หรือ SME D Bank  เผยว่า จากที่ธนาคาร ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทำการสำรวจ “สถานภาพผู้ประกอบการร้านโชห่วย” พบว่า ขณะนี้ประเทศไทย มีจำนวนร้านค้าปลีกดั้งเดิม หรือ “โชห่วย” เกือบ 4 แสนราย กระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ประสบปัญหา   มีคู่แข่งใหม่ ทั้งร้านค้าปลีกขนาดเล็ก-ใหญ่  ค้าขายออนไลน์ และโมเดิร์นเทรด  ต้องเผชิญกับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป  ขาดประสิทธิภาพด้านการตลาด บัญชี การบริหารจัดการพื้นที่ขายสินค้า  ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น และรายได้ลดน้อยลง  
               

     นอกจากนั้น ธุรกิจโชห่วยการปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันยังต่ำ จากการสำรวจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการร้านโชห่วย 24.48 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีการปรับตัวใดๆ เลย เพราะคิดว่า ไม่มีความจำเป็น และมีทุนจำกัด  และ 39.77 เปอร์เซ็นต์ มีปรับตัวน้อย เพราะมองว่า มีลูกค้าเก่าอยู่แล้วกับไม่มีทุนจะพัฒนา ส่วน 22.62 เปอร์เซ็นต์ ปรับตัวระดับปานกลาง พัฒนาสินค้าและบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้า ขณะที่ มีเพียง 13.12 เปอร์เซ็นต์ ปรับตัวอย่างมากเพื่อจะยกระดับธุรกิจ ปรับเปลี่ยนร้านให้ทันสมัย สร้างความประทับใจแก่ลูกค้า  เช่น ปรับปรุงร้านใหม่  เพิ่มโปรโมชั่นหรือบริการเสริมต่างๆ  มีการระบุราคาที่ชัดเจน และมีสินค้าหลากหลาย ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเสมอ
               

     พงชาญ กล่าวต่อว่า จากผลสำรวจดังกล่าว ธนาคารจึงกำหนดนโยบายสำคัญเร่งด่วนในการสนับสนุนยกระดับธุรกิจโชห่วย   เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีความใกล้ชิดชุมชน  และมีผู้ประกอบการจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ หากส่งเสริมให้โชห่วยเติบโตได้ จะก่อประโยชน์กว้างขวาง สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้กระจายในท้องถิ่น  ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชุมชนอย่างดียิ่ง
               

     ดังนั้น  นับตั้งแต่ต้นปี ธนาคารจัดกิจกรรมยกระดับโชห่วยต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นน้ำ คือ "เติมทักษะ"ผ่านการอบรมให้ความรู้ต่างๆ  เช่น ด้านบริหารจัดการค้าปลีกสมัยใหม่ ส่งเสริมระบบบัญชีให้ธุรกิจโชห่วยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และขยายการค้าออนไลน์ เพื่อสร้างตลาดใหม่ เป็นต้น มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมแล้วกว่า 1,500 ราย  ตามด้วยการกลางน้ำ คือ "เติมทุน"  สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านโครงการ "สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน" (Local Economy Loan)  สนับสนุนให้ผู้ประกอบการร้านโชห่วย ค้าปลีกค้าส่ง ใช้เป็นทุนหมุนเวียน ปรับปรุงร้านให้สะดวกทันสมัย  คิดดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนนานถึงสูงสุด 7 ปี  บุคคลธรรมดา 3 ปีแรกเพียง 0.42 เปอร์เซ็นต์ ต่อเดือน ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี  และหากยกระดับเป็นนิติบุคคล อัตราดอกเบี้ยจะถูกลงไปอีก  3 ปีแรกเพียง 0.25 เปอร์เซ็นต์ ต่อเดือน ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี 

     นับตั้งแต่ต้นปี ถึงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา อนุมัติสินเชื่อให้ธุรกิจโชห่วย ค้าปลีกค้าส่งไปแล้ว 2,540 ราย แบ่งเป็นนิติบุคคล 631 ราย บุคคลธรรมดา 1,909 ราย วงเงินรวม 3,158.09 ล้านบาท แบ่งเป็น นิติบุคคล 1,615.57 ล้านบาท บุคคลธรรมดา 1,542.52  ล้านบาท ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นมูลค่ากว่า  14,464 ล้านบาท และปลายน้ำ คือ “เติมคุณภาพ” สนับสนุนให้ผู้ประกอบการร้านโชห่วยและครอบครัวเข้าถึงสวัสดิการภาครัฐช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิต เติบโตอย่างยั่งยืน นำไปสู่สังคมอยู่ดีมีความสุข
 

     ทั้งนี้ ธนาคารจะทำตลาดเชิงรุกยกระดับธุรกิจโชห่วยต่อเนื่อง โดยผู้บริหารระดับสูง  และพนักงาน จะแบ่งทีม เดินสายกระจายลงพื้นที่ต่างๆ เยี่ยมผู้ประกอบการร้านโชห่วยทั่วประเทศทุกสัปดาห์ รวมถึง จับมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนเช่น กระทรวงพาณิชย์ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดและสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย เป็นต้น   แนะนำให้ผู้ประกอบการร้านโชห่วยเข้าถึงบริการของธนาคารโดยเฉพาะพาเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน  ซึ่งเตรียมวงเงินไว้บริการธุรกิจโชห่วย ค้าปลีกค้าส่งกว่า 10,000 ล้านบาท  คาดจะสนับสนุนธุรกิจโชห่วย ค้าส่งค้าปลีก ได้กว่า 10,000 ราย ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นในระบบมูลค่ากว่า 45,800 ล้านบาท


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: FINANCE

หมัดเด็ด วิธีเอาชนะเงินเฟ้อ ฉบับคุณปู่ Warren Buffett ที่ใครก็ใช้ได้

หนึ่งในปัญหาของคนทำธุีกิจวันนี้คือ “ภาวะเงินเฟ้อ” เงินเท่าเดิม แต่กลับซื้อสินค้าและวัตถุดิบได้น้อยลงกว่าเดิม ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แถมขายของก็ไม่ได้ดีเหมือนเก่า เลยชวนมาดูเคล็ดลับบริหารการเงินและลงทุนในภาวะเงินเฟ้อ จาก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เจ้าพ่อนักลงทุนกัน

รวมสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ช่วยลดภาระหนี้ ธุรกิจไม่สะดุด

ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และวิกฤตที่รุมเร้าเข้ามา อาจทำให้ธุรกิจต้องสะดุด ขาดสภาพคล่องเลยอยากชวนมารีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ อย่างน้อยเพื่อช่วยยืดระยะเวลาการใช้หนี้ออกไป ช่วยลดดอกเบี้ย ไปจนถึงอาจได้เงินอีกสักก้อนมาช่วยหมุนเวียนในธุรกิจ

ขายดีอย่างไรไม่ให้มีความเสี่ยง 5 เคล็ดลับบริหารสภาพคล่องจาก บสย.

อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของเอสเอ็มอีต้องสะดุดหยุดชะงักหรือไปต่อได้ไม่สุด คือ เงินทุนที่มีอยู่จำกัดจำเขี่ย ต่อให้ขายดีเพียงใด ถ้าไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็กู้เงินจากธนาคารไม่ได้