ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีก นับได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน จากเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี รวมไปถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมการช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นธุรกิจค้าปลีกแบบดั่งเดิม คือค้าขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว ต้องประสบปัญหายอดขายและจำนวนลูกค้าที่ลดลง จนหลายๆ รายต้องหันไปพึงช่องทางออนไลน์ แต่นั่นอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกทั้งหมดในเวลานี้ เพราะปัจจุบันธุรกิจบนโลกออนไลน์เองก็แข่งขันกันค่อนข้างสูง อีกทั้งความยากในการบริหารจัดการธุรกิจในรูปแบบ Omni Channel ให้ประสบความสำเร็จ ทั้งการจัดการข้อมูล การบริหารสต๊อก ช่องทางการชำระเงิน และการสื่อสารกับผู้บริโภค ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ผู้ประกอบการค้าปลีกต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทัน
ด้วยเหตุนี้ ธนาคารกสิกรไทย จึงเดินหน้าติวเข้มเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเอสเอ็มอีค้าปลีก ภายใต้โครงการ K SME Good to Great คอร์สอัพธุรกิจเก่งให้แกร่ง หลังจากที่ประสบความสำเร็จในครั้งแรกกับกลุ่มธุรกิจผลิตอาหารเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ สุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยเล็งเห็นถึงปัญหาของธุรกิจค้าปลีกซึ่งมีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ๆ นั่นคือ 1.การที่ธุรกิจค้าปลีกยังพึ่งพาช่องทางเดียวเป็นหลัก และ 2.ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยได้มีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้บริหารจัดการธุรกิจมาโดยตลอด รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชัน K PLUS SHOP โซลูชั่นทางการเงินที่จะช่วยให้เอสเอ็มอีรับเงินในการขายออนไลน์ได้คล่องตัวยิ่งขึ้น และการเชื่อมต่อกับพันธมิตร เช่น ระบบบัญชี โลจิสติกส์ และโซเชียลมีเดีย เพื่อช่วยให้เอสเอ็มอีทำธุรกิจในยุคดิจิทัลได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งโครงการ K SME Good to Great นี้ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ธนาคารตั้งใจทำขึ้น เพื่อช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถดำเนินธุรกิจและแข่งขันได้
สำหรับโครงการ K SME Good to Great ธุรกิจค้าปลีกในครั้งนี้ ถือเป็นการผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง ธนาคารกสิกรไทย กับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (ETDA), บริษัท Google (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท LINE ประเทศไทย เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีธุรกิจค้าปลีกสามารถบริหารจัดการธุรกิจ ทั้งการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ หรือ Omni Channel ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อก้าวไปสู่การเป็นธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
โดยรายละเอียดโครงการจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.งานสัมมนา “ค้าปลีกยุคใหม่ ปรับอย่างไรให้อยู่รอด” ให้ความรู้เรื่องเทรนด์ธุรกิจค้าปลีกและกลยุทธ์การปรับตัว รวมถึงการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการจัดการธุรกิจ 2. การอบรมเชิงลึก 5 วัน กับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง โดยคัดเลือกผู้สมัครเพียง 50 รายเท่านั้นเพื่อเข้าร่วมการอบรม 3. การให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวในการทำตลาดออนไลน์ สำหรับ 5 ธุรกิจที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งจะได้รับเงินรางวัลรายละ 100,000 บาท เพื่อเป็นเงินสนับสนุนการทำตลาดออนไลน์ ซึ่งธนาคารกสิกรไทยหวังว่า โครงการดังกล่าวนี้จะช่วยผู้ประกอบการค้าปลีกไทยให้สามารถปรับกลยุทธ์ธุรกิจสู่การเป็นค้าปลีกยุคใหม่ได้อย่างเต็มศักยภาพ
พร้อมกันนี้ สุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของโครงการ K SME Good to Great ธุรกิจค้าปลีก ได้เผยถึงมูลค่าอีคอมเมิร์ซปี 2560 ที่คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 9.86% โดยมูลค่าอีคอมเมิร์ซประเภท B2C ของไทยปี 2560 จะสูงถึง 7.03 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.91% โดยถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงที่สุดในอาเซียน สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยยอมรับการซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ETDA ได้ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซอยู่หลายโครงการ และโครงการ K SME Good to Great ธุรกิจค้าปลีก ถือว่าเป็นโครงการที่ดีที่ ETDA ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
ขณะที่ณภัทร์ จรัสสุวิชากณิช Industry Manager บริษัท Google (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบันผู้บริโภคไทยมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการไปในทิศทางที่พึ่งพาดิจิทัลแพลตฟอร์มมากขึ้น ผู้ประกอบการค้าปลีกจะต้องรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปนี้ โดยการขยายการเข้าหาลูกค้าบนโลกออนไลน์ และฉวยโอกาสทางธุรกิจผ่านช่องทางดิจิทัลให้มากขึ้น ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมอาจมีข้อจำกัดในการรับรู้ถึงวิธีการซื้อสินค้าและบริการที่เปลี่ยนไปในยุค 4.0 และ ทักษะในการทำการตลาดดิจิทัล ดังนั้นโครงการ K SME Good to Great นี้ จะเป็นโครงการที่มุ่งสร้างพื้นฐานความเข้าใจ และทักษะเชิงดิจิทัลให้กับธุรกิจค้าปลีกที่น่าสนใจ โดยธนาคารกสิกรไทยได้ออกแบบคอร์สให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสทำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขยายธุรกิจผ่านดิจิทัลอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะเป็นการสร้างทักษะที่สำคัญให้กับธุรกิจค้าปลีกในการปรับตัวเข้าสู่ยุค 4.0
ด้านสกุลรัตน์ ตันยงศิริ หัวหน้าธุรกิจ LINE@ บริษัท LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจ e-commerce ในประเทศไทยเติบโตประมาณ 9-14% ของทุกปี แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มเข้าใจและกำลังปรับตัวเพื่อเข้าสู่โลกออนไลน์แบบเต็มตัว ผู้ประกอบการต้องสามารถเข้าถึงผู้บริโภคเพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างถูกต้อง แต่ที่ผ่านมาปัญหาหรืออุปสรรคหลักๆ ของผู้ประกอบการ คือ 1.ไม่เปิดรับหรือไม่กล้าที่จะเริ่มสิ่งใหม่ๆ ผู้ประกอบการบางส่วนยังคุ้นเคยกับสิ่งเดิมๆ ที่ทำอยู่ 2.ปรับตัวได้ช้า เนื่องจากขาดความรู้ ความเข้าใจ ว่าต้องทำอย่างไร 3.มีต้นทุนที่ค่อนข้างจำกัด ส่งผลให้กิจการไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ หรือต้องหยุดกิจการลง ฉะนั้นโครงการ K SME Good to Great จะเข้ามาช่วยเติมเต็มและแก้อุปสรรคเหล่านี้ให้ผู้ประกอบการได้
อย่างไรก็ดี โครงการ K SME Good to Great นอกจากผู้ประกอบการจะได้รับความรู้ในการบริหารจัดการธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่แล้ว ยังมีเครื่องมือและแอปพลิเคชันที่จะมาช่วยให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจได้อย่างคล่องตัวขึ้น อาทิ POSvision, Sellsuki, Zort และ Shippop ที่จะมาช่วยตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันของผู้ประกอบการ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างเป็นประโยชน์และทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด
สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีธุรกิจค้าปลีกที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยดูรายละเอียดโครงการและสมัครได้ที่ www.ksmegoodtogreat.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ K BIZ Contact Center โทร. 02 888 8822
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี