ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ประเทศไทยมีความเชี่ยวชาญสามารถผลิตส่งขายได้ทั่วโลก โดยในปี 2560 ธุรกิจผลิตอาหารมีมูลค่า 619,201 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2561 จะมีมูลค่า 653,267 ล้านบาท เติบโต 4.50-6.50% ซึ่งถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศมาก
ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อเป็นการมุ่งยกระดับให้ผู้ประกอบการอาหาร สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน จำเป็นที่จะต้องผลักดันให้ผู้ประกอบการมีการนำเอางานวิจัยและนวัตกรรมมาสร้างสรรค์ธุรกิจ เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ
ด้วยเหตุนี้ ธนาคารกสิกรไทย จึงจับมือร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสำหรับธุรกิจผลิตอาหาร ซึ่งในเรื่องนี้ สุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ด้วยความต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำงานวิจัยและนวัตกรรมมาเพิ่มศักยภาพธุรกิจ ที่สำคัญคือ ต้องการผลักดันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการสามารถพัฒนาสินค้าด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมได้จริงหลังจบโครงการ ทำให้โครงการดังกล่าวจะแตกต่างจากคอร์สอบรมทั่วไปอย่างแน่นอน
สำหรับรายละเอียดโครงการจะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ
1) งานสัมมนาให้ความรู้เทรนด์และภาพรวมของธุรกิจผลิตอาหาร
2) การอบรมเชิงลึก 4 วัน กับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง โดยคัดเลือกผู้สมัครเพียง 50 รายเท่านั้นเพื่อเข้าร่วมการอบรม
3) การให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวในการทำวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
สุดท้ายจะมีการคัดเลือก 5 ผู้ประกอบการที่แกร่งที่สุด ซึ่งจะได้รับเงินรางวัลรายละ 100,000 บาท เพื่อเป็นเงินสนับสนุนในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม รวมถึงโอกาสในการเข้าถึงช่องทางจัดจำหน่าย โดยธนาคารหวังว่า โครงการนี้จะช่วยยกระดับและเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตอาหารของไทย ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้หากผู้ประกอบการต้องการเพิ่มศักยภาพธุรกิจด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมกับทาง สวทช. และ สกว. ธนาคารก็มีสินเชื่อพิเศษเตรียมพร้อมให้การสนับสนุน
ด้านดร.ฐิตาภา สมิตินนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า สำหรับโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสำหรับธุรกิจผลิตอาหาร เป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงองค์ความรู้ที่จะสามารถนำมาต่อยอดเป็นนวัตกรรม และช่วยเพิ่มพูนทักษะที่จำเป็นในด้านต่างๆ และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเชิงนวัตกรรม ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคธุรกิจ และนำความเข้มแข็งของทั้ง 3 หน่วยงานไปช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นข้อต่อสำคัญที่จะทำให้เกิดความเชื่อมโยงงานทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปสู่ภาคอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง
ขณะที่รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาคเอกชนมีแนวโน้มการทำวิจัยพัฒนาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โครงการนี้จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการในการเข้าถึงนวัตกรรมได้มากขึ้น โดยกระบวนการคัดเลือกจะมีเกณฑ์กำหนด เช่น การมีแนวคิดและความตั้งใจในการสร้างสินค้านวัตกรรม มีความกระตือรือร้นในการประกอบธุรกิจ มีมุมมองทางการตลาดและกลุ่มเป้าหมายชัดเจน เป็นต้น ทาง สกว. หวังว่าโครงการนี้จะเกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จะได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้เกิดการขายได้จริงในเชิงพาณิชย์ อันก่อให้เกิดรายได้เพิ่มกับผู้ประกอบการ
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยดูรายละเอียดโครงการและสมัครได้ที่ www.ksmegoodtogreat.com
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี