บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

Text : Ratchanee P.


     กลางทุ่งนาของอำเภอเชียงดาว มีบ้านไม้หลังเล็กๆ หลังหนึ่งชื่อว่า “บ้านโอบอุ่น” ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงโฮมสเตย์ธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ปลอดภัยและอบอุ่นสำหรับ “คนที่เดินทางคนเดียว” หรือแม้แต่ “คนแปลกหน้า” ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ได้มาพบเจอ พูดคุย และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเรียบง่าย

     ในวัยเพียง 20 ปีต้นๆ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้น นักศึกษาพยาบาล กำลังสานฝันเล็กๆ ของเธอให้กลายเป็นจริง ผ่านโฮมสเตย์แห่งนี้

     “บ้านโอบอุ่น อาจจะไม่ใช่โฮมสเตย์ที่เน้นความสะดวกสบาย แต่มันขายความอบอุ่น ขายความเป็นกันเอง บางทีขายความลำบากด้วยซ้ำ ลูกค้าทุกคนแย่งกันล้างจาน เหมือนกลับมาบ้านที่ต่างจังหวัด”

     และนี่คือเรื่องราวของการก่อร่างสร้างบ้านโอบอุ่น ที่พักสำหรับคนแปลกหน้าของ อั้ม-พัชราภา

จุดเริ่มต้นจากความรักในอ.เชียงดาว

     พัชราภาเล่าว่าเธอชอบไปเที่ยว อ.เชียงดาวอยู่บ่อยครั้งจนรู้สึกผูกพัน และคิดอยากเปิดโฮมสเตย์ เพียงแต่เมื่อคิดถึงเงินทุนที่น่าจะต้องใช้จำนวนมาก จึงบอกกับตัวเองว่าถ้าเรียนจบมีเงินเมื่อไหร่ จะมาเปิดโฮมสเตย์ที่นี่ แต่แล้ววันหนึ่งขณะเลื่อนเฟซบุ๊ก เจอประกาศให้เช่าบ้านหลังหนึ่งที่สามารถเปิดโฮมสเตย์ได้ ด้วยแรงผลักดันและความคิดที่ว่า “ไม่ต้องรอให้พร้อมก็เริ่มได้ เราก็แค่เช่าบ้าน” เธอจึงตัดสินใจเช่าบ้านนั้นเป็นเวลา 6 เดือน และใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์เดินทางจากพิษณุโลกไปเชียงดาวเพื่อดูแลกิจการด้วยตัวเอง

     “ตอนนั้นแค่คิดว่า ถ้ามันไม่รอด เราก็แค่คืนบ้านแล้วกลับไปเรียนต่อ ใช้เงินเก็บรวม 2-3 หมื่นบาท ในการลงทุนเช่าและซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับโฮมสเตย์นี้”

     แต่เพราะยังเป็นนักศึกษาพยาบาล ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก เธอจึงใช้เวลาวันเสาร์-อาทิตย์ ในการเดินทางมาที่เชียงดาว โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแต่มีความสุขกับการได้ทำในสิ่งที่รัก  

     “เลิกเรียนวันศุกร์ตอนเย็น ก็นั่งรถไฟรอบ 2 ทุ่มจากพิษณุโลกมาถึงเชียงใหม่ประมาณตี 4 นอนที่สถานีรถไฟประมาณชั่วโมงหนึ่ง แล้วก็ค่อยเรียกรถมาถึงเชียงดาว 8 โมงเช้า พอวันอาทิตย์ตอนเย็นก็ค่อยกลับไปเตรียมตัวเรียนต่อ ทำอย่างนี้ตลอด”

     หลังจากได้เรียนรู้และมีความมั่นใจในการทำโฮมเสตย์ราว 7 เดือน เมื่อมีคนมาเสนอให้เช่าที่กลางทุ่งนา ประกอบกับสัญญาเช่าโฮมสเตย์หมดลง เธอจึงไม่รอช้าที่จะตอบรับ และต่อยอดมาสร้างบ้านกลางนา กับ ยศพล หอมเนียม พาร์ทเนอร์ผู้รู้ใจที่ช่วยกันดูแลบ้านนี้อย่างใกล้ชิด โดยทั้งคู่ช่วยกันออกแบบ ประกอบบ้านจากไม้มือสอง เลือกของใช้ของตกแต่ง แล้วค่อยๆ ต่อเติมให้บ้านนี้สมบูรณ์ขึ้นทีละนิด  โดยใช้เงินเก็บและกำไรจากบ้านหลังเก่า มาลงทุนราว 140,000 บาท

     สุดท้ายบ้านโอบอุ่น ซึ่งมีห้องพักรวม 1 ห้องที่สามารถรับแขกได้ 7-12 คน และเต้นท์อีก 3 หลังก็พร้อมเปิดรับคนแปลกหน้าผู้มาเยือน

ที่ที่ไม่ต้องชวนเพื่อนก็มาได้

     หนึ่งในสิ่งที่ทำให้บ้านโอบอุ่นแตกต่างจากโฮมสเตย์อื่นๆ คือ "คุณไม่ต้องรอให้เพื่อนว่าง ไม่ต้องมีรถ ไม่ต้องมีแผนมากมาย แค่อยากมาก็มาได้เลย”

     พัชราภาเล่าว่าแรงบันดาลใจในการทำโฮมเสตย์หลังนี้ มาจากภาพยนตร์เรื่อง Low Season สุขสันต์วันโสด ซึ่งเล่าถึงการเดินทางของคนแปลกหน้าที่มาพบกันโดยบังเอิญ แต่กลับกลายเป็นเพื่อนร่วมทางในช่วงเวลาหนึ่ง จึงอยากให้โฮมสเตย์ เป็นเหมือนจุดนัดพบของคนที่เดินทางคนเดียว ที่แม้จะมาจากคนละที่ แต่กลับเชื่อมโยงกันได้ผ่านความตั้งใจเดียวกัน  

     “เราอยากให้บ้านนี้เป็นพื้นที่ของคนแปลกหน้า ที่เดินทางมาคนเดียวแล้วได้เจอเพื่อนใหม่ ลูกค้าหลักของเราคือคนที่อยากมาคนเดียว บางคนมาจากกรุงเทพฯ บางคนเป็นลูกเพจเที่ยวคนเดียวของเรา ที่ไม่รู้จะไปไหน แต่รู้แค่ว่าอยากออกมาใช้ชีวิต”

     ด้วยเหตุนี้ บ้านโอบอุ่นจึงตั้งใจรองรับแขกที่มาเดี่ยวเป็นหลัก หากจะมาด้วยกัน ก็จำกัดแค่กลุ่มเล็กๆ ไม่เกิน 2-3 คนเท่านั้น เพื่อรักษาบรรยากาศของความเป็นกันเองและการได้ทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ อย่างแท้จริง

     นอกจากนี้ เธอยังจัดให้มีกิจกรรมระหว่างมาพักด้วย โดยในแต่ละวันกิจกรรมจะไม่ได้ถูกกำหนดไว้ตายตัว บางวันอาจจะพาไปเที่ยวใกล้ๆ บ้าน ชวนไปเที่ยวอ่างเก็บน้ำ หรือถ้าอากาศร้อนก็รวมตัวกันไปล่องแพ โดยถ้าเป็นกิจกรรมนอกบ้านที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายเงินเพิ่มก็จะใช้วิธีหารกันในบ้าน และเมื่อกลับมาก็ช่วยกันทำกับข้าว กินข้าวรอบวง ช่วยกันล้างจาน พูดคุยรอบกองไฟ และแยกย้ายกันไปนอน

     “คุณมาคนเดียว ไม่ต้องเอารถมา จากตัวเมืองเชียงใหม่สามารถนั่งรถสาธารณะที่ขนส่ง ลงที่ปากซอย แล้วเราจะออกไปรับ คุณอยู่บ้าน มีข้าวให้กิน มีที่ให้นอน มีให้ทุกอย่าง ไม่ต้องรอชวนเพื่อน รอเพื่อนว่างถึงจะได้มา มาคนเดียวก็ได้”

     บ้านโอบอุ่นจึงไม่ใช่แค่ที่พัก แต่คือประสบการณ์เล็กๆ ที่ทำให้คนแปลกหน้า กลายเป็นเพื่อนกันโดยไม่รู้ตัว  

ความสุขจากการไม่คาดหวัง และมุมมองต่ออนาคต

     รายได้จากบ้านโอบอุ่นเดือนละ 40,000–50,000 บาท

     เมื่อถามพัชราภาว่าพอใจไหม…

      เธอตอบมาว่า “พอใจมากเพราะมันคือความสบายใจในแบบที่เลือกได้เอง อยากหยุดก็หยุดได้ วันไหนไม่มีลูกค้าก็ถือว่าได้หยุด ได้ไปเที่ยวยั มีเวลาที่จะไปทำอย่างอื่นได้”

      ตอนที่เริ่มต้นทำบ้านโอบอุ่นนั้น พัชราภา ไม่ได้วางแผนอะไรมาก ไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์สวยหรู แค่อยากลองทำดู เพราะถ้ามันไม่เวิร์ก หรือถ้าเจ๊งขึ้นมาก็แค่กลับไปเรียนในเส้นทางเดิม ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ในวันนี้นมันกลับกลายเป็นว่า ยิ่งทำ ยิ่งรู้สึกผูกพัน และจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ

     “ถ้าเรียนจบแล้วมาทำตรงนี้จริงๆ อาจจะมี่อะไรทำมากขึ้นไม่ใช่แค่มานอนบ้าน อย่างปีที่แล้วเรามีการจัดโปรแกรมสัญจร นอนบ้านโอบอุ่น 1 คืน แล้วคืนถัดไปพาไปพักที่โฮมสเตย์ของชาวบ้านในละแวกเดียวกัน เหมือนเราช่วยเหลือสนับสนุนกันและกัน และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับแขกที่มาเยือนด้วย”

     สุดท้าย สำหรับน้องๆ หรือนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ และมีความคิดอยากเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง มีคำแนะนำจากพัชราภาว่า ลองดูถ้ามีโอกาส และไม่ทำให้เราเดือดร้อน หรือเสียหายอะไร ลองทำเถอะ ไม่ต้องรอให้พร้อม ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รอด เพราะบางทีสิ่งที่ดูเหมือนเล็กน้อยตอนเริ่มต้น อาจกลายเป็นสิ่งที่ใหญ่และมีความหมายในชีวิตเราได้อย่างคาดไม่ถึง

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

SME ไทยจะอยู่รอดได้อย่างไรท่ามกลางสงครามการค้า

การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จุดชนวนสงครามการค้ารอบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ดังนั้น SME ไทยจึงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง ...แล้วเราจะอยู่รอดได้อย่างไร

รวม 3 แบรนด์มะขาม รายได้ 100 ล้าน

พาไปส่อง 3 แบรนด์มะขามดัง ทั้งมะขามสารัช บ้านมะขาม และจี๊ดจ๊าด ที่บอกเลยว่ารายได้ไม่ธรรมดา เพราะเติบโตจนมีรายได้หลัก 100 ล้านบาท

ทำร้านเบเกอรี่ยังไงให้เนื้อหอม? SmoreBite ชลบุรี แค่ 2 เดือนมีห้างดังรุมจีบ

 แค่ 2 เดือน “เซฟ-ปัณฑา ลอออรรถพงศ์” หนุ่มน้อยวัย 24 ปี ก็พา SmoreBite ร้านเบเกอรี่ในชลบุรี ปังจนห้างดังอย่างพารากอนและเดอะมอลล์ต้องมาจีบ ... เขาทำได้อย่างไร