เจาะกระบวนท่าท้าดวล ส่ง “อบอวล” สู้ศึกตลาดยาดม ปรุงกลิ่นหอมแปลกใหม่ ไม่เหมือนใครจากมือแพทย์แผนไทยประยุกต์สุดล้ำ!

Text: VaViz

Photo: สุนันท์ ล้อสมทรัพย์  


     ทั้ง Hot! ทั้ง Hit! แถมยังเป็นสินค้าตัว Top ในวินาทีนี้เลยก็ว่าได้ กับไอเทมคู่ใจอย่าง “ยาดม” ที่ใครๆ ก็พากันพกติดกระเป๋า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะได้เห็นหลายต่อหลายแบรนด์พากันเข็นโปรดักต์ที่ว่า มาประจันหน้ากันบนเวที และที่เด็ดไม่แพ้ใคร ต้องยกให้ “อบอวล” แบรนด์ยาดมสุดชิค ที่กำเนิดจากความคิดของแพทย์แผนไทยประยุกต์ ที่บอกเลยว่า ไม่ใช่แค่สดชื่น แต่ต้องถึงกับร้องว่า “มีกลิ่นนี้ด้วยหรือฟะ!” กันทีเดียว

     ว่าแต่ว่า “จะนำ Passion ส่วนตัวที่ชอบศึกษาและสะสมน้ำหอม X สิ่งที่เรียนมาอย่างไรถึงจะลงตัว?” คือคำถามที่พา นันท์นภัส เฮงฮะสุน เจ้าของแบรนด์สู่การประเดิมเส้นทางธุรกิจในวัยเพียง 25 ปี จวบจนวันนี้ได้วางยาดมขายใน ICON Siam และจัดส่งให้กับโรงแรม Banyan Tree Krabi ทุกๆ 3 เดือนในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา

     อะไรคือเบื้องหลังที่ทำให้ “อบอวล” ที่มีอายุกว่า 3 ปี โดดเด่นในวงการที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดนี้ได้แบบไม่แพ้ใคร...เชิญสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วไปกะเทาะดูเนื้อในของธุรกิจกัน

เชื่อถือได้ เพราะเรียนมา

     นอกจากจะเพิ่มสตอรี่ให้กับแบรนด์แล้ว การบอกให้รู้ว่า สินค้านั้นผลิตจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจซื้อได้ เหมือนที่ “อบอวล” ขึ้นใน Bio ไว้เลยว่า เป็นยาดมจาก “แพทย์แผนไทยประยุกต์”

     “เรานำความรู้ที่เรียนมาใช้ในการทำยาดม เช่น เรื่องของพื้นฐานในการทำต้องใช้อะไรบ้าง ต้องใช้น้ำมันหอมระเหยแบบไหนถึงจะเบลนหรือเข้ากันได้ดีกับยาดมและทำให้กลิ่นไม่เพี้ยน เรายังศึกษาเพิ่มเติม ลงมือเบลนเอง และทดสอบเองทุกกลิ่น เพื่อให้รู้ว่ากลิ่นแบบไหนควรจะอยู่กับกลิ่นแบบไหน ถ้าเกิดกลิ่นนี้แรงไปควรเอาอะไรมาตัด นอกจากนี้ การจบมาทางนี้โดยตรงยังช่วยให้เราสามารถอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย”

กลิ่นแปลก กลิ่นใหม่ กลิ่นไหนก็จึ้ง!  

     ดังนั้นจะมามีกลิ่นเหมือนกันไม่ได้ ทาง “อบอวล” เลยจัดให้ด้วยการพาเหรดออกกลิ่นที่เชื่อว่าไม่เคยเห็นที่ไหน หรือถ้าเห็นก็คงมีอยู่น้อยเต็มที กับ 2 ไลน์สินค้า ที่เริ่มต้นแบบเบาะๆ ด้วย Original Line หรือกลิ่นที่คนดมง่าย คนเข้าถึงง่าย เช่น กลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นกาแฟ กลิ่นชา กลิ่นนม กลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ กลิ่นแป้งเด็ก กลิ่นส้ม กลิ่นยูคาลิปตัส กลิ่นเปปเปอร์มินต์ และกลิ่นสมุนไพร หรือท้าท้ายขึ้นมาใน Special Line ที่กลิ่นจะแอดวานซ์มากขึ้น เช่น กลิ่นข้าวเหนียวมะม่วง กลิ่นฝน กลิ่นทะเล และกลิ่นโคล่า

     “การทำกลิ่นที่แปลกใหม่นั้นก็เพื่อให้คนได้ค้นหากลิ่นที่เขาชอบไปเรื่อยๆ ซึ่งเราต้องยอมรับว่า เรื่องของกลิ่นนั้นขึ้นอยู่กับการตีความจากความทรงจำของแต่ละคน ถ้าคนที่เขาตีความกลิ่นคนละแบบกับเรา เขาอาจจะไม่ชอบกลิ่นที่เราทำออกมาก็ได้ อย่างไรก็ตาม การทำกลิ่นที่ยังไม่มีในตลาดหรือมีคนทำน้อยสามารถช่วยเพิ่มความโดดเด่นและความแตกต่างให้แบรนด์ ไปพร้อมๆ กับการมีตัวเลือกที่หลากหลายให้ลูกค้าได้”

เพิ่มกิมมิค “กลิ่นนี้ในเทศกาลนี้เท่านั้น!”

     มีกลิ่นแปลกใหม่ยืนพื้นไม่พอ เพราะแบรนด์ยังเพิ่มความ Exclusive สุดๆ กับการออกกลิ่นเฉพาะที่มีขายในช่วงเทศกาลต่างๆ เท่านั้น เช่น กลิ่นน้ำอบที่ขายแค่ช่วงสงกรานต์, กลิ่นขนมปังขิง (Ginger Bread) กับลูกกวาดไม้เท้า (Candy Cane) ช่วงคริสต์มาส, กลิ่นพายฟักทองช่วง Halloween และกลิ่นชาจีน กลิ่นเก๊กฮวย และกลิ่นมะตูมช่วงตรุษจีน เป็นต้น

     “ทางแบรนด์ชอบเล่นกับเทศกาล ช่วงไหนเหมาะกับกลิ่นอะไร เราก็จะหยิบมาทำเป็นกลิ่นพิเศษสำหรับขายเฉพาะในช่วงเทศกาลนั้นๆ ซึ่งหากจะใช้กิมมิคแบบนี้ เราต้องไว ต้องเตรียมตัวให้ดี พอรู้ว่าเทศกาลนี้กำลังจะมา เราต้องยิงแอดให้ลูกค้ารู้ล่วงหน้า และบอกด้วยว่ามีขายในช่วงเวลาจำกัดเท่านั้น เพื่อทำให้ลูกค้าสนใจและตัดสินใจซื้อ”

ถือแล้ว Cool ดูวัยรุ่น!

     อีกเรื่องที่ นันท์นภัส ไม่มองข้ามไปคือการออกแบบหลอดยาดมใหม่ เพื่อเปลี่ยนภาพจำของยาดมที่มักยึดโยงกับความเชยและโบราณ มาเป็นการมีลวดลายในสไตล์มินิมอล ให้การหยิบขึ้นมาดมทุกครั้งดูแล้วเก๋ ดูแล้วคูล

     “เราดีไซน์ให้ยาดมของเราดูสมัยใหม่ ดูวัยรุ่น ถือแล้วไม่แก่ ไม่โบราณ พร้อมตั้งชื่อกลิ่นแบบน่ารักๆ เช่น Let’s Have Some Tea กลิ่นชา, Coffee Break กลิ่นกาแฟ, Give Me Your Chocolate กลิ่นช็อกโกแลต, Under the Orange Tree กลิ่นส้ม หรือ La La Lullaby กลิ่นแป้งเด็ก เพราะฉะนั้น เราอยากให้แบรนด์เราดูเป็นอย่างไรก็ต้องแสดงออกไปอย่างนั้น”

จับกระแส รู้ความต้องการตลาด

     สุดท้าย การติดตามดูคู่แข่ง ศึกษาและสำรวจความต้องการของลูกค้าและตลาด คือสิ่งจำเป็นที่แบรนด์ยึดถือ เสริมกับความกล้าลงมือทำ และดูจังหวะเวลาในการปล่อยสินค้าให้โดนใจผู้คน

     “นอกจากการขายเป็นหลอดเดี่ยว เพื่อให้คนซื้อไปใช้เองแล้ว เรายังทำเป็นแบบแพ็กเกจ 4 หลอดใน 1 กล่องใหญ่ เพื่อให้สามารถซื้อไปเป็นของฝากหรือนำไปแจกได้อย่างไม่น่าเกลียด รวมถึงยังมีการเพิ่มลูกเล่นหนุนการตลาด เช่น ช่วงที่กล่องสุ่มฮิต เราก็ทำเป็นแบบ 7 สี 7 วัน ให้คนลองไปเดากันดูว่าได้ยาดมกลิ่นอะไร”

      ทั้งหมดทั้งมวล คงเป็นไปตามที่ นันท์นภัส ฝากไว้ว่า

     “เราต้องหาจุดแข็งของเราก่อนว่า เราชอบอะไร...

     Passion ของเราคืออะไร...

     เราตีความแบรนด์ของเราอย่างไร...

     ถ้าอยากจะแปลก เราต้องกล้าทำ...

     ถึงจะไปได้ไกล ถึงจะไปได้รอด”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ทำไม Live Exchange จึงเป็นตลาดทุนที่ SME อยากโตต้องรู้จัก ฟัง ประพันธ์ เจริญประวัติ

พูดคุยกับบ "ประพันธ์ เจริญประวัติ" ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ MAI และ Live Exchange ที่จะบอกเล่าว่าทำไม การระดมทุนคือกลไกสำคัญที่จะพา SME ไปสู่ความสำเร็จ และ Live Exchange คือบันไดขั้นแรกที่ SME ทุกขนาดต้องรู้จัก

 The 3rd daughter วาดฝันให้เป็นจริง จากสติกเกอร์สู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ครองใจคนกว่า 10 ปี

ชวนไปดูเส้นทางการทำธุรกิจที่เริ่มต้นจากความหลงใหลในศิลปะจนพัฒนาแบรนด์ The 3rd daughter เข้าไปอยู่ในชีวิตของใครหลายคนผ่านสารพัดของกระจุกกระจิกที่แสนน่ารักมาได้มากกว่า 10 ปี! ของตาต้า-ลดาพร ทรัพย์ภคกุล

RoastNiyom แบรนด์ช็อกโกแลตไม่ใช้สารเคมี ที่เริ่มจากศูนย์ แต่ไม่ศูนย์เปล่า

เพราะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่มีความรู้ด้านการเกษตร ไม่เคยปลูกโกโก้เลย จึงทำให้ สุโรตม์ วงศ์เบี้ยสัจจ์ ต้องใช้เวลานานถึง 7 ปี ลองผิดลองถูกนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งสามารถพลิกพื้นที่รกร้างที่แก่งกระจาน มาเป็น RoastNiyom Chocolate & Cacao Farm  ได้