The 3rd daughter วาดฝันให้เป็นจริง จากสติกเกอร์สู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ครองใจคนกว่า 10 ปี

Text : Yuwadi.s


     ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วที่การขายออนไลน์ยังไม่บูมเท่าปัจจุบัน มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้ความหลงใหลในศิลปะได้เปลี่ยนลายเส้นของเธอให้เป็นรายได้และเริ่มต้นขายบนโลกออนไลน์อย่างใน Instagram นับจากวันนั้นก็เป็นเวลามากกว่า 10 ปีที่แบรนด์ The 3rd daughter ได้เข้าไปอยู่ในชีวิตของใครหลายคนผ่านสารพัดของกระจุกกระจิกที่แสนน่ารัก โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้คือ ตาต้า-ลดาพร ทรัพย์ภคกุล ที่นอกจากจะมีแบรนด์ The 3rd daughter ที่ขายของไลฟ์สไตล์แล้ว เธอยังต่อยอดลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยการเปิดสตูดิโอทำเล็บที่มีคาแรกเตอร์เดียวกันชื่อ The 3rd daughter nail ด้วย โดยตาต้าจะมาเล่าให้ฟังถึงเส้นทางการทำธุรกิจที่เริ่มต้นจากความชอบด้านศิลปะจนพัฒนาแบรนด์มาได้มากกว่า 10 ปี!

จากวาดสติกเกอร์ขายในงานมหาลัยสู่ธุรกิจหลังเรียนจบ

     ตาต้าได้เล่าย้อนให้ฟังถึงความเป็นไปเป็นมาของแบรนด์ มาจากการที่เธอเริ่มต้นวาดสติกเกอร์ขายในงานของมหาวิทยาลัย จนเริ่มมีลูกค้าชื่นชอบ เธอจึงต่อยอดความชอบในงานศิลปะให้กลายเป็นรายได้ระหว่างเรียนและพัฒนาสู่ธุรกิจที่จริงจังขึ้นหลังจากเรียนจบ

     “ต้าไม่เคยทำงานประจำมาก่อนเลย งานนี้เป็นงานแรกของเราที่ทำมาตั้งแต่เราเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ปี1 ปี 2 นับถึงปัจจุบันก็ 10 กว่าปี ตอนนั้นเราเรียนคณะมัณฑนศิลป์ เรียนเกี่ยวกับศิลปะ แล้วที่มหาวิทยาลัยมีงานลอยกระทง ให้นักศึกษาขายของในตลาดได้ ต้าเลยทำสติกเกอร์ไปขาย เป็นจุดเริ่มต้นเลย พอเราลงผลงานใน Instagram ก็เริ่มมีคนชื่นชอบ เขาก็จะสั่งออนไลน์บ้าง บางทีลูกค้าก็ทักมาว่าเอาลายไปทำเป็นโพรดักส์อื่นๆ ได้ไหม มันเลยเหมือนเราเริ่มทำมาจากการพูดคุยกับลูกค้า นอกจากสติกเกอร์ก็จะมีเคสโทรศัพท์ ต้าจะเน้นแฮนด์เมดในช่วงแรก ตอนนั้นเรายังเด็กไม่ได้มีเงินทุนมาผลิตอะไร เราจะทำงานมือเป็นหลัก เราก็ศึกษาว่าถ้าเราเพนต์บนเคสแล้วจะใช้อะไรเคลือบให้มันอยู่ทนบ้าง เราก็ลองทำแล้วขายดู พอมันโอเคขึ้น ดูดีขึ้น เราก็โพสต์ขายเคสจริงจังมากขึ้น”

     หลังจากเรียนจบ ตาต้าเริ่มจริงจังกับแบรนด์มากขึ้นด้วยการมองหาผู้ผลิตที่จะนำลายเส้นของเธอไปต่อยอดเป็นสินค้าและขยายสินค้าจากแค่เคสโทรศัพท์สู่สินค้าอื่นๆ อาทิ Jibbitz ติดรองเท้า Griptok ติดโทรศัพท์ เสื้อยืด เป็นต้น

     “หลังจากเราเรียนจบได้ 1-2 ปี เราก็เริ่มทดลองผลิตของผ่านโรงงาน เราเก็บเงินจากการทำแฮนด์เมดได้แล้วก็เลยเริ่มลงทุนให้ร้านที่เขารับผลิต อย่างที่รับสกรีนลงบนเคสมือถือ เราลองมาเซ็ตหนึ่งและวางขายก่อน แต่งานแฮนด์เมดก็ยังรับอยู่ ส่วนใหญ่งานแฮนด์เมดจะเป็นงานที่เราคัสตอม ลูกค้าจะรีเควสลายได้ ส่วนงานที่พร้อมส่งก็จะเป็นงานที่เราทำตัวคาแรกเตอร์ที่เป็นตัวการ์ตูน เราทำควบคู่กัน หลังจากเคสมือถือเราก็ต่อยอดไปแกดเจ็ตอื่นๆ เช่น Griptok ติดโทรศัพท์ ที่ติดรองเท้า กระเป๋า พวงกุญแจเหมือนตุ๊กตา พอผลิตอย่างหนึ่ง ลูกค้าก็จะบอกให้ลองเอาไปทำอันนั้นอันนี้ ทดลองไปเรื่อยๆ อีกอย่างเราเป็นคนชอบซื้อของแบบนี้ ชอบอะไรกระจุกกระจิก เราก็อยากลองเอาคาแรกเตอร์ของเราไปทำเป็นของหลายๆ แบบ”

     โดยตาต้าเล่าต่อถึงตัวการ์ตูนที่เป็นคาแรกเตอร์หลักของแบรนด์คือ Sunny Gang แก๊งสัตว์ที่ถูกวาดผ่านลายเส้นสุดน่ารักของตาต้าและนำไปทำเป็นสินค้าต่างๆ

     “ตอนแรกต้าชอบวาดรูปสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว จากการที่เราเคยวาดสัตว์เลี้ยงของลูกค้า เราก็เริ่มวาดจากกระต่าย จากนั้นก็มีหมา มีช้าง มีกบ เพนกวิน มาเยอะมาก เราเลยเรียกน้องแก๊งนี้ว่า Sunny Gang เพราะโลโก้ของต้ามันเป็นพระอาทิตย์ด้วย เราเลยตั้งชื่อแก๊งนี้และให้เขาเป็นเหมือนเพื่อนของเรา แต่ละธีมก็จะเปลี่ยนตามคอลเลกชัน เช่น ธีมในทุ่งสตรอเบอร์รี่ อยู่ในสวนดอกไม้ อยู่ในทะเล จะเป็นน้องๆ อยู่ในธีมต่างๆ”

พาแบรนด์เดินไปข้างหน้าด้วยการต่อยอดสู่ร้านเล็บและไปต่างประเทศ

     อีกหนึ่งการต่อยอดแบรนด์จากลายเส้นศิลปะสู่การทำสตูดิโอทำเล็บแบบไพรเวทที่ต้องจองล่วงหน้า โดยเธอเล่าว่าเธอไม่มีความรู้ด้านการทำเล็บมาก่อน แต่ด้วยความที่พี่สาวอยากให้ลายเส้นสุดน่ารักของตาต้าไปอยู่บนเล็บของพี่สาว ทำให้เธอตัดสินใจลงเรียนทำเล็บและต่อยอดเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ

     “ต้าไม่ได้อยากจำกัดงานศิลปะให้อยู่แค่ในผืนผ้าใบหรือกรอบรูป พี่สาวเราก็เห็นมาตลอดว่าเราชอบศิลปะ แล้วเขาอยากทำเล็บ เลยถามว่าเราทำได้ไหม แต่เราทำไม่เป็นเพราะทำเล็บมีวิธีของมัน พี่สาวเลยเสนอว่าไปเรียนไหมเดี๋ยวส่งไปเรียน เราเลยโอเค เราลองเรียนคอร์สหนึ่ง แล้วก็เอามาทำลายของตัวเอง เรามีสกิลศิลปะอยู่แล้ว เอามาปรับกับอุปกรณ์ที่มี ตอนนี้เราเลยทำสตูดิโอไพรเวทด้วยให้คนจองเข้ามาทำเล็บ แต่ไม่ได้รับทำลายอื่นๆ จากร้านอื่น รับทำลายที่เราออกแบบไว้หรือจะให้เราออกแบบก็ได้”

     นอกจากนี้เธอยังชอบพางานของเธอไปสู่สายตาของลูกค้าต่างประเทศอยู่เสมอด้วยการพาแบรนด์ไปงานแฟร์ที่ต่างประเทศ

     “เริ่มแรกคือเราอยากไปเที่ยว ต้ามีความฝันอยากเที่ยวต่างประเทศ หลายๆ ประเทศ แต่เราไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น จะทำยังไงให้เราไปเที่ยวแล้วได้เงินด้วย เราเลยลองเสิร์ชหางานอีเวนต์ที่ต่างประเทศดู เสิร์ชดูอีเวนต์ที่รับคนต่างประเทศว่าเขารับช่วงไหน มีอีเวนต์ช่วงไหน เราก็สมัคร ส่งพอร์ตฟอลิโอเข้าไปคัดเลือกอีกทีว่าเราได้ไหม เราก็ทำตามขั้นตอนเลย ไม่ได้สมัครแล้วได้เลยมันต้องผ่านการคัดเลือกด้วย ข้อดีของการพาแบรนด์ไปต่างประเทศเลยคือเราได้เที่ยวแน่ๆ สองคือเราได้ลูกค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเยอะมาก มันเซอร์ไพรส์เราเหมือนกัน พอไปแล้วมีคนรู้จักเรา ลูกค้าบอกว่าเขาเคยเห็นงานเราตอนมาเที่ยวไทยนะ จากหน้าร้านที่วางขาย แล้วก็มีคนมาหาเราเยอะมาก ศิลปินด้วยกันเองจากประเทศนั้นๆ ก็มา ได้มิตรภาพจากศิลปินด้วยกันเองด้วย คิดถูกมากที่ไป”

     โดยตาต้าได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญที่ทำให้แบรนด์ของเธออยู่ในตลาดออนไลน์มายาวนานมากกว่า 10 ปีได้ เพราะเธอทำในสิ่งที่เธอรักและพัฒนาสิ่งที่ทำไปเรื่อยๆ

     “เอาจริงๆ เลยคือต้าชอบวาดรูป ชอบงานที่ต้าทำมากๆ มันเป็นแพสชัน เรามีความสุขกับมันทุกวัน ต้าไม่เคยมองภาพตัวเองทำงานประจำเลย ถามว่าเคยคิดไหม ก็เคยคิด แต่พองานที่เราทำมันไปได้เรื่อยๆ เราเลยไม่คิดที่จะหยุดทำมัน อยากทำมันต่อไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่ทำก็จะมีแรงใจในการทำมันไปเรื่อยๆ”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ทำไม Live Exchange จึงเป็นตลาดทุนที่ SME อยากโตต้องรู้จัก ฟัง ประพันธ์ เจริญประวัติ

พูดคุยกับบ "ประพันธ์ เจริญประวัติ" ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ MAI และ Live Exchange ที่จะบอกเล่าว่าทำไม การระดมทุนคือกลไกสำคัญที่จะพา SME ไปสู่ความสำเร็จ และ Live Exchange คือบันไดขั้นแรกที่ SME ทุกขนาดต้องรู้จัก

RoastNiyom แบรนด์ช็อกโกแลตไม่ใช้สารเคมี ที่เริ่มจากศูนย์ แต่ไม่ศูนย์เปล่า

เพราะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่มีความรู้ด้านการเกษตร ไม่เคยปลูกโกโก้เลย จึงทำให้ สุโรตม์ วงศ์เบี้ยสัจจ์ ต้องใช้เวลานานถึง 7 ปี ลองผิดลองถูกนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งสามารถพลิกพื้นที่รกร้างที่แก่งกระจาน มาเป็น RoastNiyom Chocolate & Cacao Farm  ได้

เด็ก 8 ขวบไอเดียเจ๋ง! สร้างแบรนด์ Kiid Coffee กาแฟสำหรับเด็ก ทำเงินแสนเหรียญ

ตามไปดูเรื่องราวของผู้ประกอบการตัวน้อย อีธาน แซนบอร์น กับการทำธุรกิจ Kiid Coffee กาแฟสำหรับเด็ก ที่เพิ่งได้รับเงินลงทุนหลัก 5 หลักจากรายการ Shark Tank