อดีตเมคอัพอาร์ตติส คิดน้ำมันหอมระเหยคลายเครียด จากปัญหาสุขภาพส่วนตัว สู่โอทอป 5 ดาวขึ้นเครื่อง

TEXT : Surangrak Su

PHOTO : Sunun Lorsomsub


     จากเคยตกเป็นผู้ประสบภัยที่ต้องเผชิญกับปัญหาความเครียด จนส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย ศิรดา โกศัยภัทร์ อดีตช่างแต่งหน้าจึงคิดหาวิธีบำบัดตัวเองแบบธรรมชาติ จนวันหนึ่งได้มารู้จักกับโลกของน้ำมันหอมระเหย กลิ่นหอมและเย็นอ่อนๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย คลายกังวล จึงเริ่มศึกษาและทดลองทำขึ้นมาด้วยตัวเอง แรกๆ แค่อยากทำใช้ แต่เมื่อลองแล้วผลตอบรับดีเกินคาด ให้ใครใช้ต่างก็ชื่นชอบ จนเป็นที่มาสู่การทำเป็นผลิตภัณฑ์ออกมาจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ ‘WORADA’ เมื่อ 15 ปีก่อน ที่อยู่ดีๆ วันหนึ่งก็ได้ขึ้นแท่นเป็นโอทอประดับ 5 ดาว แถมยังได้รับคัดเลือกนำไปขายบนเครื่องบิน ขยายตลาดทั่วไทยและต่างประเทศได้

เจ้าแรกที่ใช้คำว่า Cooling Oil

     “เริ่มต้นจากปัญหาสุขภาพของตัวเอง คือ เราเป็นโรคเครียด นอนไม่ค่อยหลับ เป็นมานานตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เคยไปหาหมอ ก็ได้แต่ยานอนหลับมากิน แต่พอตื่นมาเหมือนล้มทั้งยืน ไม่ได้รู้สึกสดชื่นหรือดีขึ้น ยาแค่กดประสาทให้นอนหลับเฉยๆ จนวันหนึ่งได้ไปรู้จักน้ำมันหอมระเหย เหมือนเดินๆ อยู่แล้วได้กลิ่น ก็รู้สึกผ่อนคลาย สบาย เลยไปหาข้อมูลเรียนรู้เพิ่มเติม จนเริ่มรู้สึกหลงรักเลยทดลองทำขึ้นมา คนอื่นอาจเริ่มจากไปลงเรียนมาก่อน แต่สำหรับเราพอเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา ก็ทดลองทำเลย เดินเข้าร้านสมุนไพรไปหาซื้อวัตถุดิบ โดยมีโจทย์ว่า ต้องหอมเย็น สดชื่น ผ่อนคลาย คิดแค่นั้นเลย แล้วก็ลองปรุงออกมา สูตรวันนั้นกับวันนี้ก็ยังเป็นตัวเดิมอยู่สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวแรก “Cooling Oil” เราเป็นคนแรกเลยที่คิดขึ้นมาและนำคำนี้มาใช้ ซึ่งมันมีความหอมเย็นที่แตกต่างไม่เหมือนใคร หลายคนถามว่าไปเอาสูตรมาจากไหน เลยบอกไม่ถูกเลย เพราะเราทำขึ้นมาจากความรู้สึก แรงบันดาลใจว่าเราอยากได้ออกมาประมาณนี้” ศิรดาเล่าที่มาให้ฟัง

     เมื่อได้สูตรที่ชื่นชอบ ศิรดาเล่าต่อว่าก็ได้นำไปให้เพื่อนๆ ได้ลองใช้ ผลปรากฏว่าเป็นที่ฮือฮา ทุกคนเชียร์ให้ทำออกมาขาย แบรนด์ WORADA จึงได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน ในงานออกร้าน ชื่องาน “ขอบลาน” ที่จังหวัดเพชรบุรี จนเมื่อเห็นแนวโน้มว่าไปได้ดี ศิรดาก็เข้ามาลุยเต็มตัว ตั้งแต่ทำโรงงานผลิตเอง ตระเวนไปออกบูธตามจังหวัดต่างๆ เพราะในสมัยนั้นการค้าออนไลน์ยังไม่พัฒนาขึ้นมามากอย่างทุกวันนี้ จนแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนได้มีโอกาสรับคัดเลือกให้กลายเป็นโอทอปขึ้นเครื่อง นำไปจำหน่ายอยู่บนสายการบินไทย จากขายแค่ในประเทศ ก็เริ่มจำหน่ายออกไปต่างประเทศ

เพราะเข้าใจ เลยทำออกมาได้ดี

     ศิรดาเล่าว่า จุดเด่นที่ทำให้แบรนด์ WORADA สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้บริโภคได้นั้น เป็นเพราะความเข้าใจอย่างแท้จริง เพราะเธอไม่เพียงแค่พยายามทำความเข้าใจ แต่คือ หนึ่งในผู้ประสบภัยที่เจอปัญหามาคล้ายกัน ผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นขึ้นมาจึงออกมาจากความต้องการของคนที่ประสบปัญหาจริงๆ

     “ส่วนใหญ่กว่า 80% ลูกค้าของแบรนด์วรดา คือ คนที่กลับมาซื้อซ้ำ เป็นเราไม่เพียงแต่เข้าใจ แต่เรา คือ หนึ่งในคนที่ป่วยเป็นทั้งโรคซึมเศร้าและแพนิคด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะจากความเครียดที่สะสมมานาน ซึ่งอาจเป็นความโชคดีที่เป็นทั้งสองอย่างพร้อมกันเลยทำให้เกิดความบาลานซ์ ซึมเศร้า คือ อยากตาย แพนิค คือ กลัวตาย เอาจริงระหว่างทางเราก็เคยคิดทำร้ายตัวเองหลายครั้งเหมือนกันจากอาการซึมเศร้า แต่ทุกครั้งก็จะมีอาการแพนิคเกิดขึ้นมาด้วย เลยทำให้เรายังอยู่จนทุกวันนี้ คนที่มาใช้สินค้าของเรา มีตั้งแต่นำไปใช้เพื่อคลายเครียด ผ่อนคลาย ไปจนถึงคนที่มีอาการซึมเศร้า แพนิค ซึ่งเราเข้าใจถึงความทรมานของสิ่งนี้ดี ทุกอย่างที่ทำขึ้นมาเราจึงใช้ความรู้สึก ใช้หัวใจในการออกแบบกลิ่นและผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาเพื่อพวกเขา เพื่อให้กลิ่นเหล่านี้ได้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวัน ไปช่วยบำบัดเขา ตั้งแต่ตื่นนอน ไปทำงาน จนถึงเข้านอน เหมือนวรดาเป็นเพื่อนของเขา ตลอดระยะเวลา 15 ปี มีหลายคนคิดอยากทำแบบเรา แต่เขาก็เลียนแบบได้แค่ผลิตภัณฑ์ แต่เลียนแบบจิตวิญญาณ ความเข้าใจแบบเราไม่ได้ เพราะเราอยู่กับอาการเหล่านี้มาตลอด มันถูกทดสอบมาจากความรู้สึกของเราจริงๆ จึงเข้าใจดีว่ากลิ่นแบบไหน ความรู้สึกแบบไหนที่จะทำให้พวกเขารู้สึกดีและผ่อนคลายได้ นี่คือ จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์วรดา”

     นอกจาก Cooling Oil ที่เป็นโปรดักต์ฮีโร่ ปัจจุบันแบรนด์ WORADA ยังแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกไปอีกมากมาย อาทิ  สเปรย์ฉีดหมอน, ยาครีมสมุนไพร, มอยเจอร์ไรเซอร์ออยล์, สเปรย์ปรับอากาศ ล่าสุด คือ Sweet Secnted Massage Oil น้ำมันคลายเครียด ใช้แล้วอารมณ์ดี ที่กำลังมาแรงเหมือนกัน นอกจากนี้ยังพยายามคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ร่วมกับหน่วยงานราชการ โดยนำพืชพื้นบ้านมาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วย อาทิ ยาสีฟันจากน้ำมันมะนาว พืช GI จังหวัดเพชรบุรี ที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบตทีเรียได้ดี เป็นต้น

เจอปัญหาแพ็คเกจจิ้ง จนคิดอยากเลิกผลิต

     ดูเหมือนตลอดเส้นทางธุรกิจที่ผ่านมา แบรนด์ WORADA จะประสบความสำเร็จด้วยดีมาตลอด แต่ศิรดาเล่าว่าความจริงก็มีเรื่องให้ต้องสะดุด จนเกือบคิดปิดกิจการเหมือนกัน

     “จริงๆ แบรนด์วรดาเรามีปัญหาเรื่องแพ็กเกจจิ้งมาตลอดตั้งแต่เริ่มต้นเลย เพราะเริ่มมาจากแบรนด์เล็กๆ แพ็กเกจจิ้งก็ใช้ที่มีในท้องตลาด บางทีก็ต้องเปลี่ยนใหม่ไปเรื่อยๆ เพราะเขาเลิกผลิตไปแล้วบ้าง บางทีก็มีปัญหารั่วซึมบ้าง ลูกค้าเอาไปใช้ก็หกเลอะกางเกง เลอะกระเป๋าเขา จนท้อมากอยากเลิกผลิตไปเลย แต่มันก็มีคำพูดจากลูกค้าว่า อย่าเลิกผลิตเลย ต่อให้มันจะหกเลอะเทอะยังไง เขาก็จะยังซื้อใช้ เลยเป็นแรงผลักดันให้เราไป แต่ในที่สุดเราก็มาเจอเหตุการณ์จุดเปลี่ยนสำคัญของแบรนด์

     “จนเราได้มีโอกาสได้เป็นโอทอปขึ้นเครื่อง จำหน่ายอยู่บนการบินไทย ซึ่งก็ค่อนข้างขายดี จนวันหนึ่งจู่ๆ ก็มีมีเมลล์ส่งมาจากลูกค้าแจ้งว่า ซื้อสินค้าเราไปแล้ว แต่ไม่มีน้ำมันอยู่ในขวดเลย ตอนแรกเราก็ตกใจว่าเป็นไปได้ยังไง เลยเรียกสินค้ากลับคืนมาทั้งหมด สิ่งที่เห็นเหมือนผีหลอก คือ กล่องภายในดูปกติหมด ไม่มีหกเลอะเทอะ แต่พอแกะออกมาลองใช้ คือ ไม่มีน้ำมันอยู่ในขวดจริงๆ ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากแรงดันอากาศที่ต่างกันตอนอยู่บนเครื่อง พอไปเช็คเมลล์อีกครั้งปรากฏว่าลูกค้าส่งมายาวเป็นหางว่าวเลยจากหลายๆ ประเทศที่เขาซื้อไป เราก็ทำการรับผิดชอบไล่ติดต่อลูกค้าทั้งหมดเลย และก็ส่งสินค้าใหม่ไปให้เขา”

     จากจุดนั่นเองที่ทำให้ศิรดาตะหนักได้ว่า ถ้าอยากไปต่อได้ไกล ต้องลงทุนกับแพ็กเกจจิ้งอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถส่งออกได้ อยู่บนเครื่องได้ จนมาเป็นขวดอลูมิเนียมอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ซึ่งปิดได้สนิทมากกว่า มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร จากวิกฤตก็พลิกมาเป็นโอกาส จนทำให้แบรนด์ได้รับรางวัลใหญ่หลายรางวัล อาทิ PM Export Award The Best OTOP ปี 2020, PM Award Creative SME ปี 2020, รางวัล MSME Provincial Champion ปี 2566 อันดับ 1 จังหวัดเพชรบุรี รวมถึงได้ไปวางจำหน่ายที่ร้าน King Power สนามบินสุวรรณภูมิ

 

6 เดือนแห่งวิกฤต แต่กลับมาได้เพราะออนไลน์

     ศิรดาเล่าว่าตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี ในด้านการทำตลาด แบรนด์ WORADA ถือว่าอยู่ในตำแหน่งตั้งรับมาเกือบตลอด เพราะมั่นใจในคุณภาพที่มาจากความตั้งใจจริง จึงปล่อยให้สินค้าทำหน้าที่ขายตัวเอง โดยไม่ได้เน้นโฆษณาโปรโมตใดๆ จนกระทั่งเมื่อ 6 เดือนก่อนที่เจอเข้ากับวิกฤตใหญ่ จนกิจการเกือบไปไม่รอด ยอดขายตกฮวบ จึงทำให้เธอต้องลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง

     “6 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นวิกฤตหนักสุดของเราในรอบ 15 ปีที่ทำธุรกิจมาเลย ช่วงโควิดที่ผ่านมาเรายังรอด กลับทำยอดขายเพิ่มได้ 3 เท่า เพราะทำแอลกอฮอล์ขาย แต่ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา คือ ไปไม่ถูกเลย ยอดขายมันล่วงมากจนแทบคิดจะปิดบริษัท อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเราเป็นคนหนึ่งที่ปล่อยให้สินค้ามันขายตัวเองมานาน เหมือนสินค้าเราติดลมบนมายาวๆ เราก็ไม่ได้ทำการโปรโมตอะไรออกไปมาก จนมานั่งวิเคราะห์หาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร เริ่มจากเช็คตัวสินค้าก่อนว่ามีอะไรผิดปกติไหม ทุกอย่างก็ปกติดี

     “จนเรียนรู้ว่าจริงๆ สิ่งที่เปลี่ยนอาจเป็นพฤติกรรมผู้บริโภค เราเลยลองปรับวิธีการขายใหม่หมด ทำยังไงให้คนรู้จักเรามากขึ้น หาลูกค้าเพิ่ม ที่ผ่านมาที่ธุรกิจเราดีมาตลอด นั่นอาจเป็นลูกค้าแค่ 1% ที่มีอยู่ในประเทศก็ได้ ซึ่งทุกช่องทาง เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ติ๊กต็อก ช้อปปี้ ฯลฯ เรามีไว้หมดแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ยิงแอด ทำคอนเทนต์ หรือการตลาดแบบจริงจัง แต่พอลองทำปรากกว่า ก็ดีขึ้นมาก ยอดเพิ่มขึ้นมาเป็น 3 เท่าจากช่วงที่ลดลงไป ตอนแรกเราไปยิงในติ๊กต็อก ปรากฏว่าขายไม่ได้เลย แต่พอเปลี่ยนมาเป็นเฟซบุ๊ก กลับได้รับการตอบรับที่ดี มีลูกค้าใหม่เข้ามาหาเราเยอะขึ้น รวมถึงลูกค้า OEM ให้เราผลิตสินค้าให้”

     ทุกวันนี้นอกจากต้องประคับประคอง ผลักดันธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจให้อยู่ดี เป็นอีกสิ่งที่ศิรดาต้องทำควบคู่กันไปให้ได้ การต่อสู้ของเธอจึงอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าเจ้าของธุรกิจคนอื่นมากสักหน่อย

     “เราโชคดีที่ได้ทำในสิ่งนี้ ได้บำบัดตัวเองและส่งต่อให้ผู้อื่น ซึ่งทุกครั้งที่ได้เป็นผู้ให้เราจะได้รับพลังบวกดีๆ กลับมาเสมอ มันอาจจะยากกว่าคนอื่นสักหน่อยที่เราจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง แต่เพราะความจริงใจของเราที่อยากเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้จริงๆ บวกกับการรักษาคุณภาพและมาตรฐาน ความเป็นเอกลักษณ์และคุณค่าของแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร สิ่งนี้แหละที่ทำให้ธุรกิจยั่งยืนมาจนทุกวันนี้ได้ สำหรับเราความสำเร็จบางครั้งอาจไม่ได้วัดกันที่ยอดขาย แต่วัดที่คุณค่าว่าเราได้มอบอะไรให้กับลูกค้าและสังคมได้อะไรบ้างมากกว่า” ศิรดาฝากทิ้งท้ายเอาไว้

 

ข้อมูลติดต่อ :

FB : Worada Thailand

โทร. 065 916 9459

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

The Bus Collective เปลี่ยนรถบัสเก่าเป็นโรงแรมสุดชิค ผสานดีไซน์ล้ำกับการท่องเที่ยวยั่งยืนอย่างลงตัว

โมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนรถบัสปลดระวางให้กลายเป็น “ที่พักระดับพรีเมียม” โปรเจกต์นี้ไม่เพียงแต่สร้างมูลค่าใหม่จากทรัพยากรที่หมดอายุการใช้งาน แต่ยังตอบโจทย์เทรนด์ การท่องเที่ยวยั่งยืนที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก

Reborn Studio ปลุกชีวิตขยะทะเล แจ้งเกิด “Grom” อาร์ตทอยฝีมือคนไทย

ความสวยงามของทะเลใครๆ ก็สามารถมองเห็นได้ แต่ จินต์ สถาพรสถิตย์สุข กลับมองเห็นปริมาณของขยะที่ถูกซัดขึ้นมาอยู่ที่ชายฝั่งมากขึ้นในทุกๆ ปี เขาจึงเกิดไอเดียจัดการขยะด้วยการรีไซเคิลเป็นน้อง “Grom” อาร์ตทอยจากขยะพลาสติก