เพราะยุคนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เลยทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป อย่างเช่นการเก็บความทรงจำด้วยภาพถ่ายเป็นที่ระลึกแบบเดิมๆ นั้น ในวันนี้ต้องหลบให้กับโมเดลฟิกเกอร์ 3 มิติ ที่เราสามารถสแกนตัวเองแล้วได้คนจิ๋วเสมือนจริงมาเป็นความทรงจำแทน โดยที่ในเมืองไทยเองก็เริ่มมีสตูดิโอที่ทำโมเดลฟิกเกอร์ 3 มิติมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ YJ 3D MODEL Studio โมเดลฟิกเกอร์ 3 มิติ
มองเห็นโอกาสจากเทรนด์ใหม่
ปิว-สมชาย เจริญจู เล่าว่าหลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย เขาอยากมองหาธุรกิจเล็กๆ อะไรสักอย่างที่จะเริ่มต้นอย่างจริงจัง จึงปรึกษากับน้องชายให้ลองไปดูการทำธุรกิจที่จีนว่ามีเทรนด์ธุรกิจอะไรที่น่าสนใจบ้าง ซึ่งก็มีโอกาสไปเจอกับธุรกิจสแกนโมเดลฟิกเกอร์คนเสมือนจริงที่กำลังมาแรง และเริ่มมีเปิดธุรกิจนี้ในหลายประเทศ
“ที่เมืองจีนมีสตูดิโอทำโมเดล 3 มิติทุกเมือง คือเยอะมาก คนรุ่นใหม่ชอบมาก ขณะที่สิงคโปร์เพิ่งเปิด เราก็กลับมามองที่ไทย เห็นว่ามีคนเริ่มทำแต่น้อยมากๆ ดังนั้นน่าจะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี เลยศึกษามาตั้งแต่ปีที่แล้ว พอเรารู้รายละเอียดต่างๆ ก็มีการปรับเปลี่ยนอะไรนิดหน่อย แล้วเริ่มเปิดสตูดิโอเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว”
หลักการของการโมเดลฟิกเกอร์ 3 มิติ มีอยู่ 3 ขั้นตอน คือ 1. สแกน โดยกล้องจะหมุนสแกนจับภาพ 360 องศา ซึ่งผู้ถ่ายต้องแอคชั่นท่าทางประมาณ 10 วินาที โดยไม่ขยับท่าทางและสีหน้า 2. ประมวลภาพ โดยทางร้านจะเช็คความละเอียดของภาพสแกนอีกครั้งเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และ 3.พริ้นต์ 3D ชิ้นงาน ซึ่งจะใช้วัสดุคือเรซิ่นผสมพลาสติก
ใช้เวลาสแกนประมาณ 10-15 วินาที ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เราจะสแกน 3 -4 รอบเผื่อผิดพลาดและเพื่อให้ลูกค้าเลือก ซึ่งลูกค้าอาจจะรอดูตัวอย่างเลยก็ได้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่ถ้าสมมติว่าลูกค้าบอกไม่รอ เราจะส่งคลิปตัวอย่างไปให้ลูกค้าดูว่ามันจะออกมาประมาณนี้จะแก้อะไรมั้ย ซึ่งส่วนมากจะไม่แก้เพราะว่าเราประมวลจากคนตัวจริงเป็นหลัก จากนั้นขั้นตอนการผลิตใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน เสร็จแล้วเรามีบริการจัดส่งให้ทั้งทางแมสเซนเจอร์หรือไปรษณีย์”
สร้างความรู้ความเข้าใจ
“โจทย์หลักๆ ของธุรกิจในวันนี้คือการที่คนยังไม่รู้จัก เราเลยต้องพยายามทำให้คนรู้จักมากขึ้น ให้คนรู้ว่ากระบวนการมันไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย ช่วงแรกที่เราทำการตลาดจะหนักไปเรื่องแนะนำลูกค้ามากกว่า ลูกค้าสนใจแต่ก็ยังมีคำถามเยอะ เราก็ต้องพยายามคุยกับลูกค้าทุกคนที่ถามมา มีบางคนเข้ามาสตูดิโอแบบไม่เคยรู้แต่อยากลอง แล้วหลายคนก็กลับมาทำซ้ำ 3-4 รอบ พร้อมกับพาเพื่อนมาอีก 2-3 คนเพื่อเก็บความทรงจำกับเพื่อนๆ”
สมชาย บอกว่าลูกค้าที่ทำโมเดล 3 มิติมีความหลากหลายมาก มีตั้งแต่เด็กอายุ 10 ขวบไปจนถึงผู้สูงอายุ 70 กว่าปี เพราะว่าอยากมาเก็บความทรงจำในรูปแบบใหม่ หลายคนมาครั้งแรกก็ติดใจกลับมาอีกครั้งแล้วพาเพื่อนๆ มาทำโมเดล 3 มิติด้วยกัน
“5 เดือนที่เปิดสตูดิโอนี้เหมือนเราทดลองกันอยู่ เราพยายามทำให้มันดีที่สุด สื่อสารให้คนเห็นเยอะที่สุด เราใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย เวลาทำคลิปโปรโมทใน TikTok ก็จะมีคนถามเข้ามากันเยอะมาก วันหนึ่ง 200-300 คน ตอบแทบไม่ทัน บางคนยู่ต่างจังหวัดไม่สะดวกแต่เขาอยากมาทำ เราก็ถือโอกาสนี้รวบรวมข้อมูล ดูว่าที่ถามเข้ามาอยู่จังหวัดไหน เผื่ออนาคตเราอาจจะไปเปิดสาขาที่จังหวัดนั้นด้วย”
สำหรับการทำฟิกเกอร์โมเดล 3 มิตินี้ มีราคาเริ่มต้นที่ 1,399 บาท ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาด ซึ่งมีตั้งแต่ไซส์ S ขนาด 9 เซ็นติเมตร ถึงไซส์ XL ขนาด 18 เซ็นติเมตร และท่า คือท่ายืน ท่านั่งยอง ท่านั่งเต็ม โดยราคาท่านั่งจะสูงกว่าท่ายืน เพราะจะต้องใช้เรซิ่นเยอะขึ้น แม้โมเดลจะมีขนาดใกล้เคียงกันก็ตาม ดังนั้น ราคาจะขึ้นอยู่กับขั้นตอนการผลิตและการใช้วัสดุมากกว่า รวมถึงความซับซ้อนกว่าในบางกรณี เช่น ต้องการรายละเอียดสูงในส่วนที่ซับซ้อน เช่น เสื้อผ้า หรือท่าทางที่ต้องการความแม่นยำ จะต้องใช้วัสดุเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีความละเอียด เป็นต้น ในด้านความคมชัด ถ้าเป็นขนาดใหญ่ก็จะเห็นรายละเอียดมากขึ้น เช่น ตัวหนังสือที่เสื้อ และลายสัก
"ในบรรดาลูกค้าของเรา ยังไม่มีใครบอกว่าไม่เหมือน เขาจะแบบอึ้งตะลึงมากกว่าว่าทำไมมันเหมือนมาก ลูกค้าจะคาดหวังว่าให้เหมือนประมาณสัก 70% เขาก็พอใจแล้ว แต่เราทำได้ 80-90% เลย”
ในส่วนของอนาคต สมชายวางแผนที่จะขยายสาขาหรือทำแฟรนไชส์สู่ต่างจังหวัด หลังจากที่ธุรกิจนี้ลงตัวมากขึ้น รวมถึงช่องทางงานอีเว้นท์ต่างๆ เพราะในวันนี้มีออแกไนซ์รับจัดงานติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อชวนเราไปออกอีเว้นท์ด้วยกัน
ข้อมูลติดต่อ Facebook : YJ 3D MODEL Studio
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี