เจี๊ยะ จากน้ำจิ้มสุกี้โฮมเมดรสมือแม่ สู่ Everything น้ำจิ้มสูตรคลีนเอาใจคนรักสุขภาพ

TEXT : Surangrak

PHOTO : สุนันท์ ล้อสมทรัพย์


     จากแรงบันดาลใจที่ได้เห็นคนรอบตัวเจ็บป่วย จนนำมาซึ่งความสูญเสีย นอกจากจะทำให้ พนิดา เยี่ยมสมถะ หรือ มะเหมี่ยว พนักงานสาวออฟฟิศด้านมาร์เก็ตติ้ง หันกลับมาดูแลสุขภาพตัวเอง ออกกำลังกาย เลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว ยังต่อยอดไปถึงการเริ่มต้นธุรกิจแรกด้วย ใครจะคิดว่าจากสูตรน้ำจิ้มสุกี้ของแม่ที่นำมากินเพิ่มรสชาติให้กับอาหารคลีนในวันนั้น จะกลายเป็นสินค้าต้นแบบน้ำจิ้มสุกี้โฮมเมด และอีกหลายๆ สูตรน้ำจิ้มเพื่อสุขภาพ ที่อร่อยเข้มข้น และดีต่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “เจี๊ยะ” (Jea.th) ในแพ็กเกจจิ้งดูน่ากิน และฉลากน่ารักๆ ที่วางขายอยู่ในร้านค้าสุขภาพชั้นนำของไทย 

ลูกหลานคนจีนเยาวราช

     มะเหมี่ยวเล่าถึงความประทับใจในรสชาติน้ำจิ้มสุกี้โฮมเมดของคุณแม่ให้ฟังว่า เป็นสูตรที่ทำกินกันภายในครอบครัวตั้งเธอเด็กๆ โดยคุณแม่ของเธอมักจะทำติดตู้เย็นไว้เสมอ จนวันหนึ่งเมื่อหันมากินคลีน ดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ก็ได้น้ำจิ้มสูตรของแม่นี่แหละช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร จากที่จืดชืดกลับอร่อยยิ่งขึ้น จนทำให้อยากส่งต่อให้กับคนอื่นได้รับประทานเหมือนกันบ้าง

     “ก่อนหน้านี้ทำงานด้านมาร์เก็ตติ้งมาก่อน เราเป็นลูกหลานคนจีนเยาวราช ตั้งแต่เด็กๆ แม่มักจะทำน้ำจิ้มสุกี้สูตรโบราณนี้ติดตู้เย็นไว้ตลอด เราชอบเอามาใส่โน่นนี่กินตลอด ไม่ใช่แค่เฉพาะสุกี้เท่านั้น จนวันหนึ่งหันมากินคลีนอย่างจริงจัง เพราะได้เห็นคนใกล้ตัวเพื่อนและญาติเสียไปจากโรคร้าย เลยทำให้หันกลับมาดูแลตัวเอง ซึ่งทุกครั้งที่กินอาหารคลีนก็มักจะหยิบน้ำจิ้มสุกี้ของคุณแม่ที่มากินกับอกไก่บ้าง ไข่ต้มบ้าง เพื่อเพิ่มรสชาติให้อาหาร เพราะปกติเป็นคนชอบกินอาหารรสจัดอยู่แล้วด้วย จากจุดนั้นเลยได้ไอเดียว่าถ้าลองเอาสูตรน้ำจิ้มสุกี้ของคุณแม่มาลดหวาน ลดเค็มลง ให้อร่อยจากตัววัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่ผงชูรสได้ก็น่าจะดี เพราะเมื่อ 6-7 ปีก่อน การกินคลีนยังไม่เป็นที่นิยมอย่างทุกวันนี้ ทำให้หาพวกเครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพได้ยาก” มะเหมี่ยวเล่าจุดเริ่มต้นที่มาให้ฟัง

แคลลอรี่ น้อยกว่าท้องตลาดครึ่งหนึ่ง

     หลังจากได้ไอเดีย ด้วยความที่ทำงานด้านมาร์เก็ตติ้งอยู่แล้ว มะเหมี่ยวมีการเก็บข้อมูลจากเพื่อน ญาติ และคนในครอบครัวถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้ทดลองพัฒนาสูตรขึ้นมา รวมถึงการทำวิจัยตลาดเล็กๆ ถึงความต้องการของผู้บริโภคด้วยตัวเอง ก่อนตัดสินใจออกมาลุยธุรกิจเต็มตัว

     “จากที่ลองคิดไว้ เราก็ทดลองพัฒนาสูตรขึ้นมาเลย ปรากฏว่าลองเอาไปให้เพื่อนให้ญาติได้ทดลองชิม ทุกคนไม่มีใครรู้เลยว่านี่เป็นสูตรคลีน เพราะรสชาติเข้มข้นมาก จากนั้นลองนำไปเช็คในแลปเลย พบว่าใน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำจิ้มสุกี้ของเราให้พลังงานแค่ 12 แคลอรี่เอง น้อยกว่าท้องตลาดถึงครึ่งหนึ่งเลย พอได้ข้อมูลแบบนั้น ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น ก็ตัดสินใจลาออกมาทำเต็มตัวเลย

     “จากนั้นก็ลองทำวิจัยการตลาดเล็กๆ เอาจากประสบการณ์การทำงานมาใช้ เช่น ดูว่า PRIORITY ของสินค้าว่าคนกินชอบสินค้าเราเพราะอะไร เพราะรสชาติที่จัดจ้าน, แคลอรี่ต่ำ, โซเดียมต่ำ, ไม่ใส่ผงชูรส ฯลฯ ตัวไหนมากที่สุด ชื่อแบรนด์ควรจะตั้งแบบไหนดี ซึ่งเราอยากได้คำสั้นๆ กระชับ จนมาได้คำว่า “เจี๊ยะ” ที่แปลว่ากิน เพราะเราก็เป็นลูกหลานคนจีนเยาวราชด้วย ส่วนตัวฉลาก ด้วยความที่เป็นสูตรจากคุณแม่ เราเลยใช้รูปผู้หญิงจีนกำลังทำอาหาร เพื่อสื่อถึงความเป็นโฮมเมด นี่คือ ภาพของน้ำจิ้มเจี๊ยะที่เราอยากสื่อออกไป”

     นอกจากจุดเด่นที่เล่ามา ในด้านจุดเด่นด้านรสชาติ มะเหมี่ยวเล่าว่านอกจากเป็นสูตรแบบโฮมเมดและดีต่อสุขภาพ น้ำจิ้มสุกี้เจี๊ยะยังเป็นสูตรน้ำจิ้มสุกี้แบบโบราณหารับประทานได้ยาก โดยมีความเข้มข้นจากเครื่องเทศและสมุนไพรที่ใส่ลงไป

     “น้ำจิ้มสุกี้ของคุณแม่เป็นสูตรโบราณหารับประทานได้ยาก ไม่เหมือนน้ำจิ้มสุกี้ทั่วไป หรือสูตรกวางตุ้ง, สูตรไหหลำที่วางขายกัน แต่ของเรามีการใส่เต้าหู้ยี้ กระเทียม รากผักชี และพริกลงไปด้วย จึงทำให้มีความเข้มข้นจัดจ้านมากกว่า ไม่ใส หรือเหลวเกินไป ในด้านวัตถุดิบเราเลยใช้ของดีมีคุณภาพ มีประโยชน์ต่อร่างกาย เหมือนทำกินเองในบ้านแบบจัดเต็ม เช่น น้ำมันงา เราก็ใช้เป็นน้ำมันงาร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เพราะอยากทำให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งเราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแค่น้ำจิ้มสุกี้ แต่สามารถใช้เป็นน้ำจิ้มอเนกประสงค์ เอาไปจิ้มกับอะไรก็ได้ เราอยากนำเสนอให้ผู้บริโภครู้ว่าจริงๆ การกินคลีนไม่ได้ยากเลย”

 

พัฒนาสูตรจากความต้องการของผู้บริโภค

    จากน้ำจิ้มสุกี้เพียงสูตรเดียว ปัจจุบันมะเหมี่ยวเล่าว่า เจี๊ยะ ได้มีการพัฒนาสูตรน้ำจิ้มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ออกมาอีกมากมาย ทั้งหมดเกิดขึ้นได้จากการรับฟังความต้องการของลูกค้า

     “ตอนแรกเราเริ่มต้นมาจากสูตรเดียวก่อน ต่อมาเริ่มมีลูกค้าบอกว่าเป็นคนไม่กินเผ็ด ช่วยทำสูตรเผ็ดน้อยให้หน่อยได้ไหม ต่อมาเริ่มมีกระแสใหม่ๆ เข้ามา เช่น คีโต เราก็เพิ่มสูตรคีโตเข้าไป คือ ไม่ใช้น้ำตาลเลย แต่ใช้หญ้าหวานแทน แคลอรี่ก็น้อยกว่าเดิมลงไปอีก 1 ช้อนโต๊ะเหลือแค่ 5 แคลอรี่เท่านั้น ซึ่งแต่ละสูตรเราจะระบุไว้ที่ฉลากเลยว่ากี่แคลอรี่, น้ำตาลเท่าไหร่, โซเดียมเท่าไหร่ เพื่อให้สะดวกแก่ผู้บริโภค จนปัจจุบันนี้เราไม่ได้มีแค่น้ำจิ้มสุกี้ แต่ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกที่เป็นสูตรคลีนเพื่อสุขภาพ เช่น ซอสก๋วยเตี๋ยวเรือ, น้ำสลัดต่างๆ น้ำซุปหมู, ซอสต้มยำ ทุกอย่างมาจากการฟีดแบ็กความต้องการของลูกค้าและนำมาพัฒนาธุรกิจ ทุกวันนี้แบรนด์ใหญ่ก็หันมาทำน้ำจิ้มเพื่อสุขภาพกันเยอะขึ้น เราแบรนด์เล็กๆ ก็อาศัยการใกล้ชิดลูกค้าได้มากกว่าเป็นข้อได้เปรียบ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีแพลตฟอร์มต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าช่องทางโซเชียลมีเดีย การไลฟ์สดขายของ ขอแค่ฟังเสียงลูกค้าเยอะๆ”

     ปัจจุบันราคาน้ำจิ้มสุกี้เจี๊ยะเริ่มต้นที่ 100, 120,165 บาท กลุ่มลูกค้ามีตั้งแต่วัยรุ่น คนวัยทำงาน คนรักสุขภาพ ผู้ต้องการควบคุมอาหาร โดยวางจำหน่ายในช่องทางออนไลน์และร้านค้าสุขภาพต่างๆ เช่น ร้านใบเมี่ยง ซึ่งเป็นร้านเปิดตัวของแบรนด์, ร้านกินซี่, ร้านนับแคล, กูร์เมต์ มาร์เก็ต, วิลล่า มาร์เก็ต, เลมอนฟาร์ม, ริมปิง รวมไปถึงห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรดต่างๆ

    โดยมะเหมี่ยวได้ฝากข้อคิดถึงคนที่วันหนึ่งอยากผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการว่า

     “ความยากของการเป็นผู้ประกอบการ คือ เราต้องทำทั้งเรื่องที่เราถนัด และไม่ถนัดให้ได้ ในการทำงาน คุณอาจรับผิดชอบที่ด้านเดียว แต่เป็นผู้ประกอบการคุณต้องรู้ทุกเรื่อง เหมือนเลี้ยงลูกคนหนึ่ง ดังนั้นถ้าอยากทำอะไร อยากให้เริ่มจากสิ่งที่เรามีแพชชั่น เพราะเมื่อเราอินกับมัน จะทำให้ไปได้ไกล และยั่งยืนมากกว่า เหมือนทุกวันนี้ถ้ามีคนถามว่าเมนูไหนที่กินบ่อยที่สุดในชีวิต คำตอบก็คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากสุกี้ แน่นอน” มะเหมี่ยวกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้  

     ข้อมูลติดต่อ

     เจี๊ยะ น้ำจิ้มเพื่อสุขภาพ

      https://www.instagram.com/jea.th/

      https://www.facebook.com/jeasauce/?locale=th_TH

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน