รู้จัก Thailand Taxonomy กติกาการค้าใหม่เพื่อความยั่งยืน

     นานแค่ไหนกันแล้วที่คนไทยไม่ได้ใส่เสื้อหนาวตามฤดู

     นานแค่ไหนที่ระยะเวลาของฤดูหนาวมีจำนวนวันน้อยลงทุกที

     นี่คือ ตัวอย่างของผลกระทบมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ที่กลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  ปัญหาดังกล่าวล้วนเกิดมาจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้งสิ้น เพื่อแก้ปัญหานี้ทำให้ทุกภาคส่วนเกิดการตื่นตัวที่จะช่วยกันลดโลกร้อน

     ปลายปี 2565 ได้มีความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในภาคการเงินเพื่อความยั่งยืน คือการออกร่างมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (Thailand Taxonomy) เป็นฉบับแรก ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับภาคธุรกิจ ในการวางแผนกลยุทธ์เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

     ทั้งนี้ผู้ประกอบการธุรกิจควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Thailand Taxonomy เพื่อการเตรียมตัวปรับในอนาคต

Taxonomy ไม่ใช่การเก็บภาษี

     ก่อนอื่นต้องบอกว่า Taxonomy ไม่ใช่การเก็บภาษี แต่คือ ระบบการจำแนกประเภท และการจัดทำรายการกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน กล่าวคือกำหนดมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมระบุวัตถุประสงค์ ที่คำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึง ระบุวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม หลักการในการระบุกิจกรรมว่าเป็นสีเขียว กำหนดภาคเศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรมที่อยู่ในขอบเขต และวิธีการดำเนินงาน

Thailand Taxonomy คือ อะไร

     Thailand Taxonomy คือ มาตรฐานกลางที่ใช้ในการจำแนกและจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทย พัฒนาโดยธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ร่วมกับภาคเอกชน

     Thailand Taxonomy ถูกพัฒนาขึ้นให้สอดคล้องกับเป้าหมายการจำกัดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5 °C โดยมีโครงสร้างสำคัญ ดังนี้

  • เพื่อกำหนดแนวทาง กรอบแนวคิด และมาตรฐานให้แก่ตลาด นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

 

     Taxonomy จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยหลีกเลี่ยง "การกล่าวอ้างเกินจริง (greenwash)" ของธุรกิจในด้านการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังช่วยให้การจัดสรรเงินทุนไปยังโครงการสีเขียวสอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน ตามแนวโน้มที่ผู้คนและสถาบันการเงินจำนวนมากต้องการลงทุนในโครงการที่ให้ความสำคัญต่อความยั่งยืน

     นอกจากนี้ Taxonomy ยังทำให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติหรือกรอบการดำเนินงานอื่น ๆ มากขึ้น เช่น แนวปฏิบัติของกลุ่มคณะทำงานมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Taskforce on ClimateRelated Financial Disclosures (TCFD))

  • เพื่อดึงดูดเงินลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากต่างประเทศ

 

     Thailand Taxonomy จัดทำขึ้นโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และ Taxnomy ของประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดย Thailand Taxonomy จะช่วยเพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อของธุรกิจไทยในตลาดโลก

  • เพื่อเอื้อให้เกิดการเปิดเผยข้อมูลที่สอดคล้องกัน

 

     Thailand Taxonomy จะกำหนดนิยาม ของโครงการหรือกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นมาตรฐานกลางสำหรับอ้างอิงทำให้สามารถพัฒนาระบบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งระบบข้อมูลที่ดีจะทำให้ภาครัฐภาคเอกชน และหน่วยงานในภาคการเงินที่นำ Thailand Taxonomy ไปใช้ในการดำเนินงานสามารถเปรียบเทียบสัดส่วนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ ทั้งในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน

  • เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและเสนอทางเลือกในการลดความเสี่ยง

 

     เงื่อนไขและตัวชี้วัดภายใต้ Thailand Taxonomy จะเป็นแนวทางที่ให้ภาครัฐและภาคเอกชนรับทราบความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประเมินความเสี่ยงในภาคการเงิน

  • เพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐให้เป็นไปตามที่มุ่งหวัง

 

     ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ตามที่ได้ตกลงไว้ในความตกลง ปารีส (Paris Agreement) และตัวชี้วัดการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution: NDC) โดยภาครัฐสามารถใช้ Thailand Taxonomy เป็นเครื่องมือในการกำหนดกิจกรรมเป้าหมายและพัฒนานโยบายสนับสนุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

  • เพื่อใช้เป็นหลักการพื้นฐานในการเก็บข้อมูล

 

     Thailand Taxonomy กำหนดเงื่อนไขและตัวชี้วัดที่ชัดเจน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคส่วนต่าง ๆ ในการทำความเข้าใจสถานการณ์และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงนโยบายและการดำเนินการเพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate action)

     สำหรับประเทศไทยได้พัฒนาขึ้นมาเป็น Thailand Taxonomy มีเป้าหมายเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก และลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย ระยะที่ 1 ครอบคลุมภาคพลังงานและการขนส่ง มีเกณฑ์การประเมินวัดจากระบบ Traffic-Light System แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่

     สีเขียว คือ กิจกรรมที่มีการดำเนินงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็น Net Zero แล้ว หรือใกล้เคียงแล้วในปัจจุบัน เช่น การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ไฟฟ้าพลังงานลม ฯลฯ มักใช้กับกิจกรรม สินทรัพย์หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในภาคการขนส่ง

     สีเหลือง คือ กิจกรรมที่มีศักยภาพสามารถไปสู่ความเป็น Net Zero ได้ โดยมีแผนการเปลี่ยนผ่านตามเส้นทางการลดคาร์บอนและกรอบเวลาที่น่าเชื่อถือ ส่วนใหญ่ใช้กับการปรับปรุงเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น โรงไฟฟ้าชีวภาพที่มีแผนปรับปรุงเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงในระยะสั้น

     สีแดง คือ กิจกรรมที่ไม่สามารถพิจารณาได้ว่าสนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และที่สำคัญคือ อยู่นอกเหนือขอบเขตการเปลี่ยนผ่านที่น่าเชื่อถือ เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหิน ฯลฯ และสมควรที่จะลด หรือยุติการใช้ให้เร็วที่สุด 

     อย่างไรก็ดีแม้ Thailand Taxonomy จะไม่ใช่มาตรการบังคับ แต่อาจใช้เป็นตัววัดของภาคธุรกิจ ซึ่งใครที่ทำได้ตามมาตรฐานนี้ก็ย่อมได้เปรียบในแง่หนึ่งที่จะเห็นได้ชัดขึ้นในอนาคตคือ การยอมรับจากสถาบันการเงิน

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย, finbiz by TTB,

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ถอดบทเรียนความล้มเหลว สู่สูตรลับสร้างความสำเร็จ จาก พิชเยนทร์ หงส์ภักดี

ในบรรดาสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เชื่อว่าชื่อของ Anitech คงเป็นหนึ่งในชื่อที่ถูกกล่าวถึงบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น เมาส์ ปลั๊กไฟ วันนี้เราเลยชวนคุยกับ โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ถึงเบื้องหลังการพัฒนาสินค้า ที่มีทั้งความสำเร็จ ความล้มเหลว รวมถึงวิธีการมองหาสินค้าใหม่ๆ

พี่ไก่ วีคลีน สร้างยอดขายร้อยล้านแบบ Infinity ได้อย่างไร

จากจุดเริ่มต้นที่ตั้งใจจะใช้ช่อง TikTok อวดสุนัขทั้ง 17 ตัว ใครจะคิดว่าได้กลายมาเป็นช่องทางสร้างรายได้หลักร้อยล้านให้กับ กัญจน์รัตน์ ศักดิกรธนาศิริ หรือ พี่ไก่ เจ้าของ “วีแคร์ยู” และ “รัญจวน”

เมื่อทายาทโรงขนมกุยช่ายตลาดพลู พลิกโฉมธุรกิจ สร้างแบรนด์ Sooo Guichai จนขายได้วันละ 1,000 ลูก

ทำไมขนมกุยช่ายต้องสร้างแบรนด์? ที-กิตติคุณ กชกรจารุพงศ์  ทายาทรุ่นที่ 3 ของโรงขนมกุยช่ายตลาดพลู มองเห็นโอกาสอะไร จึงคิดสร้างแบรนด์ Sooo Guichai (โซกุยช่าย) กุยช่ายแป้งเปลือย เน้นไส้ แป้งน้อย จนปังขายได้ถึงพันลูกต่อวัน