TEXT : นิตยา สุเรียมมา
PHOTO : สุนันท์ ล้อสมทรัพย์, Erabica Coffee
Main Idea
- ย้อนไปสิบกว่าปีก่อน หากพูดถึงแหล่งวัตถุดิบกาแฟขึ้นชื่อทางภาคเหนือ คงหนีไม่พ้น เชียงใหม่, เชียงราย แต่ “น่าน” อีกแหล่งผลิตสำคัญ กลับไม่ได้ถูกพูดถึงเท่าที่ควร
- เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ "เอราวัณย์ - เอกวริษฐ์ อริยฉัตรเวคิน" สองสามีภรรยานักธุรกิจนำเข้าเคมีภัณฑ์ ที่คิดอยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ “Erabica” (เอราบิก้า)
- พร้อมกับสโลแกนว่า “น่าน…มีกาแฟ และหนึ่งในกาแฟน่านที่ดี คือ Erabica” เพื่อทำให้กาแฟน่าน เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ในรูปแบบร้านกาแฟคลาสสิก ที่เป็นเสมือนห้องรับแขกของเมือง
-1-
พันธกิจปักหมุดกาแฟน่าน บนแผนที่โลก
“ขายกาแฟแก้วละ 50-60 บาท แต่ทำร้านซะใหญ่โต เมื่อไหร่จะได้ทุนคืน เอาเงินไปลงทุนซื้อสลากออมสินดีกว่า”
นี่คือ คำพูดที่เอราวัณย์ และเอกวริษฐ์ เจอในวันแรกๆ หลังจากตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจเปิดร้านกาแฟ Erabica ได้ไม่นาน
“จริงๆ จุดเริ่มต้นมาจากเราแค่อยากมาอยู่น่าน มาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่นี่ เลยซื้อที่ไว้แปลงหนึ่ง ตอนแรกตั้งใจอยากทำเป็นโรงแรม ให้สถาปนิกเขียนแบบ ทำทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ขออนุญาตไม่ผ่าน จนวันหนึ่งมีคนแนะนำให้ไปรู้จักกับ ผู้ใหญ่เจริญศักดิ์ เลิศรายุทธิ์ อยู่ที่ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ เป็นกลุ่มคนแรกๆ ที่บุกเบิกทำไร่กาแฟของ จ.น่าน เลยทำให้รู้ว่าที่น่าน ก็มีแหล่งปลูกกาแฟที่ดีเช่นกัน
“ตอนขึ้นไปครั้งนั้น เลยทดลองซื้อเมล็ดกาแฟติดกลับมาด้วยและค่อยมาหาคนคั่วให้ เพราะจริงๆ ยังไม่มีความรู้เรื่องกาแฟเลย แต่อยากลองชิมรสชาติกาแฟน่าน ผู้ใหญ่เจริญศักดิ์บอกว่าเป็นเมล็ดกาแฟออร์แกนิกที่แบ่งทำไว้ 2 ไร่ ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ไม่ใส่ปุ๋ยเคมีอะไรเลย แค่ตัดหญ้า ทำออกมาได้แค่ 60 กก. แกมองว่าเทรนด์นี้น่าจะมา แต่ไม่มีใครเชื่อว่าจะขายได้ เพราะราคาเมล็ดกาแฟสารตอนนั้นขายอยู่ที่กิโลกรัมละร้อยกว่าบาท แต่แกจะขายเมล็ดกาแฟออร์แกนิกอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท ซึ่งปรากฏว่าพอได้ลองชิม รสชาติดีมาก บวกกับสตอรี่เป็นกลุ่มคนแรกๆ ที่บุกเบิกทำกาแฟน่าน เลยมองว่าน่าจะเอามาทำตลาดให้เป็นที่รู้จักขึ้นมาได้ ก็เลยตัดสินใจเปิดร้านขึ้นมา ใช้ชื่อว่า “Erabica” มาจากคำว่า Arabica ล้อกับพยางค์แรกของชื่อเรา” เอราวัณย์เล่าที่มาให้ฟัง
หลังจากตัดสินใจอยากปลุกปั้น กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เอราวัณย์และเอกวริษฐ์ ก็เริ่มต้นศึกษาทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่เข้าคอร์สฝึกอบรมเรียนรู้เรื่องกาแฟ, การศึกษาดูงานจากแบรนด์กาแฟเจ้าดัง และการศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองจากในตำรา จนไปเจอกับหนังสือเล่มหนึ่งเข้า
“เราไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง เขียนทุกอย่างเกี่ยวกับกาแฟเลย ตั้งแต่สายพันธุ์กาแฟ แหล่งปลูกกาแฟในโลก เลยลองดูภาคเหนือของไทย ก็มีเชียงใหม่, เชียงราย แต่ไม่มี..น่าน ตรงกับที่เวลาไปนั่งร้านกาแฟ แล้วถามว่าเมล็ดกาแฟจากที่ไหน กว่า 90% ถ้าเป็นเมล็ดกาแฟในไทยจะบอกว่ามาจากเชียงใหม่, เชียงรายบ้าง แต่ไม่มีใครพูดถึงกาแฟน่านเลย หนังสือเล่มนี้พิมพ์เมื่อปี 2015 แต่น่านปลูกกาแฟมาแล้วกว่า 32 ปี ก็เลยถ่ายรูปนี้เก็บเอาไว้ และตั้งเป็นพันธกิจของธุรกิจว่า วันหนึ่งเราจะบอกโลกให้รู้ว่า น่านก็มีกาแฟ และดีด้วย เลยเอามาตั้งเป็นสโลแกนร้านว่า น่าน…มีกาแฟ และหนึ่งในกาแฟน่านที่ดี คือ Erabica”
-2-
ทุกอย่างต้องดี พรีเมียม ตั้งแต่ร้าน บริการ จนแก้วที่ใช้เสิร์ฟ
หลังจากตั้งใจแน่วแน่กับพันธกิจปลุกปั้นกาแฟน่านให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สิ่งที่เอราวัณย์ และเอกวริษฐ์ นำมาใช้วางเป็นแนวทางธุรกิจ ก็คือ การลงมือทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด
“จุดเริ่มต้นของเรา เราไม่ได้มองที่เรื่องธุรกิจเป็นหลัก แต่เราอยากทำกาแฟน่านให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยมองว่าการที่เราจะช่วยชาวบ้านได้จริงๆ เราต้องสร้างแบรนด์ ไม่ใช่แค่เปิดร้านขึ้นมาเฉยๆ ซึ่งจะยกระดับกาแฟน่านให้เป็นที่รู้จักขึ้นมาได้ เราจึงมองว่าทุกอย่างต้องทำให้ดีที่สุด อย่างตัวร้านเองเราตั้งใจอยากทำให้เป็นห้องรับแขกของเมือง ประกอบกับเราเองก็อยากทำบ้านอยู่ที่น่านอยู่แล้วด้วย ทุกอย่างเลยใส่เต็ม อย่างที่เราชอบด้วย เหมือนเป็นบ้านที่สามารถเปิดร้านกาแฟอยู่ข้างในได้ แต่คนไม่เข้าใจ มองว่าเปิดร้านขายกาแฟขายแก้วละหลักสิบ แต่ทำไมถึงทำร้านใหญ่โต เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างใช้ของดี แบบนี้จะคุ้มทุนเหรอ สู้เอาเงินไปลงทุนทำอย่างอื่น หรืออย่างน้อยๆ ลงทุนซื้อสลากออมสินเก็บไว้ดีไหม แต่เราไม่ได้มองกำไรเป็นแค่ตัวเงิน แต่คือ ของทุกอย่างที่อยู่ในบ้าน ได้อยู่ในบรรยากาศที่เราชอบ
“นอกจากตัวร้านหรือบ้านที่ตั้งใจทำให้ดีอย่างที่เราชอบแล้ว เรามองว่าไหนๆ จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักแล้ว ก็ต้องทำให้โดดเด่นและทำให้ลูกค้าประทับใจมากที่สุดด้วย เริ่มจากการให้บริการ ตั้งแต่แรกเราเคยให้ผู้จัดการโรงแรมโอเรียนเต็ล ในส่วนฝึกอบรมเรื่องการเซอร์วิส มาสอนให้พนักงานที่ร้านเลย เราพาเขาเข้าร้านกาแฟแบรนด์ดังๆ เคยพาไปเมืองนอกบ้าง เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ของจริง หรืออย่างแก้วกาแฟร้อน เราเลยลงทุนสั่งแก้วพิเศษนำเข้ามาตกใบละสิบกว่าบาท ต้องสั่งทีหลายหมื่นใบ เป็นแก้วพิมพ์ 3 มิติ ถือแล้วไม่ร้อน ไม่ต้องใช้ปลอก ย่อยสลายได้ภายใน 3 เดือน และทำเป็นลายรูปแผนที่กาแฟโลก และเติมชื่อกาแฟ Erabica ลงไป ในพื้นที่จ.น่าน เพื่อบอกให้รู้ว่าวันหนึ่งเราจะทำให้กาแฟน่านเป็นที่รู้จักให้ได้ เราเชื่อว่าถ้าลูกค้าได้ลองจับ ก็ต้องเชื่อมั่นว่าขนาดแก้วกาแฟเรายังทำคุณภาพขนาดนี้ ดังนั้นกาแฟที่อยู่ข้างในไม่ต้องพูดถึงเลย”
-3-
ชูอัตลักษณ์ท้องถิ่น คุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ดังระดับโลก
เอราวัณย์ และเอกวริษฐ์ เล่าว่าการจะปั้นแบรนด์กาแฟท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักขึ้นมาได้ วิธีการไม่ใช่การแข่งขันว่าที่ไหนดีที่สุด แต่คือ การขายอัตลักษณ์เฉพาะตัวที่หาจากที่ไหนไม่ได้ต่างหาก
“กาแฟของน่าน จากบ้านสันเจริญที่เราใช้อยู่ ถือว่าเป็นกาแฟที่ปลูกอยู่ในพื้นที่ตั้งที่ดี โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,600 เมตร แต่เราไม่สามารถบอกใครได้ว่า กาแฟของเราอร่อยที่สุด หรือเมล็ดเมืองนอกอร่อยที่สุด เหมือนกินข้าวซอยกับสปาเก็ตตี้ มันไม่สามารถเทียบกันไม่ได้ว่าอันไหนอร่อยกว่า แต่สิ่งที่เราขายได้ คือ เอกลักษณ์ท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้นถ้ามาน่าน แล้วอยากกินกาแฟน่าน คุณก็ต้องลองกาแฟของเรา
“ซึ่งความอร่อย เราบอกกันไม่ได้ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่สิ่งที่เราทำให้ได้ คือ เรามีกาแฟที่สะอาด ปลอดภัย ตั้งแต่การปลูกเราให้ชาวบ้านปลูกด้วยวิธีออร์แกนิก ไม่ใช้สารเคมี การคัดสรรเมล็ดก็เลือกเก็บเฉพาะที่สุกเป็นเชอรี่แล้วจริงๆ ไปจนถึงเมล็ดคั่ว การนำไปบรรจุซอง เรากล้าท้าเลย ต่อให้เป็นกาแฟแบรนด์ดังระดับโลก เอามาเทดูเลย เราเชื่อว่า เราไม่มีเมล็ดหูช้าง หรือเมล็ดเสียเกิน 3 เมล็ด จริงๆ จะบอกว่าไม่มีเลย แต่กลัวเวอร์ไป แต่จริงๆ เราทำได้ เรามีฝีมือแรงงานในการคัดที่ค่อนข้างละเอียด ประณีต และชำนาญ เรามีเครื่องวัดคุณภาพของกาแฟ มีการเก็บสถิติ ซึ่งทักษะตรงนี้ โชคดีที่เรานำมาประยุกต์จากการทำธุรกิจนำเข้าเคมีภัณฑ์ที่ทำอยู่ จึงทำให้ค่อนข้างมีการจัดการที่เป็นระบบ และเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย” เอราวัณย์ เล่าแนวทางธุรกิจให้ฟัง
-4-
กาแฟน่าน กาแฟดี
จากสิ่งที่ตั้งใจทำมากว่าหลายปี ในวันนี้นอกจากทำให้กาแฟน่านเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าราคากาแฟให้ดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็หมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรอย่างที่ตั้งใจไว้ด้วย
“อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้มุ่งเน้นที่ผลกำไร หรือเรื่องธุรกิจตั้งแต่แรก เราอยากให้กาแฟน่านได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ได้ดำเนินรอยตามสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านได้ทรงทำไว้ ในการนำกาแฟมาส่งเสริมชาวบ้านให้ปลูกทดแทนการปลูกฝิ่น วันนี้หลายร้านเริ่มบอกลูกค้าได้ว่า ใช้กาแฟน่าน ในการชง กาแฟน่านเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ล่าสุดได้แชมป์กาแฟไทย 3 ปีซ้อน ราคาขายวัตถุดิบก็ดีขึ้น ทุกวันนี้ราคากาแฟกะลาจากร้อยกว่าบาท เพิ่มเป็นสองร้อยกว่าบาท บางเจ้าสูงถึงสามร้อยด้วยซ้ำ
“จริงๆ ต้องบอกว่าที่เป็นแบบนี้ได้ เป็นเพราะจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมานิยมสเปเชียลตี้เยอะขึ้น การจัดงานมหกรรมกาแฟไทย สถานการณ์โควิดฯ ที่คนทำกาแฟกินเองอยู่บ้านมากขึ้นด้วย จนทำให้กาแฟน่านเป็นที่รู้จักขึ้นมาได้ เราเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งที่เราตั้งสโลแกนว่า กาแฟน่าน..กาแฟดี ไม่ได้หมายถึงแค่ร้านเรา แต่เราอยากให้น่านกลายเป็นเมืองกาแฟไปเลย เรามองว่าจุดนี้จะทำให้เกิดพลัง เหมือนจะไปซื้อหมู ก็ต้องไปที่ตลาด ถ้าทั้งตลาดมีเขียงหมูแค่เจ้าเดียว ใครก็ไม่ค่อยอยากไป แต่ถ้ามีสักสิบเจ้าให้เลือก ใครๆ ก็อยากไป มันต้องไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่เก่งคนเดียว” เจ้าของร้านกาแฟ Erabica กล่าว
โดยทุกวันนี้ร้านกาแฟ Erabica มี 2 สาขา คือ Erabica Coffee Nan ที่น่าน และ Erabica Coffee BKK กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังเคยไปปรากฏตัวในงานสำคัญหลายงาน อาทิ งานแต่งของนักร้องชื่อดังอย่าง ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม กับก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ รวมถึงไม่ว่าเดินทางท่องเที่ยวหรือไปติดต่อธุรกิจที่ใดในโลก เอราวัณย์ และเอกวริษฐ์ ก็มักจะพกกาแฟน่านติดตัวไปด้วยเสมอ
“ทุกวันนี้เวลาเดินทางไปที่ไหน นอกจากกระเป๋าเสื้อผ้า เรามักจะติดกาแฟ Erabica ไปด้วยทุกครั้ง ถ้ามีโอกาส จังหวะเหมาะก็จะแจกให้หลายคน หลายร้านได้ชิม ถึงจะเป็นจุดเล็กๆ แต่เรามองว่า เป็นอีกวิธีที่ช่วยทำให้ผู้คนได้รู้จักกาแฟน่าน กาแฟ Erabica ของเรา และช่วยทำให้จุดหมายของเราที่อยากปักหมุดกาแฟน่าน บนแผนที่กาแฟโลก เป็นจริงขึ้นมาได้ไม่ยาก” เจ้าของร้านกาแฟ Erabica ทั้งสองคนกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้
ข้อมูลติดต่อ https://www.facebook.com/erabicacoffeenan/ https://www.facebook.com/erabicacoffeebkk/?locale=th_TH
|
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี