TEXT : กองบรรณาธิการ
“มะขามเปรี้ยว” หรือ มะขามเปียก ผลผลิตเกษตรไทยจากวัตถุดิบพื้นบ้านที่นิยมนำมาใช้ในหลายครัวเรือน ใครจะคิดว่าอยู่ดีๆ วันหนึ่ง จะขยับจากตลาดสด โกอินเตอร์มุ่งสู่ตลาดยุโรปหลายประเทศได้ ถ้าไม่กล้าฝัน ก็คงมาไม่ถึงวันนี้
วันนี้เลยอยากชวนมาทำความรู้จักกับ “มอลคาม” น้ำมะขามเปียกโกอินเตอร์แบรนด์ไทย ที่ก่อร่างสร้างขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของ นพเก้า อยู่ภักดี หรือ อ้อม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสวงพัฒน์ จำกัด ทายาทผู้ค้าส่งมะขามเปรี้ยวจากเกษตรกร ที่เปลี่ยนหมุดหมายธุรกิจจากตลาดสดค้าส่งในไทย ไปยังตลาดเมืองนอก บอกเลยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นไปแล้ว
ตีตั๋วกลับบ้านเกิด ต่อยอดธุรกิจครอบครัว
ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน จากชีวิตพนักงานประจำ แต่เพื่ออยากกลับมาสานต่อกิจการครอบครัว จึงทำให้ นพเก้า ตัดสินใจลาออกจากงาน ตีตั๋วจากกรุงเทพฯ สู่บ้านเกิดจังหวัดชัยภูมิ จากธุรกิจเดิมที่เคยรับซื้อมะขามจากเกษตรกร ทำมะขามเปียกส่งตลาดทั่วไป เช่น ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง สู่การยกระดับสินค้าให้มีมาตรฐานมากขึ้น แม้เส้นทางจะไม่ได้ง่ายเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่สุดท้ายเธอก็สามารถสร้างแบรนด์ได้สำเร็จ สู่การผลิตน้ำมะขามเปียกเข้มข้น ภายใต้แบรนด์ “มอลคาม” มาจากภาษาลาวแปลว่า “มะขาม” ส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น กลุ่มยุโรป อาทิ อังกฤษ แคนาดา และตลาดฮาลาล เช่น มาเลเซีย
“เราอยากกลับไปพัฒนาธุรกิจที่บ้าน อยากทำสินค้าให้มาตรฐานมากขึ้น อยากขยายไปตลาดต่างประเทศ แต่การก้าวมาเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องเริ่มต้นจากศูนย์ และไม่มีประสบการณ์มาก่อน อีกข้อที่สำคัญ คือ เงินทุน ด้วยการเป็นมือใหม่เป็นเรื่องยากที่สถาบันการเงินต่างๆ จะกล้าให้ทุน แต่ก็โชคดีตอนนั้นเข้าไปปรึกษา SME D Bank ทำให้ได้เงินมาลงทุนก้อนแรก 300,000 บาท จากนั้นเราก็เริ่มผลิตสินค้าและพัฒนาแบรนด์ต่อมาเรื่อยๆ โดยในช่วงแรกรับซื้อจากเกษตรกรในจังหวัด เมื่อตลาดขยายความต้องการมากขึ้น ก็เริ่มติดต่อรับจากเกษตรกรในแหล่งผลิตตามจังหวัดต่างๆ เลย ซึ่งปัจจุบันมะขามเปรี้ยวเป็นที่ต้องของตลาดโซนยุโรปและตะวันออกกลางค่อนข้างมาก เพราะเก็บรักษาได้นาน มีการนำไปปรุงอาหาร และมีสรรพคุณด้านสมุนไพรมากมาย จึงนำไปเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ” นพเก้าเล่าที่มาให้ฟัง
2 กลยุทธ์เจาะตลาดสู่อินเตอร์
ถามว่าสินค้าเกษตรพื้นบ้านที่ใช้ในครัวเรือน อยู่ดีๆ ไปตลาดเมืองนอก โดยเฉพาะยุโรป ได้ยังไง?
นพเก้าเผยเคล็ดลับการทำสินค้าสู่ตลาดอินเตอร์เอาไว้ 2 ข้อ คือ
1.มาตรฐาน คือ สิ่งสำคัญ สำหรับสินค้าเกี่ยวข้องกับการบริโภค ต้องสร้างและพัฒนาให้เข้าหลักเกณฑ์เงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐาน GMP HACCP หรือ HALAL ที่สามารถพาไปวางขายในตลาดขนาดใหญ่ได้ โดยแบรนด์มอลคามเราใช้เวลาพัฒนาเพื่อให้ได้มาตรฐานฮาลาลนานถึง 2 ปี
2.การศึกษาตลาดส่งออก จากการศึกษาข้อมูล ทำให้ทราบว่าในต่างประเทศมีความต้องการมะขามเปรี้ยวสูงมาก บวกพฤติกรรมซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ มีความสะดวกและง่ายดายขึ้น แบรนด์มอลคามจึงใช้วิธีนำเสนอสินค้าสู่ตลาดสากลใน 2 ช่องทาง คือ 1) ขยายตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอาลีบาบา ซึ่งเป็นส่วนที่แบรนด์ทำการตลาดโดยตรงด้วยตัวเอง ทำให้ทราบความต้องการและได้พูดคุยกับลูกค้าโดยตรง 2) การทำตลาดผ่าน Trading ที่มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งเป็นข้อดี เพราะไม่ต้องทำการตลาดเอง เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นหลังบ้านที่ดี
โดยรูปแบบในการจำหน่ายนั้น มีทั้งในรูปแบบขายเป็นวัตถุดิบ คือ เนื้อมะขามล้วนแพ็คใส่ถุง เพื่อให้คู่ค้านำไปแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่อ และการขายเป็นน้ำมะขามเปียกสำเร็จรูป
แก้เกมวิกฤต กลับลำขายโมเดิร์นเทรดในประเทศ
นพเก้าเล่าว่าทุกอย่างเหมือนกำลังจะไปได้ดี แต่แล้วก็ต้องมาสะดุดลงจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เข้ามากระทบธุรกิจอย่างจัง ทำให้การส่งออกต้องหยุดชะงักลงทันที จากรายได้ที่เคยเข้ามาก็หดหายไปจำนวนมาก ถือเป็นบทเรียนขนาดใหญ่ ที่สอนให้กลับมาทบทวนให้หันกลับมามองตลาดในประเทศควบคู่ด้วย โมเดิร์นเทรด คือ เป้าหมายการแก้วิกฤตที่นพเก้าได้มองไว้
“ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่สำหรับเราเลย ที่ไม่ควรพึ่งพาแค่ตลาดเดียว โชคดีที่ตอนนั้นเราได้มีโอกาสจับคู่ธุรกิจกับทางโมเดิร์นเทรดใหญ่ โดยไปอบรมสัมมนากับทาง SME D Bank แล้วเขามีโครงการจับคู่ธุรกิจ เราเลยได้มีโอกาสนำสินค้า 2 รายการ ได้แก่ น้ำมะขามเปียกเข้มข้น ขนาดบรรจุ 50 กรัม และ 454 กรัม เข้าไปอยู่ชั้นวางบนห้างโมเดิร์นเทรด เทสโก้โลตัส ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นในไทย”
ไม่หยุดพัฒนา ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มสู่น้ำจิ้มรสเด็ด
นอกจาก “น้ำมะขามเปียกเข้มข้น” แล้ว นพเก้ายังไม่หยุดที่จะพัฒนาต่อยอดสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ได้แก่ สินค้า “น้ำจิ้มไก่” และ “น้ำจิ้มลูกชิ้นสูตรโบราณ” แบรนด์ “ไก่แดง” ที่มีน้ำมะขามเปียกเป็นหลักปรุงรส จับตลาดเป้าหมายทั้งในส่วนผู้บริโภคและแม่ค้าพ่อค้า ได้รับประทานสินค้าที่มีคุณภาพ รวมไปถึงตลาดส่งออกที่พร้อมจะเดินหน้ากิจการเต็มกำลังอีกครั้งด้วย
“จากตัวเลขยอดขายที่มีอยู่ในมือ ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น พฤติกรรมปรับเปลี่ยนไป ส่งผลให้ฐานลูกค้าขยายตาม สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เห็นทิศทางความเติบโตในอนาคต โดยเราตั้งเป้าว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า อยากจะผลักดันธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้ได้ ถ้าทำได้ ไม่เพียงแต่ธุรกิจจะเติบโต แต่เรายังได้ช่วยเหลือคู่ค้า ทั้งเกษตรกร ผู้ผลิต และแรงงานให้เติบโตไปด้วยกันด้วย” นพเก้า กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้
ข้อมูลติดต่อ https://www.facebook.com/mallkamThailand/?locale=th_TH โทร. 093 134 4626 |
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี