TEXT / PHOTO : ชาญชัย หาสสุด
Main Idea
- ใครจะมาซื้อขนมของลูก” ประโยคแรกที่พ่อบอกแบบไม่เชิงสนับสนุนแต่ก็ไม่ปฎิเสธ เมื่อ “ออย-น้ำทิพย์ บรรจงชีพ” เอ่ยปากขอทุนเปิดร้าน
- แต่ใครจะคิดว่าแค่เพียงปีแรกร้าน Better Half Bakehouse ของเธอจะสามารถคืนทุนได้แล้ว
ยุคหนึ่งที่ครัวซองต์กลายเป็นกระแส eat of the town หากใครอยู่แถวอุดรธานีหรือใกล้เคียงคงรู้จัก Better Half คาเฟ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องขนมรูปพระจันทร์เสี้ยว จนมีการพูดปากต่อปากว่า ถ้าไม่มาตั้งแต่เช้าคงไม่มีทางได้ลิ้มลองรสชาติครัวซองต์ที่นี่
“ใครจะมาซื้อขนมของลูก…”
ออย-น้ำทิพย์ บรรจงชีพ เล่าให้ฟังเมื่อเธอเอ่ยปากขอทุนเปิดร้านก้อนแรกกับพ่อ หลังจากที่ผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนจนมั่นใจในรสมือตัวเอง เป็นประโยคไม่เชิงสนับสนุน แต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธ
“ตอนเตาอบตัวแรกที่ได้มา ซื้อมาจากเหรียญของพี่สาวบวกกับเงินของตัวเองตอนอยู่ปี 3 ได้ฝึกทำขนมจนถึงปี 4 แล้วหยุดเพราะมีเวลาว่างน้อย จนเมื่อจบได้เรียนทำขนมประเภทเค้ก แต่รู้สึกว่าไม่ใช่แนว จึงเปลี่ยนไปเรียนทำขนมปังแทน จนแน่ใจว่าตัวเองทำได้ จึงขอทุนพ่อเปิดร้าน”
ยิ่งพ่อพูดแบบไม่ให้ความหวังแล้วมาพบกับคำพูดคนอื่นในทำนองให้ทำใจเพราะไม่มีคนซื้อหรอก ยิ่งทำให้ออยยิ่งอยากทดสอบตัวเอง
ตอนนั้นสามี บิ๊ก-พงศกร สุทธิตระกูลพร ได้ลาออกจากงานวิศวกรเพราะอยากทำธุรกิจ บิ๊กจะเป็นคนดูงานหน้าบาร์เครื่องดื่ม โดยเฉพาะกาแฟที่เริ่มมาด้วยกันกับขนม ทั้งบิ๊กและออยต่างยังต้องการบริการลูกค้าด้วยตัวเองอยู่ เพราะเชื่อว่าทั้งสองคนยังตอบคำถามลูกค้าได้ดีที่สุด
“ทุกวันนี้ออยยังทำครัวซองต์ด้วยตัวเองอยู่ โปรดักต์ไม่ได้เยอะแบบอุตสาหกรรม ลูกค้าส่วนมากมาตั้งแต่ตอนเช้าเพราะกลัวหมด จึงทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการบ้าง เพราะการทำขนมแต่ละครั้งใช้เวลาโปรเซสถึง 3 วัน ต้องผสมแป้งไว้ค้างคืน แล้วรีดในวันถัดไป ทิ้งไว้อีกหนึ่งคืน รุ่งเช้าถึงจะเข้าเตาอบได้”
ออยบอกว่า เคยทำยอดขายครัวซองต์ได้ถึงวันละกว่า 500 ตัว แค่ปีแรกก็คืนทุนแล้วและไม่เคยคาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดเปลี่ยนที่ทำให้อยากทำครัวซองต์เอง เพราะพ่อเป็นคนชอบกิน เคยตั้งข้อสังเกตว่าขนมที่ซื้อมาตัวละแค่ 30-40 บาทนั้น เขาใช้เนยแท้จริงหรือ ถ้าไม่งั้นคงไม่ดีต่อสุขภาพแน่ๆ ประเด็นนี้จึงผลักดันให้ออยหันมาจริงจังกับครัวซองต์และเปิดร้านแบบโฮมเมดร้านเดียวในตอนนั้น ที่มีห้องอบในร้าน ซึ่งลูกค้าสามารถเห็นกระบวนการและมั่นใจในทุกขั้นตอนการผลิต
“ทุกวันนี้ ออยยังสนุกอยู่กับการทำครัวซองต์อยู่ ลูกค้าประจำของเรายังไม่ไปไหน ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าโปรดักต์ที่เราทำไว้ดี ถือเป็นการตลาดที่ดีที่สุด อนาคตมีแผนขยายการผลิตแต่ต้องคงคุณภาพเดิมอยู่”
ประโยคท้ายๆ ที่ออยเฉลยความหมายของชื่อร้านให้ฟัง ทำให้ผมยิ่งเข้าใจความรักระหว่างผู้หญิงคนหนึ่งกับขนมที่เธอตั้งใจทำ
“Better Half ไม่ใช่แค่ความหมายของคู่ชีวิต คือ บิ๊กกับออย แต่เป็นความรักระหว่างออยกับครัวซองต์ด้วย”
กลิ่นหอมและรสสัมผัสของครัวซองต์ที่นี่ ยิ่งทำให้ผมไม่มีข้อกังขาใดๆ ในคำบอกเล่าจริงใจเหล่านั้นเลย
Better Half Bakehouse รายละเอียดเพิ่มเติม |
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี