TEXT : Neung Cch.
PHOTO : อธิวัฒน์ ไชยรัตน์
Main Idea
- แม้จะเป็นไอติมรถเข็น แต่ความอร่อยระดับตำนานขนาดสายการบินบางกอกแอร์เวย์ต้องไปเขียนเชียร์ลงเพจ
- เสน่ห์อยู่ที่การใช้กะทิที่คั้นจากมะพร้าวสองน้ำจากสมุยบวกกับสูตรโบราณจากชาวจีนไหหลำ ทำให้ไอติมกะทิสดโกเกี๊ยะขึ้นชื่อขนาดมีคนขอซื้อแฟรนไชส์
- แต่ไอติมโกเกี๊ยะ เกือบเหลือแค่ตำนาน เมื่อผู้สืบทอดตำนานวันนี้ คือ ผู้ที่วิ่งหนีธุรกิจนี้ตลอดชีวิต
ตำนานบทที่ 1
จากนักกล้ามสู่พ่อค้าไอติม
ถ้าบอกว่าไอติมกะทิสดโกเกี๊ยะ มาจากโกเกี๋ยะก็คงจะถูกแต่ไมใช่ทั้งหมด เนื่องจากไอติมนี้มีหลักฐานบันทึกไว้ว่าในปี พ.ศ. 2480 มีชาวไทยเชื้อสายจีน 3 คนคือ นายจิ้ว ไวทูรน์เกียรติ นายเชาว์ สถิตกุล และนายี เหลี่ยน ได้ทำสูตรและเทคนิคการทำไอศครีมซึ่งได้เรียนรู้มาจากสิงคโปร์มาประยุกต์เข้ากับวัตถุดิบพื้นบ้านชั้นดีคือมะพร้าวของเกาะสมุยจนกลายเป็นไอติมกะทิรสดี
ด้วยความที่การทำไอติมแบบโบราณในยุคนั้นต้องใช้มือหมุนซึ่งต้องใช้พละกำลังค่อนข้างมากทั้งสามคนจึงออกกุศโลบายให้ ชัยสิทธิ์ เค้าสุวรรณ (โกเกี๊ยะ) ชื่นชอบในการเล่นกล้ามให้ไปช่วยหมุนไอติมเพื่อจะได้ทำให้กล้ามสวยขึ้น
“จริงๆ พ่อผมไม่ได้ทำไอติม ชอบเล่นกล้าม เป็นคนยิงปืนแม่นมาก รับจ้างยิงกระรอกในสวนมะพร้าว เผอิญว่าคนจีนทั้งสามคนเริ่มอายุมากจะเลิกทำ ก็หลอกพ่อไปช่วยหมุนไอติมพร้อมกับสอนพ่อผมทำไอติม พ่อจึงได้วิชาติดตัวมาแล้วก็มาเริ่มทำขายตั้งแต่ปีพ.ศ. 2513 จน่สามารถส่งลูกทั้ง 3 คนเรียนจบ” โกเหมี่ยน-ธนสาร เค้าสุวรรณ ทายาทผู้สืบทอดกิจการจากโกเกี๊ยะ เล่าถึงที่มา
ตำนานบทที่ 2
จากคนที่หนีธุรกิจไอติมมาตลอดชีวิต
โกเหมี่ยนสารภาพว่าตัวเขาเองหนีอาชีพนี้มาตลอดชีวิต ด้วยภาพจำในวัยเด็กที่เขารับรู้ได้ว่าอาชีพนี้ต้องลำบากขนาดไหนทั้งต้องตื่นแต่เช้า งานก็หนัก ต้องใช้ขวานเฉาะน้ำแข็งให้ละเอียด ปอกมะพร้าวคั้นกะทิ ปั่นมอเตอร์ไซด์พ่วงไปขาย ฯลฯ ประกอบกับเขาเป็นเด็กเรียนดีจึงออกจากเกาะสมุยไปศึกษาจนจบปริญญาตรีและได้ไปทำงานรับเหมากับแฟนที่ภาคอีสาน
“ผมไม่อยากทำอาชีพนี้ผมหนีมาทั้งชีวิต แต่สุดท้ายก็ล้มกับธุรกิจรับเหมา หมดทุนไป 4-5 ล้าน ก็หอบเงินก้อนสุดท้ายประมาณสองแสนบาทกลับมาบ้าน นั่งมึนกับชีวิตจนเหลือบไปเห็นเครื่องทำไอติมของพ่อแอบคิดในใจว่า “หรือว่าชีวิตเราแม่งจะหนีไม่พ้นวะ”
ตำนานบทที่ 3
หันมาเผชิญหน้า
อาจเพราะฟ้าลิขิตหรือโชคชะตำกำหนดก็แล้วแต่เมื่อหนีไม่พ้นโกเหมี่ยนก็ตัดสินใจหันหน้าสู้ ปรึกษากับพ่อว่าเขาอยากทำไอติมขายแต่มีเงื่อนไขคือ ขอขายในแบบฉบับของเขา ซึ่งด้วยวัยของพ่อที่เริ่มแก่เริ่มอยากวางมือจึงไม่ขัดขวางแต่มีเพียงข้อแม้เดียว คือ “ห้ามเปลี่ยนสูตรไอติม”
สัญญาลูกผู้ชายตกลงกันได้ โกเหมี่ยนก็เริ่มต่อยอดและพัฒนาไอติม ตั้งแต่ปรับแต่งรถให้ทันสมัยขึ้น ติดโลโก้ และเพิ่มรถมอเตอร์ไซด์จากหนึ่งคันเป็นสามคันพร้อมจ้างพนักงานขาย และรับทำไอติมตามงานเลี้ยง จัดส่งตามร้านอาหาร และสร้างเพจไอติมโก๊เกี๋ย
“เรามีเพิ่มรสชาติไอติมอีก 3 รสคือ ไอติมกะทิทุเรียน ไอติมกะทิรวมมิตร ล่าสุดคิดสูตรกับคุณหมอ ไอติมกะทิใส่ใบกัญชาที่ได้มีโอกาสนำไอติมรสนี้ไปเปิดตัวที่งานอาหารเป็นยา มีหมอหลายท่านได้กินแล้วก็ชอบ มีถามว่าขายแฟรนไชส์ไหม ก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้เพราะมีหลายรายที่อยากจะร่วมทุนกับเรา”
ตำนานบทที่ 4
ผู้สืบตำนานและยกระดับไอติมรถเข็น
นอกจากเพิ่มรสชาติแล้วโกเหมี่ยนยังได้เลือกใช้วัตถุดิบอย่างดี อาทิ โคนที่ใช้ใส่ไอติมก็ใช้เกรดเดียวกับของสเวนเซ่นส์ ทั้งนี้โกเหมี่ยนให้เหตุผลว่า “อยากให้คนกินได้กินของที่ดี ให้รู้ว่าไอติมรถเข็นไม่กระจอก อยากเปลี่ยนภาพลักษณ์สร้างภาพจำว่าเป็นไอติมคุณภาพ”
ทั้งนี้โกเหมี่ยนยังวาดวาดฝันอนาคตไว้ว่าอยากพัฒนารถเข็นให้หลังคาเป็นโซลาเซลล์แล้ววางตู้เย็นในรถเข็นได้ และอยากจะพัฒนาธุรกิจนี้ไว้ส่งต่อให้กับลูกสาวเหมือนที่พ่อเขาทำธุรกิจนี้มาไว้ให้กับเขา
“เคยคิดเหมือนกันว่าทำไมพ่อไม่เปิดร้านขายไอติม ตอนนี้ได้คำตอบแล้วเพราะมีค่าเช่าที่ แต่ขายรถเข็นแบบนี้ไม่มีค่าเช่าที่ แถมป็นธุรกิจเชิงรุก หากจุดนี้ลูกค้าหมดก็ไปจุดอื่นได้”
“อยากทำให้เป็นโรงงานไอติมครบวงจร ตอนนี้ใช้วิธีซื้อกะทิ แต่ผมก็ต้องกำหนดสเปกทางร้านว่าต้องใช้มะพร้าวที่สอยมาเป็นลูกสีเขียว ไม่ใช่มะพร้าวหล่น กะทิมาผมดมก่อนเลย ผมแคร์กับพวกวัตถุดิบมาก ไอติมจะอร่อยไม่อร่อยอยู่กับพวกนี้มันเป็นสารตั้งต้น ซึ่งผมต้องคงคุณภาพไว้ขนาดมีโรงแรมมาติตต่อให้ตักไอติมใส่ลูกมะพร้าวทำเป็น welcome drink แต่ก็พลาดเพราะเรายังไม่มี อย. ตอนนี้ผมอายุ 48 ปีขอเวลาอีกประมาณ 5 ปี ทำทุกอย่างให้เป็นมาตรฐานขึ้น เพื่อเตรียมมอบให้ลูกสาวทำต่อ รอเขากลับมา เหมือนกลับที่พ่อรอผมกลับมา”
เมื่อได้มาคลุกคลีกับธุรกิจไอติมกว่า 5 ปี โกเหมี่ยนก็ยอมรับว่าธุรกิจนี้ยังไปได้อีกไกล
“สินค้ามีอายุเกือบร้อยปีถ้าไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ ถ้าคนไม่ยอมรับ ไม่มีคุณภาพ ไม่อร่อย จะส่งลูกเรียนจบมาได้ไงทั้งสามคน” โกเหมี่ยนกล่าวทิ้งท้าย
ไอติมโกเกี๊ยะ https://web.facebook.com/profile.php?id=100069521911228&ref=page_internal โทร. 095 419 8908 |
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี