กระแส Plant based ยังแรงไม่ตก โดยในช่วงปี 2564 ถึงกลางปี 2565 ตลาดผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช หรือแพลนต์เบสมีการเติบโตค่อนข้างมาก ยิ่งเห็นได้ชัดจากงาน Plant based Festival 2022 ที่ได้รับการตอบรับจากธุรกิจรายใหญ่รายเล็กหันมาสนใจผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มากขึ้น ส่งผลให้ต้นน้ำอย่างเกษตรกรที่เพาะปลูกเห็ดแครงก็ได้รับอานิสงส์นี้ด้วย เมื่อผู้พัฒนาแพลนต์เบสแบรนด์ “มอร์มีท” มีความต้องการเห็ดแครงเพิ่มถึง 4 เท่า
เห็ดแครงพืชที่มีโปรตีนสูงมากกว่าเห็ดชนิดอื่น
วรกันต์ ธนโชติวรพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มอร์ฟู้ดส์อินโนเทค จำกัด ผู้พัฒนาแพลนต์เบสแบรนด์ “มอร์มีท” (MORE MEAT) เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจมากว่า 3 ปี ปัจจุบันมอร์มีทมีผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกจากพืชในลักษณะบดเป็นสินค้าเพียงชิ้นเดียวของแบรนด์ ซึ่งหากนำสินค้าในกลุ่มเดียวกันมาเทียบ มอร์มีทถือเป็น 1 ใน 3 ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุด นับเป็น 30-40% ของตลาด ทั้งยังมีการพัฒนาสินค้าโดยอาศัยเสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
“ล่าสุดเราเพิ่งจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นโปรตีนทางเลือกจากพืชในลักษณะบดที่ยังคงคุณค่าทางโภชนการ แต่เป็นสูตรที่ไม่มี กลูเตน โซเดียมต่ำ และไฟเบอร์สูงซึ่งเหมาะกับผู้รักสุขภาพ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าใหม่ๆ และลูกค้าเดิมที่มีอัตราการกลับมาซื้อซ้ำสูงเช่นกัน”
วรกันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินธุรกิจของมอร์มีทที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญมาจากการควบคุมคุณภาพตั้งแต่วัตถุดิบตั้งต้น อย่าง “เห็ดแครง” ซึ่งเพาะปลูกโดยเกษตรกรจากภาคใต้ในจังหวัดสงขลาและสุราษฎร์ธานี โดยเห็ดแครงเป็นพืชที่มีโปรตีนสูงมากกว่าเห็ดชนิดอื่นๆ มีผิวสัมผัสที่หนึบสู้ฟันเหมาะสมกับการทำแพลนเบสต์
สำหรับเห็ดแครงนั้นเป็นเห็ดท้องถิ่นของทางภาคใต้ ที่พบมากในฤดูฝน ดอกขนาดเล็ก 1-4 ซม.สีขาวอมน้ำตาล คุณสมบัติที่โดเด่นของเห็ดแครงคือมีเนื้อสัมผัสที่เด้งสู้ฟัน มีโปรตีนค่อนข้างสูง ประมาณ 17% ซึ่งเห็ดชนิดอื่นๆ มีแค่ 2-3% มีสารเบต้ากลูแคนสูง ซึ่งช่วยในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง รวมทั้งมีกรดอะมิโนจำเป็นทุกชนิดเหมือนกับเนื้อสัตว์ และมีไฟเบอร์ หรือ fiber สูงช่วยในระบบการย่อยและการขับถ่าย
เห็ดแครงดาวเด่นของโปรตีนทางเลือก
ทั้งนี้ จากจุดเริ่มต้นได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรสวนยางประมาณ 10 ครัวเรือน แต่ด้วยการเติบโตของผลิตภัณฑ์ปัจจุบันจึงได้ขยายการรับซื้อเป็น 30 ครัวเรือน และแผนในปี 2565 – 2566 นี้ มอร์มีทจะเพิ่มประเภทของผลิตภัณฑ์โปรตีนทดแทนจากพืชสู่ตลาด ซึ่งทำให้ความต้องการเห็ดแครงมีมากขึ้นกว่า 4 เท่า จึงมีแผนที่จะประสานกับผู้นำเกษตรชุมชนในพื้นที่ภาคใต้เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกเห็ดแครง และการควบคุมคุณภาพเพื่อมาเป็นวัตถุดิบ ซึ่งคาดว่าน่าจะเพิ่มการกระจายรายได้สู่ชุมชนได้อีกนับ 100 ครัวเรือน
นอกจากนี้ มอร์มีทยังอยู่ในขั้นตอนวิจัยและพัฒนาโปรตีนทดแทนจากพืชชนิดอื่น เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ท้องตลาด และคุณประโยชน์ทางโภชนาการที่มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรกลุ่มอื่นๆเพิ่มเติม โดยทีมวิจัยและพัฒนาได้ทำการวิจัยการสกัดโปรตีนจากข้าว รวมถึงการศึกษาสารอาหาร แร่ธาตุ และ วิตามิน ที่หลงเหลือจาก น้ำต้มเห็ดแครง ระหว่างกระบวนการผลิตโปรตีนจากพืชของ MORE MEAT เพื่อพัฒนาต่อยอดเป็นสินค้าอื่นต่อไป คาดว่าน่าจะมีผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกจากพืชใหม่ของมอร์มีทวางขายในท้องตลาดช่วงปลายปีนี้
“ก่อนหน้านี้เห็ดแครงไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก แต่หลังจากที่เราเลือกใช้พืชชนิดนี้มาเป็นวัตถุดิบ ก็ทำให้กระแสการบริโภคเห็ดแครงมากขึ้นจนขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของโปรตีนทางเลือก เกษตรกรเองก็สามารถสร้างรายได้มากขึ้น และอาจจะกลายเป็นรายได้หลักในภาวะที่ราคายางยังตกอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เกษตรกรสวนยางก็สามารถใช้เห็ดแครงทำรายได้ ไม่เพียงแค่การส่งเป็นวัตถุดิบให้กับมอร์มีท แต่ยังสามารถส่งเป็นวัตถุดิบให้กับธุรกิจอื่นๆ รวมถึงการขายเป็นเห็ดแครงสดให้กับผู้บริโภคโดยตรงได้อีกด้วย”
นอกจากขยายพื้นที่เพาะปลูกเห็ดแครงแล้ว วรกันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังมีแผนขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคอาเซียน โดยในปี 2565 – 2566 จะเริ่มที่ประเทศสิงคโปร์ เนื่องด้วยผู้บริโภคสิงคโปร์มีความตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีกำลังซื้อสูง และหากตีตลาดสิงคโปร์ได้สำเร็จก็จะขยายตลาดไปที่เวียดนาม และอินโดนีเซีย ส่วนในระดับโลกมีแผนที่จะเริ่มที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี