TEXT : จีราวัฒน์ คงแก้ว
“มันไม่เคยมีสิ่งนี้เกิดขึ้นบนโลกมาก่อน แต่ MR.ZEN ทำได้ ! ดังนั้นถ้าคุณจะชนะผม คุณต้องสมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งบนโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ”
นี่คือ คำกล่าวที่มาพร้อมความมั่นใจเต็มเปี่ยมของ “อ๊บ-ทรรศิน อินทานนท์” CEO & Co-founder บริษัท สไมล์ฟาร์ม ฟู้ดส์ แอนด์ เซอร์วิช จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เฟรนช์ฟรายส์ถั่วเขียวเจ้าแรกของไทย แบรนด์ MR.ZEN (มิสเตอร์เซน) ระหว่างแข่งขันในรายการ ‘The Pitching Season2’ และได้เป็นตัวแทนจากทีมโค้ชวู้ดดี้ เข้าชิงรอบ FINAL
แม้จะไม่ชนะในรายการนี้ แต่ก็ทำให้คนทั้งประเทศได้รู้จักเฟรนช์ฟรายส์ถั่วเขียวสัญชาติไทยแท้ที่ชื่อ MR.ZEN เป็นที่เรียบร้อย
ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ทำของใหม่ช่วงชิงตลาดเก่า
เพราะความคลั่งไคล้ในเฟรนช์ฟรายส์ และเกิดคำถามในใจว่า ทำไมเฟรนช์ฟรายส์ต้องเป็นอาหารขยะ (Junk Food) อ๊บ-ทรรศิน ในฐานะเด็กที่เรียนจบมาจากสาขาเทคโนโลยีอาหาร (สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร สาขาเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์) จุดประกายให้เขาอยากทำเฟรนช์ฟรายส์สัญชาติไทยขึ้น ที่สำคัญต้องไม่ใช่ Junk Food
จนวันหนึ่งมีโอกาสเดินทางไปภาคเหนือ ได้เห็นเมนูยอดนิยม ข้าวแรมฟืน ซึ่งเป็นการนำถั่วเหลืองมาทำเป็นแท่งแล้วก็ทอด เขาจึงเกิดไอเดียที่จะทำเฟรนช์ฟรายส์ โดยเลือกใช้ “ถั่วเขียว” เพราะมองว่าเมื่อนำมาเลาะเปลือกออกจะมีสีเหลืองทองลักษณะเหมือนเฟรนช์ฟรายส์ อีกทั้งถั่วเขียวเมื่อนำมากวน ผ่านความร้อนจะไม่เหี่ยวจะไม่ยวบ และให้รสสัมผัสที่ดีอีกด้วย
ทว่าโจทย์หิน คือ ถั่วเขียวจะมีรสชาติเฝื่อน นั่นคือเหตุผลที่ในตลาดไม่ค่อยมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วเขียวมากนัก แต่เมื่อปักธงแล้วว่าอยากจะทำสินค้าใหม่ที่แตกต่างโดยใช้ถั่วเขียว ก็ต้องไปให้สุดทาง เลยมาจบที่เฟรนช์ฟรายส์ถั่วเขียว ซึ่งใช้เวลาพัฒนาอยู่นานถึง 3 ปีเต็ม
“ที่ผ่านมาทำไมคนไม่ค่อยทำผลิตภัณฑ์จากถั่วเขียว เพราะว่าถั่วเขียวทำยาก ด้วยรสสัมผัสของเขาจะมีความเฝื่อนอยู่ ซึ่งเราต้องใช้เวลาพัฒนาอยู่นานถึง 3 ปี โดยเราเริ่มจากลิสต์เลยว่า ถั่วเขียวในประเทศไทยมีกี่สายพันธุ์ จากนั้นก็ไปคัดเลือกมา 10 สายพันธุ์ เพราะเราต้องการทำเป็นเฟรนช์ฟรายส์ เราไม่ได้จะทำเป็นถั่วเขียวทอด มันจึงต้องเกิดจากการเตรียมวัตถุดิบโดยเอาแต่ละสายพันธุ์มาหาจุดลงตัวที่สุด เหมือนการทดลองเพื่อหาวัตถุดิบตั้งต้นที่ดีที่สุดมาทำ ซึ่งวัตถุดิบตั้งต้นไม่ใช่สายพันธุ์เดียว ทุกวันนี้เราผสมกันอยู่ 4 สายพันธุ์ และมีการผสมผสานในสัดส่วนที่ต่างกันด้วย ซึ่งตรงนี้จะเป็นความลับทางการค้า เพราะในอนาคตอาจจะมีคนมาเล่นในตลาดนี้ แต่รสชาติจะไม่เหมือนกันแน่นอน เช่นเดียวกับ เป๊ปซี่ โค้ก เอส โคล่า ที่มีความแตกต่างกันชัดเจน” เขาบอกจุดแข็งของเฟรนซ์ฟรายส์จากถั่วเขียวที่พัฒนาอยู่นานถึง 3 ปี
ไม่ได้เจาะตลาดสุขภาพ แต่คือ ตลาดเฟรนช์ฟรายส์มูลค่าล้านล้านบาท
MR.ZEN เป็นเฟรนช์ฟรายส์ที่เป็นมิตรกับสุขภาพ กินได้โดยไม่รู้สึกผิด โดยคนทำเทียบให้เราฟังว่า เมื่อเปรียบเทียบคุณประโยชน์เบื้องต้นระหว่างเฟรนช์ฟรายส์มันฝรั่ง กับเฟรนช์ฟรายส์ถั่วเขียว MR.ZEN ในปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน จะพบว่า MR.ZEN มีโปรตีนมากกว่า 1 เท่า เท่ากับไข่ไก่ 1 ฟอง เท่ากับนมวัว 100 กรัม เท่ากับอกไก่ 40 กรัม มีไฟเบอร์มากกว่า 1 เท่า มีคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่ามันฝรั่ง 1 เท่า ที่สำคัญไม่มีไขมันทรานส์ และยังไม่มีคอเลสเตอรอล ไม่มีน้ำตาล และไม่มีกลูเตนอีกด้วย
คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพจัดเต็มขนาดนี้ แต่เมื่อถามถึงกลุ่มเป้าหมาย เขากลับบอกว่า ไม่ใช่คนรักสุขภาพ ทว่าเป้าหมายหลักคือ เป็นทางเลือกให้กลุ่มคนที่ชอบกินเฟรนช์ฟรายส์
“เราเป็นอาหารทางเลือกไม่ใช่ทดแทน เราไม่ได้เป็นอาหารทดแทนเนื้อสัตว์ หรือทดแทนเฟรนช์ฟรายส์มันฝรั่ง แต่เราเป็นเฟรนช์ฟรายส์ที่ทำจากถั่วเขียว เป็นทางเลือกให้กับกลุ่มผู้บริโภคเฟรนช์ฟรายส์ซึ่งมีอยู่มากมายบนโลก เป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยมูลค่าตลาดการบริโภคเฟรนช์ฟรายส์ในประเทศไทยอยู่ที่กว่า 1 พันล้านบาทต่อปี และใน 1 พันล้านนี้เป็นการนำเข้าทั้งหมด ณ ปัจจุบันยังไม่มีคนไทยทำเลย อาจจะเพราะทำยาก ใช้เวลาในการพัฒนา หรืออาจจะยังไม่มีคนคิดก็ได้ ในขณะที่ตลาดโลก เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา มีการบริโภคเฟรนช์ฟรายส์ คิดเป็นมูลค่าถึงกว่า 1 ล้านล้านบาท และมูลค่าขนาดนี้ ไม่มีสินค้าไทยแม้กระทั้ง 0.01 เปอร์เซ็นต์ได้แชร์ด้วยซ้ำ”
เขาบอกโอกาสที่ซ่อนอยู่ และตอบคำถามว่า ทำไม MR.ZEN ถึงไม่ได้มุ่งเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ แต่ชัดเจนเลยว่าจะแชร์ส่วนแบ่งเดียวกันกับตลาดเฟรนช์ฟรายส์เดิม ตลาดที่เขาเชื่อว่า ไม่ใช่ไม่รักสุขภาพ ไม่ใช่ชื่นชอบในอาหารขยะ เพียงแต่ที่ผ่านมายัง “ไม่มีทางเลือก” ที่ดีกว่าเท่านั้นเอง
ปั้นแฟรนไชส์เฟรนซ์ฟรายส์ถั่วเขียวไทย แชร์ส่วนแบ่งตลาดโลก
วันนี้มีแบรนด์เฟรนช์ฟรายส์ระดับโลกเข้ามาบุกตลาดไทย ทรรศิน บอกเราว่า ความฝันของเขาคือ การปั้นแบรนด์เฟรนช์ฟรายส์สัญชาติไทย ย้อนกลับไปบุกตลาดโลกดูบ้าง ด้วยโมเดลของ “แฟรนไชส์”
“ผมมองว่า คนไทยชอบซื้อแฟรนไชส์จากต่างประเทศ ของคนไทยต่อให้ดีแค่ไหนถ้าเป็นคนไทยทำ เขาจะไม่กิน แต่ถ้าลองไปดังจากต่างประเทศ คนไทยกินหมด ภาพของผม ผมจึงอยากเป็นโกลบอลแฟรนไชส์ อยากเป็น MR.ZEN ให้ต่างชาติมาซื้อเราบ้าง อยากให้มองว่า มันไม่ใช่แค่ผม แต่คือเกษตรกร คือคนไทย คือ GDP ที่ดึงเงินจากต่างประเทศเข้ามา มันไม่ใช่แค่เราโต แต่ถ้ายอดขายเราโต ก็จะมีสิ่งที่เติบโตคู่ขนานกันไปด้วย นี่คือสิ่งที่ผมมองและต้องทำให้ได้” เขาประกาศความมุ่งมั่น
เมื่อย้อนถามว่าทำไมต่างชาติ ถึงต้องสนใจมาลงทุนกับ แฟรนไชส์ MR.ZEN แล้วทำไมถึงจะตอบรับเฟรนช์ฟรายส์ถั่วเขียวจากประเทศไทยด้วย เขาบอกว่า โอกาสของเขาคือเทรนด์สุขภาพที่กำลังเติบโตเพิ่มมากขึ้น และอาหารไทยก็เป็นที่ยอมรับอยู่แล้วในตลาดโลก
“ซอฟต์พาวเวอร์ของเรา คือ อาหาร ผมมองว่าอาหารจากประเทศไทยได้รับการยอมรับอยู่แล้ว และผมก็เชื่อว่าอะไรที่มันแปลกใหม่ แล้วมีประโยชน์กว่า และยังคงอร่อยกว่า อย่างไรก็จะได้รับความสนใจ”
เพื่อปูทางการเป็นแฟรนไชส์ระดับโลก เขาจึงเริ่มเปิดแฟรนไชส์ในประเทศไทย โดยมี 3 โมเดล ที่พัฒนามาจากปัญหาของลูกค้าและเน้นการลงทุนแบบเอื้อมถึงได้ ตั้งแต่กลุ่มคนที่มีร้านมีอุปกรณ์ครบครันอยู่แล้ว แต่ต้องการซื้อ MR.ZEN ไปเพิ่มกำไรให้กับร้าน กลุ่มที่สองคือมีพื้นที่อยู่แล้ว แต่ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย และสามเป็นร้านเต็มรูปแบบ โดยค่าแฟรนไชส์ อยู่ที่ 5,299 บาท, 21,000 บาท และ 45,000 บาท ตามลำดับ
ปัจจุบันแฟรนไชส์ MR.ZEN มีประมาณ 10 สาขา โดยมีร้านต้นแบบอยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.พระรามห้า ซึ่งเขาบอกว่า ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาดคนไทยขาประจำ และวางแผนที่จะขยายสาขาแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
นอกจากการเติบโตด้วยโมเดลแฟรนไชส์ MR.ZEN ยังมีผลิตภัณฑ์แช่เยือกแข็ง (Frozen Food) วางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดอีกด้วย โดยปัจจุบันมีขายที่ เลมอนฟาร์มทุกสาขา และริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต จ.เชียงใหม่ 7 สาขา รวมถึงการขยายสินค้าไปยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งมองโอกาสที่จะขยายสินค้ากลุ่ม Frozen Food ไปยังห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศด้วย การสยายปีกไปต่างประเทศจึงมีทั้งโมเดลแฟรนไชส์ และผลิตภัณฑ์ที่เป็น Frozen Food จำหน่ายในห้างร้านในต่างประเทศด้วยนั่นเอง
“กลุ่มประเทศที่ผมมองไว้คือ ตะวันออกกลาง อย่าง ดูไบ เพราะแถวนั้นคนกินถั่วกันหมด เขาคุ้นเคยกับถั่วอยู่แล้ว และเราคือถั่วที่ทำเป็นเฟรนช์ฟรายส์ด้วย ซึ่งเขาน่าจะรู้จักรสสัมผัสของถั่วดีที่สุดเมื่อเทียบกับทวีปอื่นๆ ในโลกนี้ ซึ่งถ้าเราส่งออกไปได้แค่ 0.001 เปอร์เซ็นต์ ของ 1 ล้านล้านบาท เราก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว” เขาบอกเป้าหมายที่อยากไปให้ถึง
สร้างนิยามใหม่ “เซนฟรายส์” ให้คนทั่วโลกขนานนาม
ถามถึงเป้าหมายในอนาคต เขาบอกว่า MR.ZEN ยังคงปักหมุดที่ถั่วเขียวเป็นหลัก เพื่อให้เมื่อคนนึกถึงถั่วเขียวต้องนึกถึง MR.ZEN โดยเร็วๆ นี้นอกจากเฟรนช์ฟรายส์ถั่วเขียว พวกเขากำลังจะคลอด “นมถั่วเขียว 100 เปอร์เซ็นต์” ออกสู่ตลาดด้วย ซึ่งเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยอีกเช่นกัน เพราะยังไม่มีใครเคยทำได้มาก่อนหน้านี้
โดยจุดยืนคือเน้นถั่วเขียวสายพันธุ์ไทย ใช้วัตถุดิบในประเทศไทย เน้นการวิจัยพัฒนาเพื่อสร้างสินค้าใหม่ที่แตกต่าง และยากจะเลียนแบบได้
“ภายในปี 2566 เราจะนำเรือธงของเราคือเฟรนช์ฟรายส์ถั่วเขียวไปต่างประเทศ ซึ่งเราตั้งวิชั่นเอาไว้ว่า เราคือเฟรนช์ฟรายส์สัญชาติไทยเป็นหนึ่งความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ซึ่งความภูมิใจของเราคือเราจะต้องส่งออกสินค้าและเป็นสินค้าไทย 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนำเงินเข้ามาในประเทศ เพื่อทำให้ GDP ของไทยเพิ่มขึ้น เกษตรกรได้มากขึ้น เกิดการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น ความภาคภูมิใจคือเราทำสินค้าที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนโลกใบนี้ ซึ่งเรากำลังจะทำการสื่อสารในไตรมาสสุดท้าย โดยจะเรียกเขาว่า “เซนฟรายส์” เพราะเราเป็นหมวดสินค้าใหม่ เป้าหมายของผมคือ ไม่ว่ามันจะไปอยู่ในลอนดอนหรือดูไบ เวลาลูกค้าดูเขาจะเห็นแฮมเบอร์เกอร์ เห็นเฟรนช์ฟรายส์ และเห็นเซนฟรายส์ จนต้องเกิดคำถามว่า เซนฟรายส์คืออะไร อ๋อ! มันคือเฟรนช์ฟรายส์ถั่วเขียวจากประเทศไทยนั่นเอง” เขาบอกความมุ่งมั่นที่ต้องการไปให้ถึง
เฟรนช์ฟรายส์ถั่วเขียว คืออะไร และรสชาติจะอร่อยเด็ดแค่ไหน ไปพบกับ MR.ZEN ได้ที่งาน PLANT BASED Festival 2022 มหกรรมอาหารแห่งอนาคต ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9-10 กันยายนนี้ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 แล้วคุณจะภาคภูมิใจกับนวัตกรรมอาหารผลงานคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์แบรนด์นี้
MR.ZEN FB / IG : MR Zen Healthy Happy Life Line OA : @Mr.zenbeanff TikTok: @Mr.Zen Healthy Happy Life |
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี