Plantery Food นวัตกรรรมปลอดเนื้อสัตว์ ที่พัฒนาจากโนว์ฮาวไต้หวัน

TEXT : จีราวัฒน์ คงแก้ว

 

     อาหารเจ มังสวิรัติ (Plant Protein Vegetarian Food) ภายใต้แบรนด์ Plantery Food  (เพลนเทอรี่ ฟู้ด) ทั้งในรูปของอาหารแช่แข็งพร้อมทาน (Ready to Eat)  และพร้อมปรุง (Ready to Cook) คือผลงานของ บริษัท ฉือ หัง ฟู้ดส์ อินดัสทรี้ จำกัด ที่ใช้โนว์ฮาวจากไต้หวัน นำส่งผลิตภัณฑ์นวัตกรรมปลอดเนื้อสัตว์ ชิงส่วนแบ่งตลาดประเทศไทย ซึ่งกำลังเติบโตคึกคัก

นวัตกรรมปลอดเนื้อสัตว์ ที่ใช้โนว์ฮาวจากไต้หวัน

     ฉือ หัง ฟู้ดส์ อินดัสทรี้ จดทะเบียนบริษัทเมื่อประมาณปี 2561 โดย ทรงพล ศักดามิ่งมงคล และครอบครัว เดิมเป็นผู้ประกอบการด้านสิ่งพิมพ์ ดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี ภายหลังได้รับคำแนะนำจากญาติที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารเจและมังสวิรัติแช่แข็ง แนะนำให้มาประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเจและมังสวิรัติในประเทศไทย ในฐานะคนที่ทานเจมาตลอดชีวิต และมีความปรารถนาที่อยากให้คนไทย ลด ละเว้นการทานเนื้อสัตว์ และมีสุขภาพที่ดีขึ้น จึงได้ พัฒนาแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Plantery Food โดยใช้โนว์ฮาวการผลิตจากประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดนี้ มาเริ่มต้นธุรกิจ

     ในเบื้องต้นพวกเขาเริ่มจากนำเข้าผลิตภัณฑ์จากไต้หวันมารีแพ็กใหม่ในแบรนด์ของตัวเอง ก่อนพัฒนาสู่โรงงานผลิตในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดนครปฐม โดยใช้เทคโนโลยีและโนว์ฮาวการผลิตจากประเทศไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนากระบวนการผลิตหลังจากต้องหยุดแผนไปชั่วคราวในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา

  

เมนูหลากหลาย เพิ่มทางเลือกคนอยากลดเนื้อเพื่อสุขภาพ

     ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งที่อยากให้ผู้คนทานเจและมังสวิรัติให้มากขึ้น ลดละการทานเนื้อสัตว์ลง พันธกิจของ Plantery Food จึงเป็นการทำให้คนได้รู้จักอาหารเจและมังสวิรัติแช่แข็งของพวกเขาให้มากขึ้น ที่มาของการนำเสนอเมนูที่หลากหลายและเหมือนเนื้อสัตว์อย่างน่าอัศจรรย์ อาทิ หมูสามชั้นพริกไทยดำเจ ห่านรมควันใบชาเจ เนื้อแพะตุ๋นเจ ไก่เค็มกรอบเจ และ หมูสามชั้นจิ้มแจ่วเจ ฯลฯ  ที่วัตถุดิบหลักทำมาจาก โปรตีนถั่วเหลือง แป้งมันสำปะหลัง บุก สาหร่ายทะเล  รวมถึง น้ำมันสลัด และเครื่องเทศมังสวิรัติ เป็นต้น

     “สินค้าของเราใช้เทคโนโลยีการผลิตจากประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำด้านอาหารเจและมังสวิรัติอยู่แล้ว ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีความโดดเด่น อย่างเช่น หมูผัดพริกไทยดำ เป็นสินค้าพร้อมทานที่สามารถนำไปเวฟแล้วทานได้เลย ซึ่งเราน่าจะเป็นเจ้าแรกที่ทำหมูสามชั้นพริกไทยดำในแบบพร้อมทาน ส่วนเจ้าอื่นในตลาด จะเป็นแค่หมูสามชั้นธรรมดาที่ต้องนำไปประกอบอาหาร นี่คือความแตกต่าง”

     จิระเมศร์ มัญชุศรีวรินทรา CEO  บริษัท ฉือ หัง ฟู้ดส์ อินดัสทรี้ จำกัด บอกจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Plantery Food ที่พวกเขานำเสนอสู่ตลาดไทย

ตอบโจทย์ทั้งสายมัง และกลุ่ม Flexible Vegetation

     Plantery Food  มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้ที่ทานเจ ทานมังสวิรัติและกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมที่ต้องการลดละเนื้อสัตว์ แต่พอเริ่มทำตลาดไปได้สักพักหนึ่ง ทำให้เห็นว่ากลุ่มผู้บริโภคที่ทานมังสวิรัติแบบยืดหยุ่นหรือ Flexible Vegetation หรือเลือกทานเป็นบางโอกาส สลับกับการทานเนื้อสัตว์ กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง

     “เดิมลูกค้าเราจะอยู่ในกลุ่มที่ปฏิบัติธรรม ต้องการลด ละการทานเนื้อสัตว์ลง แต่พอเริ่มจำหน่ายไปได้สักพัก เราสังเกตว่า ผู้บริโภคในกลุ่มที่รักษาสุขภาพ ตลอดจนกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง อย่าง งดเนื้อสัตว์ในวันเกิดอะไรอย่างนี้ ก็เริ่มให้ความสนใจสินค้าของเรามากขึ้นเช่นกัน เราจึงได้ขยายตลาดไปยังผู้บริโภคกลุ่มนี้ ตลอดจนร้านอาหารทั่วไปที่มีเมนูแพลนต์เบสบริการด้วย” เขาบอกกลยุทธ์

     ปัจจุบัน Plantery Food จำหน่ายผ่าน 2 ช่องทางหลัก คือการขายผ่านพนักงานขาย ที่นำเสนอสินค้าไปยังกลุ่มร้านอาหารเจ ร้านอาหารเจพรีเมียม ตลอดจนสถานปฏิบัติธรรม รวมถึงวัดที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ เป็นต้น ส่วนช่องทางที่ 2 คือขายผ่านออนไลน์ ทั้งเพจเฟซบุ๊ก ไลน์ รวมถึงช้อปปี้และลาซาด้าด้วย            

เทรนด์ปลอดเนื้อไม่ใช่กระแส แต่คือความยั่งยืน

     เขาแสดงความเห็นว่าปัจจุบันผู้บริโภคในบ้านเราหันมาใส่ใจสุขภาพ และเลือกซื้อสินค้าที่เป็นเจ มังสวิรัติและกลุ่มแพลนต์เบสเพิ่มมากขึ้น โดยจากข้อมูลพบว่าไทยเป็นประเทศที่ Vegetarian Friendly เป็นอันดับต้นๆ ของโลก และจำนวนร้านอาหารเจ มังสวิรัติในประเทศไทย ก็มีจำนวนหลายร้อยรายและยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนการเติบโตของตลาดนี้ที่ยังคงหอมหวานในสายตาของเขา

     “ตลาดนี้ค่อนข้างเติบโตสูง โดยดูจากจำนวนร้านอาหารมังสวิรัติในประเทศไทย พบว่า ปัจจุบันมีอยู่กว่า 900 ร้านทั่วประเทศ โดยในหนึ่งร้านจะมีลูกค้าหมุนเวียนกันเข้ามาปีละร่วมหมื่นคน อันนี้คือข้อมูลที่เราศึกษามา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดนี้ยังคงเติบโตอย่างน่าสนใจ ในขณะที่ผู้ผลิตเองก็เข้ามาทำธุรกิจนี้กันเยอะขึ้น คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาทานอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเจ้าใหญ่ในตลาดที่ผลิตอาหารทั่วไป ก็เริ่มหันมาทำแพลนท์เบสกันมากขึ้นเช่นกัน จึงเป็นแนวโน้มการเติบโตที่ดี และส่งผลให้บริษัทของเราเองก็็เติบโตขึ้นตามไปด้วย โดยที่ผ่านมาเราโตประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์” เขาบอกโอกาส

     ในมุมมองของ จิระเมศร์ เขาเชื่อว่าธุรกิจนี้จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามเทรนด์การเติบโตของแพลนต์เบสประเทศไทยที่เขามองว่าไม่ใช่กระแส แต่คือความยั่งยืน

     “ผมมองว่าแพลนต์เบสและอาหารเจ เป็นเทรนด์ที่ยั่งยืน เพราะว่าคนเริ่มหันมาลดการทานเนื้อสัตว์ และเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ตลาดมีการเติบโตขึ้นทุกปี ขณะที่ในต่างประเทศเองก็มีการส่งเสริมการทานเจและแพลนต์เบสมากขึ้นด้วย อย่างเช่น ประเทศจีนที่มีข่าวว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ก็ส่งเสริมให้ประชาชนหันมาทานแพลนต์เบสกันมากขึ้น จึงคิดว่ามันเป็นเทรนด์ที่น่าจะยั่งยืนต่อไปในระยะยาว”

     ถามถึงแผนและเป้าหมายในก้าวต่อไป เขาบอกว่า ยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Plantery Food อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพ ปริมาณ และการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ให้มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งจะใช้ฐานการผลิตในประเทศโดยใช้โนว์ฮาวจากประเทศไต้หวันมาสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง

     สำหรับคนที่อยากเข้าสู่ตลาดอาหารเจและแพลนต์เบส เขาแนะนำว่า ก่อนเข้ามาควรศึกษาให้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ทดแทนเนื้อสัตว์ ได้อย่างไร  แล้วเราจะพัฒนาสินค้าแบบไหนที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้จริงๆ และอยากให้มองเทรนด์ต่อไปข้างหน้าด้วย เนื่องจากอนาคตเชื่อว่าผลิตภัณฑ์แพลนต์เบสจะเข้ามาทดแทนสินค้าที่เป็นเนื้อสัตว์ได้มากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการที่สนใจต้องศึกษาตลาดให้พร้อมก่อนลงสนามนี้

     อยากรู้จักอาหารเจและแพลนต์เบสในรูปแบบแปลกใหม่ พบกับ Plantery Food ได้ที่งาน PLANT BASED Festival 2022 มหกรรมอาหารแห่งอนาคต ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9-10 กันยายนนี้ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5

Plantery Food

FB : plenteryfood

Line : https://lin.ee/3aLB01H

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย