3 หนุ่มชาวสวนยาง ใช้ Smart Farm เพาะเห็ดแครงขาย    ต่อยอดสู่ธุรกิจแพลนต์เบส และผู้ผลิตวัตถุดิบรายใหญ่

TEXT : จีราวัฒน์ คงแก้ว

 

     รู้หรือไม่ว่า “เห็ดแครง” ที่เป็นส่วนผสมของเมนูแพลนต์เบสทุกแบรนด์ในประเทศไทย ล้วนมาจากเครือข่าย “บ้านเห็ดแครง” จ.สงขลา เกษตรกรผู้เพาะเห็ดแครงด้วยระบบ Smart Farm ที่ควบคุมได้ทั้งคุณภาพและปริมาณ แถมยังให้ผลผลิตทั้งปีอีกด้วย วันนี้พวกเขาต่อยอดมาทำแพลนต์เบสจากเห็ดแครงใช้ชื่อแบรนด์ว่า “มัดใจ” (MudJai) ชูจุดขายแพลนต์เบสคนไทยไร้ถั่ว ปูทางบุกตลาดโลก

เมื่อลูกหลานชาวสวนยางหันมาเพาะเห็ดแครงขาย

     “มัดใจ” คือ แบรนด์ที่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของ 3 ลูกหลานชาวสวนยางใน จ.สงขลา ปริยะ  ศิริกุล, ธีร์กวิน ผลชนะ และ ภานุวัตร กิ้มหิ้น ผู้ร่วมก่อตั้งแพลนต์เบสจากเห็ดแครงแบรนด์มัดใจ ภายใต้บริษัท อินโนโฟ จำกัด (บ้านเห็ดแครง)

     เรื่องช้ำๆ ของลูกหลานชาวสวนยาง คือต้องเจอกับปัญหาราคายางที่ไม่แน่นอน ทำให้หลายคนไม่อยากมาสานต่อ เพราะรู้ดีว่าการทำเกษตรเชิงเดี่ยวมีความเสี่ยง รอดยาก ดีสุดก็แค่ประคองตัวไปเท่านั้น แต่โจทย์หินที่ครอบครัวให้ไว้คือ จะทำอะไรก็ได้แต่ต้องห้ามโค่นยางทิ้ง! และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการพลิกเกมสู้ที่นำมาสู่ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา

 

     “เมื่อโค่นยางทิ้งไม้ได้ พวกเราก็เลยมาคิดกันว่า ถ้าอย่างนั้นลองหาอะไรทำเพิ่มในส่วนยางดู ตอนนั้นประมาณปี 2554-2555  ในสวนยางจะมีเห็ดแครง ซึ่งปกติจะขึ้นตามไม้ยางพาราที่ตายแล้ว เป็นการขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีเฉพาะหน้าฝนเท่านั้น ราคาจึงค่อนข้างดีเนื่องจากหาทานยาก เราเลยมีแนวคิดว่า ถ้าอย่างนั้นลองมาหาทางเพาะเห็ดแครงให้ได้เหมือนกับเห็ดฟางหรือเห็ดนางฟ้าที่เก็บกินได้ตลอดทั้งปีดีกว่า” ปริยะ บอกจุดเริ่มต้น

     พวกเขาจึงได้ไปหาความรู้เพิ่มเติม โดยไปอบรมการเพาะเลี้ยงเห็ดแครงจากผู้รู้ ทดลองทำจนสามารถเพาะเห็ดแครงได้สำเร็จในปี 2555 เบื้องต้นยังไม่ได้แปรรูป แต่ขายเป็นเห็ดสดและเห็ดตากแห้ง ภายใต้ “บ้านเห็ดแครง” วางขายตามตลาดนัด ตลาดสด โดยมีลูกค้าจากฝั่งมาเลเซียข้ามมาซื้อบ้าง สร้างรายได้สองทางให้กับคนทำสวนยางดั่งใจหวัง ทว่าธรรมชาติของสินค้าเกษตรคือเน่าเสียง่าย หลังทำมาได้ 5-6 ปี พวกเขาจึงคิดหาทางออกเพื่อเติบโตไปมากกว่านี้

ใช้นวัตกรรมแปรรูปเห็ดแครงสู่ผลิตภัณฑ์แพลนต์เบสฟู้ด

     “ตอนแรกเราสนใจแค่ว่า เราเพาะเห็ดไม่เป็น แล้วเห็ดมันขึ้นกับไม้ยางพารา ซึ่งสามารถปลูกในสวนยางพาราได้มันตอบโจทย์เรา ก็โอเคแล้ว แต่พอทำไปเจอโจทย์ว่าขายได้แค่นี้ก็อยากขายได้มากขึ้น เลยเกิดความคิดอยากแปรรูป ปี 2561 จึงได้เข้าร่วมโครงการอบรมขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโครงการ Food Innopolis เพื่อหาทางเพิ่มมูลค่าเห็ดแครง ซึ่งพอได้ไปฟังแนวคิด ได้ไปเรียนตามหลักสูตร ทำให้มารู้ตอนหลังว่าจริงๆ แล้วเห็ดแครงมีประโยชน์เยอะมาก

    “เห็ดชนิดนี้มีโปรตีนสูง และมีเบต้ากลูแคนที่ช่วยสู้กับเซลล์มะเร็ง อีกทั้งยังมีกรดอะมิโนจำเป็นเหมือนที่พบในเนื้อสัตว์อีกด้วย พอเห็นคุณสมบัติเลยไปค้นหาเพิ่มเติมในกูเกิล ทำให้เจอกับเทรนด์ของอาหารโปรตีนที่ทำจากพืชใช้บริโภคแทนเนื้อสัตว์ (plant-based food) และวีแกนเข้าพอดี เลยเกิดความคิดที่จะนำเห็ดแครงมาแปรรูปเป็นแพลนต์เบส ซึ่งในปี 2561 บ้านเรายังไม่มีแบรนด์แพลนต์เบสเลย ด้วยการสนับสนุนของสวทช.และอตก. ทำให้เราได้เอาสินค้าต้นแบบไปออกงาน THAIFEX ในต้นปี 2562 ตอนนั้นตลาดไทยยังไม่รู้จัก แต่ต่างประเทศให้ความสนใจเยอะมาก ด้วยความที่เราเป็นแค่ SME รายเล็กๆ คงไปสู่แบรนด์ต่างประเทศไม่ได้ เลยมาคิดว่าถ้าอย่างนั้นเราจะทำให้ชัดไปเลยว่า เราคือแพลนต์เบสคนไทยและไร้ถั่ว คือใช้เห็ดแทนถั่วไปเลย เพราะถั่วมีคนแพ้มากที่สุดในโลก แต่กลับเป็นวัตถุดิบหลักของแพลนต์เบสทุกยี่ห้อ เราจึงเริ่มต้นด้วยจุดขายนี้”

โควิดล้มแผนส่งออกต้องปรับเกมรุกกู้วิกฤตไวรัส

     การนำตัวอย่างแผ่นเบอร์เกอร์สัญชาติไทยแท้ ภายใต้แบรนด์ชื่อไทยอย่าง “มัดใจ” ที่มาจากคำว่า “มัชรูม” (เห็ด) บวกกับ “จริงใจ” (ชื่อลูกสาว) ไปออกงานแสดงสินค้าระดับประเทศ และต่างชาติก็ให้ความสนใจอย่างคับคั่ง ทำให้ฝันที่จะนำแพลนต์เบสไทยออกสู่ตลาดอินเตอร์ของพวกเขาใกล้แค่เอื้อม พวกเขาเริ่มหาโรงงานผลิต ไปวิจัยเพิ่มเติมกับทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อทำผลิตภัณฑ์แช่แข็งพร้อมส่งออก ทว่าทุกอย่างกลับต้องหยุดชะงัก เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 สินค้าส่งออกไม่ได้ และงานแสดงสินค้าก็ไม่มีให้ไปออกอีกแล้ว

     “ตอนกลับมาจาก THAIFEX ใจฟูเลยคิดว่าเวิร์คแน่ ปรากฎปลายปีเจอโควิดเข้ามา ตอนนั้นเรามุ่งกับตลาดต่างประเทศเป็นหลักเพราะคิดว่าตลาดไทยยังไม่ใช่เวลา แต่เจอโควิดทำให้ส่งออกไม่ได้ เราเลยกลับมาวางแผนกันใหม่ โดยมองว่า เทรนด์โปรตีนทางเลือกจากพืชยังไงก็มาแน่เพราะคนเพิ่มขึ้น ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ในขณะที่ทรัพยากรลดลง ช่วงปิดโควิดไป 2  ปี เราเลยกลับมาปรับปรุงเรื่องการผลิตวัตถุดิบต้นน้ำ อย่างในส่วนของฟาร์ม เรามาพัฒนาเป็น Smart Farm ที่ได้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เราสอนเครือข่ายของเราที่เขาทำสวนยางพาราอยู่แล้วให้แบ่งพื้นที่มาเพาะเห็ด ซึ่งสวนยางประเทศไทยมีเกือบ 20 ล้านไร่ ถ้าเรามี Smart Farm เอาไปตั้ง เขาก็สามารถทำกันเองได้ โดยปัจจุบันเรามีเครือข่ายผู้ปลูกเห็ดแครงอยู่ประมาณ 15 ราย ในจังหวัดใกล้เคียงคือ สงขลา พัทลุง ตรัง และนครศรีธรรมราช  มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณสิบตันต่อเดือน โดยเราตั้งเป้าที่จะขยายไปทั่วประเทศในอนาคต” เขาบอก

สร้างผลิตภัณฑ์มัดใจตลาดไทย ก่อนบินไปตลาดโลก

     ในส่วนของผลิตภัณฑ์จากที่เคยทำแต่แผ่นเบอร์เกอร์ตามจริตฝรั่งเพราะหวังส่งออก พวกเขาก็นำมาพัฒนาต่อเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกจริตคนไทยมากขึ้น เช่น หมูปิ้งไร้เนื้อมังสวิรัติ 100 เปอร์เซ็นต์ และสะเต๊ะไร้เนื้อสูตรเจ ที่คนไทยทานง่ายไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรม  ขายผ่านหน้าร้านที่อตก. ผ่านออนไลน์ และไอคอนสยาม โดยทำโออีเอ็มให้กับแบรนด์ของกลุ่มเซ็นทรัลด้วย ขณะที่ปัจจุบันแบรนด์แพลนต์เบสประเทศไทยที่มีส่วนผสมของเห็ดแครงไม่ว่าจะรายใหญ่รายเล็ก ก็ใช้วัตถุดิบจากฟาร์มของพวกเขาทั้งสิ้น

     “เราไม่ได้มองว่าเห็ดแครงจะต้องเป็นของแบรนด์มัดใจเท่านั้น ตอนนี้แบรนด์แพลนต์เบสอื่นที่ใช้ส่วนผสมของเห็ดแครง เราก็เป็นคนซัพพลายให้ทั้งหมด ด้วยเหตุผลว่า หนึ่งปริมาณที่เราสามารถผลิตได้จำนวนมาก มีคุณภาพ และสามารถควบคุมได้ว่า อยากได้วันนี้ออกวันนี้ ปริมาณเท่านี้ ในขณะที่เห็ดอื่นๆ ตื่นเช้ามาต้องคอยลุ้นอีกทีว่าจะออกเท่าไหร่ รวมถึงสตอรี่ของเราที่เป็นการช่วยเหลือชุมชนด้วย” เขาบอก

     อีกแนวคิดที่น่าสนใจคือการสร้างคีย์เวิร์ดในการขาย ซึ่งกลายเป็นอาวุธให้กับ SME รายเล็กอย่างพวกเขา

     “ถ้าเรามองตัวเองเป็น SME เราต้องบอกว่า เราเป็นแพลนต์เบสสำหรับคนแพ้ถั่ว แต่ถ้ามองเป็นแมส ต้องบอกว่า เราเป็นแพลนต์เบสที่แม้แต่คนแพ้ถั่วก็ทานได้ สินค้าตัวเดียวกันแต่ถ้าผมพูดว่า สินค้าที่แม้แต่คนแพ้ถั่วก็ทานได้ นั่นหมายความว่า จะของซีพี ของไทยยูเนี่ยน หรือเบทาโกร เขาล้วนเป็นคู่แข่งผมหมดเลย แต่ถ้าผมบอกว่า เราเป็นแพลนต์เบสสำหรับคนแพ้ถั่วจะไม่มีใครเป็นคู่แข่งผมเลย ซึ่งถึงกลุ่มนี้จะเล็ก แต่ถ้าเขาซื้อแต่ผมเจ้าเดียว มีแต่ผมเจ้าเดียว ผมก็โอเคนะ” เขาสะท้อนความคิด

ฝันให้ไกลไปให้ถึงตลาดส่งออก

     แม้จะมีจุดขายที่เชื่อว่าแตกต่าง แต่ปัญหาของพวกเขาคือ คนแพ้ถั่วในไทยและเอเชียไม่ได้เยอะขนาดนั้น ถ้าเทียบกับ ยุโรปและอเมริกา นั่นจึงเป็นที่มาว่า อย่างไรเป้าหมายของพวกเขาก็ยังคงชัดเจนว่าต้องเป็นตลาดโลก

     “เป้าหมายของเราแบ่งเป็น 3 ส่วน 1.วัตถุดิบ (raw material) เราเริ่มต้นจากภาคใต้ก็จริง แต่แผนต่อไปคือทั้งประเทศ และผมยังมองว่า ยังสามารถขยายไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อีกด้วย เพราะมีสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศใกล้เคียงกับเรา ซึ่งนั่นจะทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นแหล่งเพาะเห็ดแครง โปรตีนทางเลือกจากพืชที่ทวีปอื่นทำไม่ได้ ซึ่งในอนาคตเราก็จะกำหนดราคาเองได้ด้วย ตอนนี้เรามี Smart Farm มีความรู้ มีโนว์ฮาว มีระบบและการแปรรูป ครบวงจรแล้ว สามารถขยายไปในต่างประเทศได้ ส่วนจะเป็นโมเดลไหนนั้นก็ขึ้นกับความพร้อมและกฎเกณฑ์ในแต่ละประเทศด้วย ฉะนั้นในส่วน raw material จะไม่จบแค่ภาคใต้หรือประเทศไทย แต่ต้องไปได้ทั้งเอเชียตะออกเฉียงใต้”

     ส่วนที่ 2 ผลิตภัณฑ์ นอกจากการพัฒนาคุณภาพและปริมาณเห็ดแครงเพื่อรองรับการเติบโตของแบรนด์แพลนต์เบสใหม่ๆ แล้ว พวกเขายังพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์มัดใจอย่างต่อเนื่องอีกด้วย แม้แต่ของเสียที่เคยเหลือทิ้ง ก็กำลังจะกลายเป็นบายโปรดักต์สร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจอีกมากในอนาคต

     “ตอนนี้เราใช้ดอกเห็ดสวยๆ มาแปรรูป แต่พบว่ายังมีดอกเห็ดที่ไม่สวยแต่ยังมีคุณค่าทางสารอาหารสูง ซึ่งปกติเราต้องคัดทิ้ง คราวนี้เรานำมาทดลองอยู่ 2-3 เมนู ที่จะเอาของพวกนี้มาใช้ รวมถึงการวิจัยร่วมกับ ม.สงขลานครินทร์ ในการสกัดสารสกัดเบต้ากลูแคน ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นการเพิ่มโปรดักต์ใหม่จากบายโปรดักต์ที่มาจากของเหลือ”

     ส่วนที่ 3 คาร์บอนฟุตพริ้นท์  เป้าหมายด้านโลกและสิ่งแวดล้อม โดยแนวคิดของพวกเขาคือ การลดของเสียทางการเกษตรเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ด้วยการนำมาเพาะเห็ดแครง เริ่มจากขี้เลื่อยไม้ยางพารา ตอนนี้พวกเขาสามารถนำกากกาแฟมาเพาะเห็ดได้สำเร็จแล้ว และกำลังต่อยอดไปสู่ทะลายปาล์มซึ่งมีมากทางภาคใต้ และขยายไปยังตัวอื่นต่อไป

     “เราไม่ได้ตั้งเป้าว่าอยากมีกำไรเท่าไร แต่จะตั้งเป้าว่า อยากลดคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับโลกได้กี่แสนตันต่อปี จริงๆ คือผมอยากได้ยอดขายเพิ่มขึ้นนั่นแหล่ะ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้เอาตัวเลขเงินเป็นตัวตั้ง เพราะทุกครั้งที่เราโต ยอดขายเราเพิ่มขึ้น เราก็ช่วยโลกได้ด้วยเช่นกัน หรืออย่างเครือข่ายที่มีอยู่ 15 ราย เราก็อยากให้เพิ่มเป็น 100 ราย เราอยากให้การเติบโตของเราโตไปพร้อมกับโลกและสังคม เราไม่ได้ทำเพื่อฟาร์มเห็ดของเราเพียงเจ้าเดียว แต่เพื่อนรอบข้างต้องได้ด้วย

    “ผมเชื่อว่า การทำธุรกิจ ถ้าเอาแต่กำไรอย่างเดียวมันไม่ยั่งยืน บางแบรนด์เขาอาจยั่งยืนแต่เขาก็ไม่มีเพื่อน ผมแอนตี้ส่วนตัวว่าทำธุรกิจให้กำไรก่อนแล้วค่อยกลับมาช่วยสังคม ช่วยสิ่งแวดล้อม ผมมองว่า เราเอาผลประโยชน์จากโลกจากสังคมไปแล้ว สมมติธุรกิจเจ๊งนั่นเหมือนกับคุณขุดเหมืองไปแล้ว แล้วไม่เวิร์คเลยไม่ต้องใช้คืนอะไรแบบนั้นเหรอ แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่า เราช่วยโลกโดยไม่ได้หวังกำไรนะ เพียงแต่เราต้องคิด 3 ส่วนนี้ไปพร้อมๆ ทำอย่างไรที่ธุรกิจมีกำไร และยังได้ช่วยสังคมช่วยโลกไปพร้อมกันด้วย นี่คือจุดยืนของเรา” เขาย้ำการทำธุรกิจแบบมัดใจในตอนท้าย

     อยากรู้จักแพลนต์เบสจากเห็ดแครงสัญชาติไทยแท้ที่มีจุดยืนการทำธุรกิจไม่ธรรมดา พบกับพวกเขาได้ที่งาน PLANT BASED Festival 2022 มหกรรมอาหารแห่งอนาคต ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9-10 กันยายนนี้ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5

มัดใจ

FB : mudjai.th

www.mjplantbased.com

 

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย