เพราะโรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา ผู้บริโภคทุกวันนี้จึงหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ เป็นทวีคูณ ทำให้ผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่ถือเป็นตลาดที่มาแรง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ไว้ว่าในปี 2565 มูลค่าตลาดโปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่ น่าจะอยู่ที่ 4,100 ล้านบาท โดยมีพระเอกอย่าง Plant based เป็นตัวขับเคลื่อนตลาดโปรตีนทางเลือก
ความท้าทายของตลาดโปรตีนทางเลือก
ทั้งนี้ โปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่ ครอบคลุมสินค้าในกลุ่มโปรตีนทางเลือกที่มีการแปรรูปโดยกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีขั้นสูงและซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้ได้รสชาติ เนื้อสัมผัส รวมถึงรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงโปรตีนหลักมากที่สุด อาทิ โปรตีนจากพืช (Plant-based Protein) โปรตีนจากสาหร่าย (Algae-based Protein) โปรตีนจากเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมัยคอโปรตีน (Mycoprotein) โปรตีนจากแมลง (Insect-based Protein)
แม้จะเป็นหนึ่งในสินค้าอาหารที่อยู่ในกระแสการบริโภคของคนรุ่นใหม่ แต่ด้วยหลายๆ ปัจจัยที่กลายเป็นความท้ายทายของผู้ประกอบการที่ต้องการเจาะตลาดนี้
1. ราคาสินค้าไม่ได้ถูกกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าอาหารกลุ่มโปรตีนทั่วไป
2. ผู้บริโภคยังเป็นเฉพาะกลุ่มที่มีจำนวนไม่มากในไทย (อาทิ กลุ่มผู้ออกกำลังกาย กลุ่มรักสุขภาพ-ควบคุมอาหาร กลุ่มรักสิ่งแวดล้อม ฯลฯ) ซึ่งก็อาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคไปตามกำลังซื้อได้เช่นกัน
3. การแข่งขันที่เริ่มรุนแรง จากจำนวนผู้เล่นที่เพิ่มขึ้น อาจกระทบต่อผู้ประกอบการรายเล็ก เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะระบบการผลิตที่ครบวงจร การผลิตที่ประหยัดต่อขนาด มีช่องทางจัดหน่ายของตนเองครอบคลุมทั่วประเทศ จึงทำราคาสินค้าได้ดี-แข่งขันได้
4. ในขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กมักเผชิญกับข้อจำกัดดังกล่าว จึงทำให้มีต้นทุนการผลิตและค่าการตลาด อาทิ ค่า GP หรือค่าส่วนแบ่งการขาย เป็นต้น ที่สูงกว่าและเข้าถึงผู้บริโภคได้ยากกว่า ทำให้คาดว่าในระยะต่อไป การขับเคลื่อนของธุรกิจจะยังมาจากผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก
5. การปรับตัวสำหรับผู้ประกอบการรายเล็ก อาจอยู่ที่การรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง หรือการพิจารณาร่วมพัฒนาธุรกิจกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจและผลักดันการเติบโตของตลาดนี้
6. ความเสี่ยงจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น วัตถุดิบหลักในการผลิตโปรตีนทางเลือกของไทย ส่วนใหญ่ยังมาจากถั่วเหลือง และไทยยังพึ่งพาการนำเข้าถั่วเหลืองในสัดส่วนที่สูง ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์ราคาธัญพืชโลก ราคาพลังงานและค่าขนส่งที่ยังมีแนวโน้มขยับขึ้นได้อีกในช่วงที่เหลือของปี 2565 อาจทำให้ธุรกิจมีภาระต้นทุนที่ขยับสูงขึ้น
Plant based ตัวขับเคลื่อนตลาดโปรตีนทางเลือก
อย่างไรก็ดี ด้วยศักยภาพของสินค้าที่ตอบโจทย์เทรนด์บริโภคเรื่องสุขภาพ-สิ่งแวดล้อม ประกอบกับการรุกเข้าสู่ตลาดนี้อย่างจริงจังของผู้ประกอบการหลายราย ทั้งกลุ่มผลิตอาหารและผู้ประกอบการที่เดิมไม่ได้อยู่ในธุรกิจผลิตอาหารอย่าง กลุ่มพลังงานและค้าปลีก เป็นต้น ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้นตามมา ทั้งในมิติของรสชาติที่ถูกปาก ราคาที่แข่งขันได้ ช่องทางจำหน่ายที่ทั่วถึง ทำให้คาดว่ามีโอกาสที่อัตราการบริโภคสินค้ากลุ่มนี้จะยังขยายตัวในระยะข้างหน้า
หากไม่มีผลของภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพและต้นทุนการผลิตที่เร่งตัวสูงจากภาวะเงินเฟ้อ ในปี 2565 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดโปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่อาจเติบโตได้ราว 7.0% จากปีก่อน แต่จากปัจจัยท้าทายที่เกิดขึ้นในตลาด ทั้งในเรื่องของกำลังซื้อและภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ตลาดโปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่อาจมีมูลค่าประมาณ 4,100 ล้านบาท ขยายตัวได้ราว 5.1% คิดเป็นสัดส่วน 11.2 % ของตลาดโปรตีนทางเลือกทั้งหมดในไทยที่มีมูลค่ากว่า 3.65 หมื่นล้านบาท ซึ่งกลุ่มโปรตีนทางเลือกที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด คือ โปรตีนจากพืช รองลงมาคือ โปรตีนจากแมลง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่า 99 % ของตลาดโปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมใหม่ทั้งหมด
ขณะที่ ช่องว่างทางการตลาดสำหรับตลาดโปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่ในไทยยังมีอีกมาก เพราะมูลค่าตลาดของอาหารกลุ่มนี้ยังมีสัดส่วนน้อยหรือเพียง 0.6% เมื่อเทียบกับตลาดอาหารในกลุ่มโปรตีนทั้งหมดในไทยที่คาดว่าในปี 2565 จะมีมูลค่ากว่า 7.16 แสนล้านบาท ครอบคลุมอาหารกลุ่มโปรตีนประเภทเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์จากนมและไข่
ตลาดส่งออกเปิดรับตลาดโปรตีนทางเลือก
ภายใต้ความท้าทายของตลาดในประเทศ การมองหาตลาดส่งออกเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับการขยายตลาดโปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่ เพราะการตอบรับในตัวสินค้าของผู้บริโภคในต่างประเทศมีค่อนข้างสูงกว่าตลาดในประเทศ สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้ากลุ่มโปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่ที่สามารถเติบโตได้ดี ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565
ทั้งในส่วนของโปรตีนทางเลือกจากพืช (มูลค่าการส่งออกราว 628.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 13.5% YoY) ซึ่งมีตลาดศักยภาพสำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่นและอาเซียน เป็นต้น
โปรตีนจากแมลง (มูลค่าการส่งออกราว 129.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 25.0% YoY) ซึ่งมีตลาดศักยภาพส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป อาทิ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี เบลเยียม เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ในการขยายตลาดส่งออกก็อาจมีค่าใช้จ่ายและการแข่งขันกับสินค้าอาหารในประเทศปลายทางที่สูงเช่นกัน นอกเหนือจากโจทย์ด้านการเพิ่มรอบของการบริโภคเพราะอายุของผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะกลุ่มแช่เย็นแช่แข็งที่ค่อนข้างยาว
ดังนั้น การศึกษาโอกาสทางการตลาดเชิงลึกที่รอบด้าน ควบคู่กับการชูจุดแข็งในสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เมนูอาหารไทย อาหารทะเลจากพืช เป็นต้น กระบวนการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และการสร้างเรื่องราวที่จูงใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย จะยังเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ
ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี