ถ้าความใกล้ชิดทำหลายคู่รักลงเอยกันได้
แบรนด์ Daddy TEE's Durian ก็คงมีที่มาไม่ต่างจากคู่รักเหล่านั้น เมื่อ เติร์ก เติร์น แตว 3 พี่น้องครอบครัว กิตติไพศาลศิลป์ กลับไปช่วยพ่อตี๋ - วีระนิต ต่อยอดสวนทุเรียนที่จันทบุรี ทั้งวิธีการปลูกและการทำตลาดแบบใหม่
ที่สำคัญไม่มีการบังคับใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น หากแต่เป็นเพราะความใกล้ชิดที่ดึงพวกเขาค่อยๆ มาบูรณาการพื้นที่กว่า 50 ไร่และทุเรียนอีกหลากหลายสายพันธุ์ให้มีมูลค่าได้มากกว่าเดิม
3 พี่น้องรวมใจปั้นแบรนด์ทุเรียน
เชื่อว่าใครที่ได้ดูคลิปจากแบรนด์ ทุเรียนคุณพ่อตี่ - Daddy TEE's Durian ที่บรรจงแกะเนื้อทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์ เนื้อเต่งๆ สีเหลืองๆ คงอดใจไม่ไหวที่จะต้องสั่งซื้อ เช่นเดียวกับ SME Thailand Online ที่อดใจไหม่ไหวต้องโทรไปพูดคุยกับเจ้าของแบรนด์ว่าทำไมทุเรียนถึงได้น่าทานแบบเกินต้าน คำตอบที่ได้ก็ทำให้น่าประทับใจเพราะนี่เป็นการต่อยอดธุรกิจของลูกๆ ที่อยากต่อยอดสิ่งที่พ่อรักถ่ายทอดออกไปให้มือผู้บริโภคอย่างดีที่สุด
เติร์น-วนิชยา ลูกสาวคนกลางเล่าว่า เรื่องราวของการสร้างแบรนด์นี้มันเกิดขึ้นมาในช่วงโควิด พวกเธอก็ได้มีโอกาสกลับไปบ้านที่จันทบุรี แต่ความพิเศษในการกลับบ้านครั้งนี้คือ พี่น้องทั้งสามคนได้ตามคุณพ่อตี่เข้าไปนอนในสวนทุเรียน ทำให้ได้สัมผัสถึงความรักที่พ่อมีต่อทุเรียน ที่ถ่ายทอดออกมาในทุกช่วงเวลาที่อยู่ในสวน อาทิ ร้องเพลงให้ทุเรียนฟัง พูดคุยกับทุเรียน ร้อยกว่าต้น
“เป็นความสนุกได้รับแพสชันจากพ่อมาด้วย เห็นพ่อคุยกับทุเรียนมันน่ารัก touching มากเลย”
ส่วนสาเหตุที่พวกเธอมาต่อยอดทุเรียนที่บ้านเนื่องจากที่ผ่านมาทุเรียนที่พ่อปลูกจะทำตลาดส่งออกเป็นหลัก พอเกิดโควิดจึงอยากต่อยอดเอาทุเรียนในสวนมาลองขายแบบปลีกดู ที่น่าจะมีกลุ่มลูกค้าที่น่าสนใจ
“เราเคยส่งทุเรียนไปให้เพื่อนๆ ทานแต่เพื่อนๆ หลายคนเจอปัญหากะเวลาที่จะปอกทุเรียนไม่ถูก ปอกเร็วไปทุเรียนก็แข็ง ปอกช้าไปทุเรียนไม่พอดีกิน เรารู้สึกว่ามาช่วยแก้ปัญหานี้ให้ผู้บริโภคเลยดีกว่า เราเชี่ยวชาญรู้ว่าแกะทุเรียนตอนไหนดีสุด พร้อมกับต่อยอดมาทำ Branding เอาชื่อพ่อตี่ มาทำเป็นชื่อแบรนด์ Daddy TEE's Durian เพื่ออยากที่สื่อว่าทุเรียนแบรนด์นี้ปลูกด้วยรัก จากพ่อถึงลูก”
การตลาดแบบ Real
ด้วยความที่ทำทุเรียนส่งออกเป็นหลัก เมื่อจะหันมาทำค้าปลีก สามพี่น้องจึงได้เบรนสตรอมกันว่าควรทำออกมาในรูปแบบไหนดี ผลของการระดมสมองทำให้พวกเขามองว่าจุดด้อย คือ ขาดประสบการณ์ทางด้านการขาย แต่ทว่าประสบการณ์ผู้ซื้อนั้นพวกเขาไม่ด้อยกว่าคนอื่น ดังนั้นจึงใช้วิธีมองย้อนกลับไป เปรียบตัวเองเป็นผู้บริโภคแล้วสร้างคอนเทนต์สะท้อนสื่อกลับไปถึงผู้บริโภค
“สมัยนี้คนชอบดูอะไรแบบ real คือ ทำทุกอย่างให้เห็นจริงๆ พวกเราก็เลยถ่ายคลิปกันอารมณ์ประมาณคนในบ้านปอกทุเรียนทานกันเอง ทุกอย่างเป็นภาพจริงที่ไม่ได้ปรุงแต่ง เจ้าของสวนกินอย่างไรลูกค้ากินอย่างนั้น”
เนื้อต้องพอดีทาน คำแรกต้องว้าว!
นอกจากนี้วิธีการเก็บทุเรียนก็มีผลที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจ ทั้งนี้ เติร์น เผยว่า ลูกค้าเองก็ชอบทุเรียนต่างกันไป บางคนชอบทานแบบกรอบ บางคนชอบทานแบบนิ่ม ฉะนั้นเบื้องต้นจึงต้องทราบความต้องการของลูกค้าก่อนว่าชอบทานทุเรียนแบบไหนเพื่อที่จะได้เลือกเก็บทุเรียนและแกะใส่กล่องไปให้ลูกค้าได้ทานแบบที่ต้องการ
โดยทางสวนจะเลือกใช้บริการขนส่ง INTER EXPRESS LOGISTICS มีระยะเวลาส่งแน่นอนภายใน 1-2 วัน ช่วยตอบโจทย์ในเรื่องการขนส่งทุเรียนไปให้ลูกค้า
“ไม่ใช่ทุกเม็ดที่เราแกะจะใส่กล่องได้หมด เม็ดไหนไม่สวยเราก็ไม่ใส่ ความเปล่ง ความเนียนของเนื้อ เราก็ต้องเลือกให้มันสวยงาม ให้ความรู้สึกลูกค้าซื้อไป มันเหมือนทุเรียนที่พ่อแกะให้ลูกกินจริงๆ นอกจากนี้เรายังใช้กล่องโอโซนที่ช่วยเก็บกลิ่น ทานไม่หมดก็สามารถแช่ตู้เย็นได้และไม่เกิดปัญหาสร้างกลิ่นรบกวนคนที่ไม่ชอบทานทุเรียน”
นำ Data ปรับปรุงการปลูกทุเรียน
อย่างไรก็ดีทุเรียนจะดีได้ต้องเริ่มมาจากการปลูกและการดูแล เพราะมีตัวแปรสำคัญอย่างดินฟ้าอากาศ ช่วงที่ฝนตกเยอะดอกทุเรียนจะร่วง ทำให้ผลทุเรียนไม่อร่อยไม่สมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น นอกจากช่วยในเรื่องการขายแล้วลูกๆ ทั้งสามคนยังมาช่วยดูแลเรื่องการปลูกให้ดีขึ้น
“เราจะมีการจดทุกอย่างเป็น record ทำเป็น Data ละเอียดมากกว่ารุ่นคุณพ่อ ทั้งดูปริมาณน้ำฝนปีนี้กับปีที่แล้วต่างกันอย่างไรบ้าง สามปีให้หลังปริมาณน้ำฝนในแต่ละปีแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ปีที่แล้วปีไหนฝนมาเร็วกว่ากัน ทุเรียนของเรามันออกดอกออกผลน้อยขึ้น ช้าหรือเร็วลงอย่างไรบ้าง อันนี้คือสิ่งที่เรามาช่วยคุณพ่อ เป็นประโยชน์ต่อชาวสวนและผลผลิตของเรา”
เติร์น อธิบายต่อไปว่า โชคดีที่พวกเราทำงานได้แบบไม่มีความขัดแย้งกับพ่อเลย คือ พ่อรู้ว่าเราจะมาต่อยอดดีใจมาก ธุรกิจเกษตรกรมันจะเหนื่อย เขาเห็นพวกเรามาช่วยก็เซอร์ไพรส์
และอีกไม่นานเกินทุกคนอาจได้เซอร์ไพรส์กับ่แบรนด์ Daddy TEE's Durian มากขึ้นเมื่อกำลังจะมีขนมปังทุเรียนออกมาให้ทุกคนได้ชิม
และนี่อาจเป็นความรักในผลิตภัณฑ์จึงทำให้ธุรกิจเติบโตจากรุ่นสุ่รุ่นได้อย่างงดงาม
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี