เรื่อง : กฤษณา สังข์วงค์
ภาพ: กฤษฎา ศิลปไชย
“ตอนเด็กผมมีหลายฝัน ทั้งอยากเป็นกราฟิกดีไซน์ เว็บดีไซน์ นักการตลาด คนทำเกม เปิดร้านเบเกอรี่ และเปิดร้านดอกไม้ ซึ่งผมทำทั้ง 5 ฝันแรกนี้สำเร็จแล้ว จะเหลือก็เพียงแต่ร้านดอกไม้เท่านั้นที่หลงลืมไป”
จักรพงศ์ ภู่ธีระภัทรกุล เล่าเรื่องราวครั้งวัยเยาว์เคล้ารอยยิ้มให้เราฟังว่า ตัวเขาเองโตมากับปู่และย่าในบ้านสวนที่รายล้อมด้วยต้นไม้และดอกไม้ จึงชอบและคิดอยากเปิดร้านดอกไม้ของตนเองเมื่อโตขึ้น แต่เมื่อวันเวลาพ้นผ่านจากเด็กชายเติบโตเป็นหนุ่ม จักรพงศ์วิ่งตามฝันอยู่หลายฝัน จนเมื่อได้กลับมาคิดทบทวนถึงความต้องการที่แท้จริง เขากลับนึกถึงธุรกิจร้านดอกไม้ เอาไว้หลังสุด
“ที่ผมอยากเปิดร้านดอกไม้เพราะรู้สึกอิ่มตัวกับการเป็นที่ปรึกษาทางการตลาด และด้วยความเป็นคนทำอะไรเร็ว เมื่อคิดอยากเปิดก็เปิด ไม่ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจนี้ และ “บัว” คือชื่อร้านที่ผมตั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะร้านไม่มีความชัดเจนในสินค้า แล้วตอนนั้นก็ยังทำหลายอย่างด้วยในเวลาเดียวกัน ช่วงนั้นจึงถือเป็นช่วงล้มลุกคลุกคลาน และได้บทเรียนเยอะมาก”
เมื่อถอยกลับมาตั้งหลักใหม่ และนึกถึงคำสอนของย่าที่ว่า คนเราไม่สามารถกอบกำทุกอย่างได้ จะต้องเลือกสักอย่างและเลือกให้ดีที่สุด สุดท้าย จักรพงศ์ จึงตัดสินใจทิ้งทุกฝันที่ไล่ตามและลงมือทำร้านดอกไม้อีกครั้งอย่างจริงจัง ภายใต้ชื่อ “วิไลวรรณ” ชื่อคุณย่าของเขา แต่การกลับมาคราวนี้ จักรพงศ์ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวงการดอกไม้ ออกสำรวจตลาด ศึกษากลุ่มลูกค้า กำหนดทิศทางของร้านและตัวสินค้าให้ชัดเจนว่าจะออกมาในรูปแบบไหน โดยเลือกซอยจุฬาลงกรณ์ 50 เป็นที่ตั้งของร้าน เพราะอยู่ใกล้ตลาดดอกไม้ และสามารถกระจายของได้อย่างรวดเร็ว
“ร้านวิไลวรรณจับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม โดยมีพวงหรีดเป็นสินค้าสร้างชื่อ ในช่วงแรกผมเกลียดการทำพวงหรีดมาก เพราะมันเป็นงานจุกจิกและใช้พื้นที่เยอะ แต่เมื่อคนสั่งพวงหรีดมากขึ้น จึงศึกษาตลาดว่ามีกลุ่มพรีเมียมกี่เจ้าที่จับตลาดนี้ และช่วงแรกที่เปิดร้านผมมักออกไปส่งสินค้าเอง และมองหาจุดเด่นจุดด้อยของงานเราเมื่อเทียบกับงานคนอื่น เพื่อนำจุดบกพร่องที่มีมาแก้ไขปรับปรุง แล้วก็คิดหาวิธีทำพวงหรีดให้เสร็จเร็วขึ้น จึงใช้วิธีการพิมพ์ป้ายและแผ่นกระดาน จนกลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของร้านไปแล้ว”
ทั้งนี้ แม้จักรพงศ์จะไม่เคยเรียนการจัดดอกไม้มาก่อน หากแต่เรียนรู้งานจัดดอกไม้ของไทยและต่างชาติด้วยตนเองผ่านทางยูทูป โดยเขาจะนำข้อดีของแต่ละชิ้นงานมาปรับใช้ แต่ยังคงเอกลักษณ์ของร้านไว้ชัดเจนว่า วิไลวรรณ คือความเป็นไทยร่วมสมัยที่พร้อมเสิร์ฟให้คนที่ต้องการสินค้าพรีเมียม มีความละเมียดละไม และไม่เหมือนใคร
“ทั้งพวงหรีด กระเช้า แจกัน และช่อดอกไม้ วิไลวรรณจะจัดแบบโมเดิร์น ไม่ซ้ำใคร อย่างกระเช้าที่นำมาจัด เราขึ้นบล็อกเองทั้งหมด และเราเลือกผูกริบบิ้นแทนการผูกโบว์ใหญ่ๆ เหมือนร้านทั่วไป และด้วยความที่งานเราเป็นแฮนด์เมดและประณีตทุกขั้นตอน เราจึงไม่รับออเดอร์เกินปริมาณที่ตั้งไว้ เพื่อคุมคุณภาพ”
ด้วยยุคสมัยที่สื่อออนไลน์สามารถเข้าถึงทุกคนได้ง่าย จักรพงศ์จึงเน้นการใช้ออนไลน์มาร์เก็ตติ้งในการโฆษณาร้าน อย่างยูทูปที่ลูกค้าสามารถชมคลิปโฆษณาพวงหรีดดีไซน์ต่างๆ ได้ หรือหากต้องการชมสินค้าตัวอย่างชนิดอื่นก็สามารถชมได้ในเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค และอินสตาแกรมของทางร้าน
“ผมดักลูกค้าทุกช่องทาง แต่อินสตาแกรมจะมีประสิทธิภาพมากกว่าและถือเป็นจุดก้าวกระโดดที่ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น เพราะเมื่อดาราหรือเซเลปสั่งสินค้าเราไป เขามักอัพโหลดภาพสินค้าและแท็กชื่อร้านวิไลวรรณ ทำให้กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ติดตามเขาเข้ามาติดตามเรา ซึ่งเป็นไปตามหลักการสร้างแบรนด์ที่ใช้กลุ่มคนมีชื่อเสียงเข้ามาช่วยโฆษณาสินค้า และผลที่ได้ก็เป็นแบบ word of mouth และทรงพลังมากขึ้น เมื่อมีโซเชียลมีเดียเข้ามาช่วย”
อย่างไรก็ตาม แม้ปีนี้วิไลวรรณจะย่างเข้าสู่ปีที่ 3 และถือว่าประสบความสำเร็จทั้งด้านชื่อเสียงและรายได้ แต่จักรพงศ์กลับไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาฝีมือและกำหนดทิศทางที่วิไลวรรณจะก้าวเดินต่อไปในอนาคต อย่างปี 2558 เขาวางแผนที่จะรับทำออร์แกไนซ์งานศพที่ครบวงจรในระดับพรีเมียม และในอนาคตอาจเปิดคาเฟ่ที่มีขนม เครื่องดื่มและอาหารไทยไว้คอยบริการลูกค้าที่มานั่งรอรับดอกไม้ เป็นต้น
ท้ายสุด จักรพงศ์ยังย้ำอีกครั้งว่าหากใครต้องการเปิดร้านดอกไม้ ขออย่ามองเพียงเปลือกนอกที่หอม สวย แต่จงมองเนื้อแท้ของงานด้วยว่าใจพร้อมให้ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่า และเหนือสิ่งอื่นใด จะต้องคงความชัดเจนของงาน เพื่อคงความเก๋าของแบรนด์ในตลาดดอกไม้นี้
www.viraiwan.com
Instagram : @viraiwanflorist
Facebook : Viraiwan Florist
Create by smethailandclub.com
#SMEs #Startup #Entrepreneur #เอสเอ็มอี