TEXT: กองบรรณาธิการ
“เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทำธุรกิจ ให้นึกถึงขายก๋วยเตี๋ยวชามละ 100 บาท แต่คนกินจะต้องได้ 400 บาท แค่นั้น รับรองว่าไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ถ้าคุณสามารถทำให้ผู้บริโภคได้ 4 เท่า ถึง 10 เท่า ผมการรันตีว่าคุณขายได้” ดร.แสงสุข พิทยานุกุล เจ้าของ Smooth E & DENTISTE กล่าวถึงหนึ่งในการวิธีคิดที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
วันนี้หากเอ่ยถึงชื่อ ดร.แสงสุข พิทยานุกุล หลายคนคงชื่นชมและยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ในปีที่ผ่านมาเขาสามารถทำให้ธุรกิจมีรายได้รวม 2,398 ล้านบาท วันนี้ SME THAILAND ONLINE จะพาทุกคนไปส่องวิธีคิดต่างสร้างความสำเร็จ จากเจ้าของ Smooth E & DENTISTE กัน
คิดต่างสร้างความสำเร็จ สไตล์ ดร.แสงสุข พิทยานุกุล
ผมเป็นคนคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน ซึ่งภาษาการตลาดเรียกว่า คิดนอกกรอบ หรือ Niche Marketing เป็นการทำการตลาดแบบเล็กๆ แต่มีกำไร เล็กๆ แต่อยู่ได้ ตัวผมเองจะหลบอยู่ตลอดเวลา หลบบริษัทใหญ่ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ผมจะอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ที่เจอกับ Unmet Need ของคน เช่น คนเขาขายอย่างนี้ ผมรู้ว่าถ้าผมทำตามเขา ผมก็คงขายได้ แต่ไม่รวยหรอก กำไรก็จะน้อย ฉะนั้นผมก็จะหลบ และมาคิดว่าอะไรที่เขาไม่ขายกันแล้วยังมีความต้องการ ก็คือเป็น Niche Marketing การตลาดคิดต่าง
ฉีกทุกกฎสร้างชื่อ Smooth E ครองใจผู้บริโภคด้วยการสร้างความแตกต่าง
1. แพ็กเกจจิง จะเห็นได้ว่าผมออกแบบบรรจุภัณฑ์ของ Smooth E ด้วยลักษณะที่ดูดี เรียบหรู
2. การพูด เพราะสมัยก่อนยังไม่มีใครพูดถึงรอบแผลเป็น จึงนำตัวนี้ขึ้นมาชูเป็นจุดเด่น
3. การลงทุน ลงทุนนำวัตุดิบที่ดีที่สุดในโลกมาใช้ ลงทุนเอาเนื้อครีมที่ดีๆ เนียนๆ ดูดซึมได้ดี
4. ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ ผมลงทุนให้สถาบันโรคผิวหนังวิจัย ว่ามันใช้ได้ผลจริง แต่โดยทั่วไปๆ จะเน้นเรื่องต้นทุนที่ถูก “แต่ผมบอกว่า Smooth E ใช้วัตุดิบที่ดีที่สุดในโลก เห็นไหมว่าแตกต่างเลย เพราะฉะนั้นการที่คุณลงทุนตรงนั้น แล้วคิดให้มัน Beyond มากๆ สินค้าของคุณจะอยู่ได้นาน”
DENTISTE ต่างด้วยคุณภาพ มัดใจผู้บริโภคเกาหลี-ญี่ปุ่น
“ผมว่าวิธีการคิดวาง Concept สำคัญมาก ไม่ว่าจะออกสินค้าตัวไหนมา ผมก็จะมีหลักการว่า ความแตกต่างคือคุณภาพที่โดนใจ”
และกลับมาดูที่ DENTISTE ตอนที่ออกสินค้ามาเป็นยาสีฟันก่อนนอน ผมได้แรงบันดาลใจมาจากทันตแพทย์ เพราะว่าคนเราฟันผุตอนกลางคืน อันนี้ก็คือความแตกต่าง จากตรงนี้ทำให้ DENTISTE ขายดีมากในเกาหลี ซึ่งขายดีกว่าประเทศไทย ประเทศไทยได้มาร์เก็ตแชร์ 5-6% แต่ที่ประเทศเกาหลีได้ 11% และในประเทศญี่ปุ่นเราทำการทดสอบ โดยการเอาตัวอย่าง 300,000 หลอด ไปให้คนญี่ปุ่นลองใช้ ปรากฏว่าได้ Cosme Awards อันดับ 1 ถึง 7 ปีซ้อน
และนี่คือ วิธีคิดต่างสร้างความสำเร็จ จาก ดร.แสงสุข พิทยานุกุล หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นไอเดียในการทำธุรกิจของใครหลายๆ คน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี