การ์ทเนอร์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก เปิดผลสำรวจล่าสุดของซีอีโอและผู้บริหารระดับสูง “Gartner 2022 CEO and Senior Business Executive Survey” รายงานประจำปีที่จัดทำขึ้น เพื่อสำรวจมุมมองของบรรดาซีอีโอทั่วโลกที่มีต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของโลกในปีนี้ ว่าเรื่องใดส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากที่สุด
โดยได้ทำการสำรวจผู้บริหารธุรกิจอาวุโสกว่า 400 ราย ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีรายได้และขนาดองค์กรแตกต่างกัน จากทั้งภูมิภาคอเมริกาเหนือ, ยุโรป, ตะวันออกกลางและแอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก พบว่ามี 3 ประเด็นที่เป็นปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ความยั่งยืน และอัตราเงินเฟ้อ
โรคระบาดส่งผลกระทบแรงงานขาดแคลน
มาร์ค ราสกิโน รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า ในปี 2565 เป็นปีที่แนวคิดการทำธุรกิจของซีอีโอทั่วโลกหลายคนเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง เรื่องแรก คือ ปัญหาด้านแรงงาน ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 จาก 10 อันดับ โดยเกิดขึ้นจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่วิธีการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปที่ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ ส่งผลให้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะด้านการสื่อสารเข้ามาใช้มากขึ้น จนทำให้แม้สถานการณ์อาจเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ก็กลับส่งผลต่อแนวคิดของแรงงานบางส่วนที่อยากปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานใหม่ โดยไม่ยึดติดกับการทำงานรูทีนแบบเดิม แต่อยากสามารถใช้ชีวิตสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับตนเอง พร้อมกับรับผิดชอบทำงานไปด้วยพร้อมกันได้
นอกจากการพยายามปรับรูปแบบการทำงาน เพื่อจูงใจแรงงานให้หันกลับมาเข้าสู่ระบบกันมากขึ้นแล้ว ซีอีโอในหลายธุรกิจยังคงมุ่งมั่นสร้างธุรกิจดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มช่องทางในการทำธุรกิจที่หลากหลาย หากเกิดวิกฤตขึ้นในวันหน้าก็จะได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจน้อยลงนั่นเอง โดยเทคโนโลยีที่เหล่าซีอีโอต่างมองว่าสำคัญต่อธุรกิจ คือ การนำ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยพัฒนาธุรกิจได้มากที่สุดในด้านตลาดดิจิทัลหรืออีคอมเมิร์ซติดต่อกันเป็นที่สามแล้ว สำหรับ Metaverse ที่ดูเป็นเหมือนเทคโนโลยีใหม่ ซีอีโอกว่า 63 เปอร์เซ็นต์จากการทำสำรวจกลับมองว่ายังไม่น่าจะเป็นเทคโนโลยีหลักสำหรับธุรกิจ ณ ปัจจุบันได้
ความยั่งยืน สิ่งแวดล้อมติด 1 ใน 10 เป็นปีแรก
ซึ่งจากการทำผลสำรวจซีอีโอของการ์ทเนอร์มาพบว่า ปีนี้เป็นปีแรกเลยก็ว่าได้ที่เหล่าซีอีโอให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมติด 10 อันดับแรกของการทำกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยในปี 2565 นี้ติดอยู่ในอันดับที่ 8 กระโดดมาจากอันดับ 14 ในปี 2562 และอันดับที่ 20 ในปี 2558
ปัจจัยน่าจะมาจากการที่เริ่มได้รับแรงกดดันจากกระแสการส่งเสริมให้ธุรกิจต่างๆ ดำเนินการความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งหากธุรกิจใดที่มีการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม นอกจากอาจสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจได้แล้ว ยังทำให้ธุรกิจเป็นที่ยอมรับและนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นด้วย
โดย 74 เปอร์เซ็นต์ของซีอีโอเห็นด้วยว่าการทำธุรกิจด้วยยึดมั่นในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ( ESG) ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยดึงดูดนักลงทุนมายังบริษัทของตน ซึ่งกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของซีอีโอในการสำรวจครั้งนี้ต่างมองว่าความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม คือ ปัจจัยขับเคลื่อนใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพทั่วไปเลย
เงินเฟ้อ ตัวการสำคัญทำสินค้าขึ้นราคาที่จะคงอยู่ไปอีกนาน
สำหรับวิกฤตด้านเงินเฟ้อที่ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากทั้งโรคระบาด หรือสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ก็ตาม ซีอีโอกว่า 62 เปอร์เซ็นต์มองว่าเงินเฟ้อนั้นจะเป็นปัญหาถาวรต่อไปในระยะยาว โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่กว่า 51 เห็นตรงกันว่าอัตราเงินเฟ้อ คือ ตัวการของการขึ้นราคาสินค้าเป็นอันดับต้นๆ มากกว่าเรื่องกำลังการผลิตและประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ซึ่งไม่ถูกจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจเลยด้วยซ้ำ
โดยทางการ์ทเนอร์คาดการว่าหากภาวะเงินเฟ้อยังอยู่ต่อไป อาจส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่รวดเร็วขึ้นในการทำธุรกิจ ซึ่งคาดการณ์ว่าภาวะเงินเฟ้อนี้จะยังคงอยู่ต่อไปอีกนานทีเดียว
ที่มา : Gartner
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี