DEESAWAT กว่า 50 ปีของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้ รับมือความท้าทายธุรกิจ ด้วยหลักคิดแบบผู้รอด

 

 

      กว่า 5 ทศวรรษกับการเติบโตของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้ภายใต้แบรนด์ “DEESAWAT” (ดีสวัสดิ์) แม้มีช่วงที่ต้องสะดุดจากการผลัดเปลี่ยนมือของผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นคนก่อตั้งธุรกิจในลักษณะเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิมฝังมุก แต่เมื่ออุบัติเหตุชีวิตเกิดขึ้นเมื่อต้องสูญเสียบิดาไป การต้องมารับช่วงต่อธุรกิจครอบครัวของวัยรุ่นวัย 19 ปี ที่แทบไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวธุรกิจมาก่อนเลย ทำให้ จิรวัฒน์ ตั้งกิจงามวงศ์ ต้องสู้แบบหลังชนฝา เพื่อนำพาธุรกิจให้รอด ในวินาทีนั้นเขาไม่มีฟอร์ม ไม่มีความกลัวใดๆ คิดอะไรได้ ก็ลงมือทำเลย ลุยไปแบบลูกทุ่งๆ ตั้งแต่เดินเข้าไปขอคำปรึกษาจากหน่วยงานรัฐ การตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินไปงานเฟอร์นิเจอร์ระดับโลก เพื่อจับลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของงาน ทั้งที่ยังไม่มีอะไรอยู่ในมือเลย แถมสุดท้ายเขาก็ได้ออร์เดอร์กลับมากู้วิกฤตให้ธุรกิจ 

       

คิดแบบผู้รอด

  • ตั้งเป้าหมาย แล้วพุ่งชน

     ในวันที่ยังเป็นมือใหม่ แต่จำเป็นต้องนำพาธุรกิจไปให้รอด เมื่อเฟอร์นิเจอร์ของแบรนด์ไม่สามารถส่งออกได้ นอกจากการพยายามมองหาสิ่งที่ตลาดต้องการแล้ว สิ่งที่จิรวัฒน์เลือกทำ คือ การตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อไปงานเฟอร์นิเจอร์ระดับโลก โดยเป้าหมายของเขาเพียงหนึ่งเดียว ก็คือ การมองหาลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของงานที่ดูว่ามีคุณภาพแค่เพียงรายเดียว เพื่อนำกลับมากอบกู้วิกฤตของธุรกิจให้ได้

  • ไม่อายที่จะขอความรู้

     จากที่ไม่ได้เตรียมตัวทำความรู้จักธุรกิจจากพ่อมาก่อน ในวันที่พ่อไม่อยู่ เมื่อต้องมารับผิดชอบธุรกิจให้ไปต่อ จิรวัฒน์ไม่อายที่จะเดินดุ่มๆ เข้าไปหาหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอความรู้ เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อสร้างโอกาสให้กับธุรกิจของตัวเอง

  • หาทางไปต่อให้กับธุรกิจ

       เมื่อลูกค้าประจำที่ทำ OEM ด้วยกันมายาวนานต้องเกษียณตัวเอง เขาก็ไม่รีรอที่จะสร้างแบรนด์จริงจัง ปรับทิศทางธุรกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า เพื่อให้แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ของตัวเองเป็นที่รู้จักมากขึ้น

  • สร้างความท้าทายให้ตัวเองอยู่เสมอ

       นอกจากนี้เขายังพยายามตั้งโจทย์ธุรกิจให้กับตัวเองอยู่เสมอด้วยการนำสินค้าส่งเข้าประกวดในเวทีรางวัลต่างๆ มากมาย เพื่อเป็นการพิสูจน์การทำงานของตนเอง และทำให้สินค้าถูกยอมรับมากขึ้นในวงกว้าง ทั้งรางวัล DEmark (Design Excellence Award) ในไทย และ G Mark (Good Design Award)  จากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

หลัก 3 ป

      โดยหลักการทำธุรกิจภายใต้แบรนด์ดีสวัสดิ์ที่จิรวัฒน์นำมาใช้มีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ ที่เรียกว่า “3 ป” ได้แก่

  • เปิด

       การเปิดรับข้อมูลข่าวสาร โอกาสธุรกิจใหม่ๆ เทรนด์โลก โดยในที่นี้เขามองว่าพันธมิตรและเครือข่าย คือ สิ่งสำคัญ เขาจึงพยายามนำตัวเองไปแฝงตัวอยู่ในสมาคมต่างๆ เพื่อให้เป็นชุมชน ศูนย์การของข่าวมูลข่าวสาร โดยปัจจุบันเขามีตำแหน่งเป็นนายกหลายแห่งด้วยกัน อาทิ สมาคมเฟอร์นิเจอร์ไทย, สมาคมธุรกิจไม้ นอกจากนี้สำหรับพนักงานเองเขายังเปิดใจรับฟังลูกน้อง มีการให้จัดตั้งสหภาพแรงงานขึ้นภายในบริษัทด้วย

  • ปรับ

      นอกจากเปิดกว้างแล้ว จิรวัฒน์มองว่าการเรียนรู้ตลอดเวลาก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเขามองว่าผู้ประกอบการธุรกิจควรเรียนรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง เมื่อรู้แล้วต้องยอมรับให้ได้ แต่อย่ายอมแพ้ แต่ควรนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นตามที่เหมาะสมกับตัวเองเหมือนคติประจำใจที่เขาใช้มาตลอด “ไม่สูงก็เขย่ง ไม่เก่งก็ต้องขยัน” นอกจากนี้เขามองว่าสำหรับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันที่เกิดวิกฤตขึ้นมากมาย ผู้ประกอบการ SME ควรวางแผนธุรกิจให้สั้นลง แต่มีความชัดเจนขึ้น เพื่อการปรับตัวได้ทันต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

  • ปลง

      แต่สุดท้ายเมื่อได้ทำทั้ง 2 ข้อที่กล่าวมาแล้ว แต่เกิดติดขัด ไม่สามารถไปต่อได้ ไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมกับตัวเอง เขากล่าวว่าควรต้องทำใจยอมรับให้รวดเร็ว มูฟออน และเดินหน้าต่อไป เพื่อเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ต่อไป อย่าท้อ เครียด ผิดหวังกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

อยู่แบบผู้รอดในวิถี Toyota Way  

       การต้องเป็นผู้รอดให้ได้ ทำให้จิรวัฒน์กลายเป็นผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์และหลักการทำธุรกิจแบบกล้าชน กล้าเสี่ยง พร้อมรับมือกับทุกความท้าทายที่เข้ามา จนวันนี้ได้กลายเป็นหนึ่งแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไทยที่รู้จักในตลาดโลก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีเตรียมพร้อม ศึกษาข้อมูล กลยุทธ์ และวางแผนไปแล้วอย่างดี ซึ่งการ Challenge ตัวเองอยู่ตลอดเวลา การพัฒนาปรับปรุงขึ้นอย่างต่อเนื่องตรงกับหลักการของ TOYOTA WAY หรือ วิถีแห่งโตโยต้า ซึ่งมีอยู่ 2 เสาหลัก ได้แก่

1. การปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย ความท้าทายตนเอง, หลักไคเซ็น (ลดเลิกขั้นตอนที่ไม่จำเป็น) และเก็นจิ เก็นบุดสึ (ไปดูให้เห็นจริงถึงปัญหา)

2. การยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน ประกอบด้วย การยอมรับนับถือกัน และ ทีมเวิร์ก เพื่อให้สามารถนำมาปรับใช้กับการทำธุรกิจยุคปัจจุบันที่ต้องรับมือกับสถานกาณ์วิกฤตมากมายที่เกิดขึ้น

     ***ข้อมูลจากโครงการ “ถอด DNA ความสำเร็จแบบวิถีโตโยต้า” ในหัวข้อ “แนวคิดในการทำธุรกิจแบบ TOYOTA WAY”

โดย SME Thailand x โตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์  

สนใจเข้าร่วมกิจกรรม คลิก https://toyotatsi.com/course

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย