จากดินสู่ดาว ถอดสูตร เจ๊ไฝ ราชินีสตรีทฟู้ด ทำธุรกิจยังไงให้สำเร็จได้ทั้งเงิน และรางวัลมิชลินสตาร์

 

 

     การทำธุรกิจ ไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ตามจะเล็ก หรือ ใหญ่ หากมีมุ่งมั่นตั้งใจจริงแล้วละก็ ยังไงสักวันหนึ่งความสำเร็จก็ต้องมาเยือนอย่างแน่นอน ดูอย่างเรื่องราวของ “เจ๊ไฝ” หรือชื่อจริง คือ เจ๊เปีย - สุภินยา จันสุตะ เจ้าของร้านอาหารเล็กๆ ริมทางย่านประตูผี หรือแยกสำราญราษฎร์ ที่ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารอยู่หน้าเตาร้อนๆ มานาน 40 กว่าปี อยู่ดีๆ วันหนึ่งจะถูกโทรมาเรียกให้ไปรับรางวัลระดับโลกที่แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้จักมาก่อน แถมปฏิเสธไปก่อนถึงสองครั้ง เหตุผลเพราะไม่อยากปิดร้าน และนับจากนั้นเป็นต้นมาชื่อของเจ๊ไฝก็เริ่มเป็นที่รู้จักในระดับโลกมากขึ้น ไม่ว่าจากบรรดานักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชิม หรือแม้แต่เว็บไซต์สตีมมิ่งให้บริการรับชมซีรีส์และภาพยนตร์ระดับโลกอย่าง Netflix ก็ยังมาทำสารคดีซีรีย์ “Street Food” มาแล้ว อะไรทำให้เจ๊ไฝดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ ลองไปถอดสูตรการทำธุรกิจแบบเจ๊ไฝกัน

ไม่ท้อกับคำสบประมาท ล้มแล้วต้องลุกให้ได้

      เจ๊ไฝเกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน โดยก่อนหน้าจะเริ่มต้นชีวิตแม่ครัว เจ๊ไฝเคยเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้ามาก่อนและไม่เคยทำอาหารขายเลย โดยรักและมีความสุขกับการเย็บผ้ามาก แต่จู่ๆ อาชีพที่รักก็ต้องมลายหายไปเนื่องจากบ้านถูกไฟไหม้ จักรเย็บผ้า อุปกรณ์เย็บผ้า ทุกอย่างหายวับไปกับตาเป็นจุดดำดิ่งสุดของชีวิต โดยระหว่างที่ไม่รู้จะดำเนินชีวิตต่อไปทางไหนดี ก็เห็นกิจการค้าขายอาหารของที่บ้าน จึงสนใจและอยากเรียนรู้บ้าง เลยเริ่มด้วยการไปช่วยแม่ขายก๋วยเตี๋ยวก่อน แรกๆ ไม่มีใครคิดว่าเธอจะทำได้ เพราะไม่เคยทำอาหารขายมาก่อน แต่ในที่สุดเจ๊ไฝก็หัดเรียนรู้ด้วยตัวเอง อาศัยครูลักพักจำบ้างเรื่องเทคนิคการใช้ไฟ เทคนิคการปรุง การรู้จักวัตถุดิบต่างๆ โดยใช้เวลาว่างกลางคืนหลังกลับจากไปหางานทำช่วงกลางวันมาหัดทำต่อ จนเริ่มมีความถนัดมากขึ้นก็ลองหัดทำเมนูที่ชื่นชอบอย่าง “ราดหน้า” จนได้สูตรพิเศษออกมาไม่ใส่ซีอิ๊วในเส้น จึงได้ทำออกมาขาย อาศัยเก็บหอมรอมริบด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองอยู่หลายปี จนในที่สุดก็สามารถมีร้านตึกแถวห้องเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่งก็คือ ที่ตั้งของร้านในปัจจุบันนั่นเอง

กล้าเสี่ยง อยากประสบความสำเร็จใจต้องใหญ่

     นอกจากความไม่ย่อท้อและมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้แล้ว เจ๊ไฝยังมีนิสัยใจใหญ่ เป็นคนกล้าเสี่ยง โดยตั้งแต่ช่วงแรกที่พอเริ่มขายของมีกำไรได้ไม่นานก็คิดอยากสร้างความแตกต่างจากร้านอื่น โดยคิดว่าถึงจะเป็นร้านสรีทฟู้ดข้างทาง ก็ต้องเป็นสตรีทฟู้ดที่ดีและแตกต่าง ต้องไม่เหมือนใครให้ได้ โดยจุดที่เจ๊ไฝนำมาใช้สร้างความแตกต่างให้กับตนเอง ก็คือ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าสตรีทฟู้ดต้องเป็นอาหารที่ราคาถูก วัตถุดิบก็ใช้แบบที่หาได้ตามท้องตลาดทั่วไป เจ๊ไฝจึงลองใช้วิธีคิดกลับกันด้วยการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี ราคาแพงมาใช้ ยกตัวอย่างเช่นการทำผัดไทยในช่วงแรกก็เลือกซื้อกุ้งทะเลไซส์ใหญ่มาทำ เริ่มต้นขายที่จานละ 120 บาท ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีใครกล้าขายในราคานี้ ซึ่งแรกๆ ลูกค้าก็ตกใจ เพราะไม่เคยเจอสตรีทฟู้ดในราคานี้ แต่สุดท้ายก็มีคนกลับมากินซ้ำ จึงทำให้เจ๊ไฝยิ่งมั่นใจว่าจริงๆ แล้วยังมีช่องว่างโอกาสอีกมากในธุรกิจนี้ ขอเพียงเป็นของดีจริง วัตถุดิบมีคุณภาพ กินแล้วอร่อย ราคาเท่าไหร่ ก็มีคนกล้าจ่าย จนนำมาใช้เป็นแนวทางในการทำธุรกิจมาจนทุกวันนี้ โดยถึงแม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีวัตถุดิบราคาแพงให้เลือกไม่ต่างจากภัตตาคาร จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมราดหน้าเป๋าฮื้อจานละหมื่นถึงมาขายอยู่ที่ร้านเล็กๆ ริมทางแห่งนี้ได้

ทุ่มเท รักในสิ่งที่ทำ

       ถึงแม้จะรังสรรค์เมนูรสชาติอร่อยออกมามายมายอย่างทุกวันนี้ แต่รู้ไหมว่าจริงๆ แล้วการทำอาหารของเจ๊ไฝนั้นกลับไม่มีสูตรตายตัว โดยเจ๊ไฝเคยให้สัมภาษณ์ไว้กับหลายสื่อว่าตลอดระยะเวลาในชีวิตการทำอาหาร ตนไม่เคยมีการจดสูตรอาหารเอาไว้เลย ทุกอย่างเกิดมาจากการจดจำและเรียนรู้ทั้งนั้น หากวันหน้าพบว่าเทคนิคไหนดีก็จะนำมาปรับใช้อย่างไม่รีรอ ด้วยวิธีการนี้จึงทำให้เจ๊ไฝสนุกกับการรังสรรค์เมนูใหม่ๆ ขึ้นมาได้ตลอดเวลา จนทำให้ลูกค้าทึ่งในความสามารถ ยกตัวอย่างเช่นไข่เจียวปูอย่างที่เราๆ รู้จักกันดีนั่นเอง โดยแทนที่จะเป็นไข่เจียวแบนๆ เป็นแผ่น ก็กลับดัดแปลงทำเป็นไข่เจียวม้วนเหมือนกับไข่ม้วนญี่ปุ่น และแทนที่จะใส่เนื้อปูลงไปเพียงน้อยๆ ก็กลับใส่เต็มที่กว่า 300 กรัมในไข่เจียวหนึ่งจาน โดยปูที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ปูที่ซื้อตามท้องตลาดทั่วไป แต่มีการลงทุนดั้นด้นไปหาวัตถุดิบถึงแพปูทางภาคใต้กันเลยทีเดียว เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ดีที่สุดนำไปเสิร์ฟให้กับลูกค้า จึงไม่แปลกที่เจ๊ไฝจะได้รับนิยามว่า  “ราชินีแห่งสตรีฟู้ด ผู้ทุ่มเทให้กับคุณภาพของวัตถุดิบ” ซึ่งนอกจากการเฟ้นหาวัตถุดิบที่ดีที่สุดแล้ว ทุกวันนี้เจ๊ไฝยังคงยืนอยู่หน้าเตาร้อนๆ วันละกว่าสิบชั่วโมงตั้งแต่ร้านเปิด จนปิด เพื่อลงมือปรุงอาหารด้วยตัวเองให้กับลูกค้าด้วย

การเรียนรู้ คือ สิ่งสำคัญ

     อย่างที่เล่าไปตอนต้นว่าเจ๊ไฝเติบโตมาจากครอบครัวที่ฐานะค่อนข้างยากจน จนทำให้มีโอกาสเรียนได้แค่ชั้นประถม 4  เพื่อให้น้องๆ ได้เรียนต่อ แต่เจ๊ไฝก็ไม่เคยย่อท้อต่อโชคชะตา และไม่เคยทิ้งการเรียนรู้ โดยแม้ถึงจะไม่ได้เรียนต่อ แต่เจ๊ไฝก็อาศัยหาเวลาว่างไปยืมหนังสือจากหอสมุดแห่งชาติมาอ่านอยู่บ่อยๆ และหนึ่งในหนังสือโปรดในดวงใจก็คือ  “3 ก๊ก” ซึ่งจุดนี้เองที่กลายมาเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงานและทำธุรกิจในภายหลัง ทำให้คิดทุกอย่างได้อย่างเป็นระบบ โดยไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามเจ๊ไฝมักมีจุดมุ่งหมายวางไว้ก่อนเสมอ หรือแม้หลังเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วควรเริ่มแก้ไขจากจุดไหนก่อน ทุกอย่างได้มาจากการเรียนรู้ที่ไม่มีสิ้นสุดทั้งนั้น

TEXT : กองบรรณาธิการ

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย