HTP Group พลิกวิกฤติเป็นโอกาส สู่ธุรกิจ ลานจอดรถระบบไฮเทค…

    





เรื่อง : นิธิดา วงศาโรจน์
ภาพ : กฤษฎา ศิลปไชย

    การเติบโตของตลาดรถยนต์มือหนึ่งและมือสองในประเทศไทยมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานที่เริ่มหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น กลายเป็นผลกระทบทางอ้อมต่อองค์กรที่อยู่ใจกลางเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร เนื่องจากพื้นที่อันมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้สถานที่จอดรถเริ่มไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ครั้นจะขยับขยายก็ต้องลงทุนเม็ดเงินในปริมาณค่อนข้างสูง จากปัญหาที่แก้ไม่ตกเหล่านี้เอง ได้ชี้ให้ จรัส อารยะชัย เห็นถึงช่องว่างในการบุกเบิกธุรกิจ ก่อนจะตัดสินใจพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสโดยเริ่มต้นนำธุรกิจ “ลานจอดรถไฮเทค” เข้ามาเป็นเจ้าแรกของเมืองไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท เดอะ เอชทีพี กรุ๊ป จำกัด  (HTP Group)

    และในฐานะประธานกรรมการบริหาร หน้าที่ของเขาจึงต้องศึกษาค้นคว้าจากแนวคิดของต่างประเทศ แล้วนำมาปรับประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของประเทศไทย โดยลานจอดรถไฮเทคเป็นบริการที่มีความสามารถในการแปลงพื้นที่อันมีอยู่อย่างจำกัด ให้กลายเป็นลานจอดรถที่สามารถจอดได้ตั้งแต่ 2 คัน ไปจนถึง 1,000 คัน 

 



    “ลานจอดรถของเราถือว่าเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก ไม่สามารถขับรถวนไปแต่ละชั้นเพื่อจอดเหมือนในห้างสรรพสินค้าได้ โดยลานจอดรถจะมีลักษณะเป็นเหล็กกล้าสำเร็จรูป ขนาดของลานจอดรถและจำนวนชั้นก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความต้องการของลูกค้าว่าต้องการให้จอดได้กี่คัน ซึ่งจะใช้ลิฟท์เป็นตัวขับเคลื่อนทำหน้าที่นำรถไปจอดไว้ตามช่อง สำหรับลูกค้าแค่ขับรถไปจอดไว้ในลิฟท์เท่านั้นและไม่จำเป็นต้องขึ้นไปด้วย โดยการทำงานต่างๆได้รับการควบคุมด้วยระบบ PLC หรือโปรแกรมลอจิกคอนโทรล นับว่าเป็นระบบที่ดีที่สุดของโลก ทั้งยังอำนวยความสะดวกในกรณีที่บริษัทมีการย้ายที่ตั้ง ลานจอดรถก็สามารถรื้อถอนและนำไปติดตั้งในสถานที่ใหม่ได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องสร้างใหม่อีกรอบ”


    นอกจากนั้นแล้ว เขายังเผยถึงการทำธุรกิจลานจอดรถไฮเทคในช่วงแรกด้วยว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังไม่ได้รับความนิยมและไว้วางใจจากผู้บริโภคเท่าที่ควร แต่ด้วยน้ำอดน้ำทนที่มีอยู่ เขาใช้เวลาสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอยู่ 5 ปี จนกระทั่งปัจจุบันตลาดธุรกิจลานจอดรถไฮเทคได้เติบโตขึ้นพร้อมคู่แข่งกว่า 10 บริษัท แต่จรัสกลับมองว่าการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ใช่วิกฤติแต่เป็นโอกาสที่ได้รับการหยิบยื่นให้อีกครั้ง อันจะทำให้ตลาดกลุ่มผู้บริโภคเริ่มมีความตื่นตัวและเชื่อมั่นในลานจอดรถรูปแบบนี้มากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการและให้ความสนใจเป็นอย่างสูง โดยแบ่งสัดส่วนลูกค้าเป็น SME ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน

 




    “เราไม่เคยมองว่าคู่แข่งจะเป็นปัญหาในการทำธุรกิจ กลับเป็นโอกาสเสียด้วยซ้ำที่จะทำให้ผู้บริโภคเล็งเห็นถึงปัญหาอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นตัวพิสูจน์อย่างดีถึงศักยภาพของแต่ละแบรนด์ ซึ่งเราก็การันตีได้จากการเป็นเจ้าแรกที่นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาบวกกับผลงานที่ได้รับรางวัลมาแล้วกว่า 20 ชิ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่าเราจะหยุดพัฒนา เพราะบางครั้งปัญหาที่เข้ามาก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เราคิดเสมอว่าหยุดนิ่งไม่ได้ต้องพร้อมที่จะยกระดับศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างความพึงพอใจให้เกิดผลสูงสุด”

    ด้วยเหตุนี้ การมองออกไปยังตลาดต่างประเทศจึงเป็นเป้าหมายที่ผู้บริหารท่านนี้ได้เล็งไว้เช่นกันโดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เนื่องจากทั้งสองประเทศนี้มีการเจริญเติบโตของตลาดรถยนต์แทบไม่ต่างจากประเทศไทย ซึ่งคาดว่าการก้าวไปตลาดเหล่านั้นอาจใช้เวลาเพียง 2 ปี

 



    “เราคาดหวังที่จะพัฒนาระบบลานจอดรถไฮเทคในกรุงเทพฯ ให้ประสบความสำเร็จเสียก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นกับการทำตลาดในบ้านเรา และเมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้เปิดอย่างเป็นทางการ ความเสรีในการค้ามีสูงขึ้น ถึงเวลานั้นเราก็จะโตไปอีกขั้นหนึ่งและก้าวออกไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความสำคัญของการทำธุรกิจต่างแดน ไม่ได้อาศัยเพียงฝีมือของตนเองเท่านั้น เรามองว่าคู่ค้าก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนที่ช่วยสนับสนุนก็ดี เอื้อเฟื้อประโยชน์ต่อกันก็ดี 

    ดังนั้นการทำธุรกิจแบบหัวเดียวอาจส่งเราไปไม่ถึงฝั่งฝัน ต้องรู้จักที่จะมองหาเพื่อนคู่คิดทางธุรกิจด้วย นอกจากนั้นยังหมายรวมไปถึงคู่ค้าอย่างธนาคารด้วยเช่นกัน เราต้องรักษาเครดิตการทำธุรกิจเพื่อให้สถาบันการเงินสนับสนุนเราอย่างต่อเนื่องด้วย”    

    เป็นเพราะรู้จักมองวิกฤติ แล้วพร้อมที่จะพลิกให้เป็นโอกาสอยู่เสมอ จึงส่งผลให้วันนี้ ลานจอดรถระบบไฮเทค ภายใต้แบรนด์ HTP Group เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและต่อเนื่องเป็นทวีคูณ 

********************************
บริการลานจอดรถไฮเทค

• เริ่มต้นทางบริษัทจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเสียก่อน ว่าลูกค้ามีพื้นที่เท่าไหร่ พร้อมทั้งต้องการให้รถจอดได้ทั้งสิ้นจำนวนกี่คัน รวมไปถึงงบประมาณของลูกค้าว่ามีอยู่เท่าไหร่ ซึ่งสามารถต่อรองราคาได้บ้างเล็กน้อย เมื่อตกลงข้อเสนอได้เรียบร้อย ก็จะมีการเซ็นต์สัญญาซื้อขายตามปกติ

• สำหรับช่วงเวลาในการติดตั้งลานจอดรถไฮเทคนั้น ถ้าเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ตั้งแต่ 10-20 คัน จะใช้เวลาดำเนินการ 30-60 วัน แต่ถ้าเป็นโครงการขนาดใหญ่ตั้งแต่ 1,000 คันขึ้นไป จะใช้เวลาในการติดตั้ง 1 ปี 

• ราคาเฉลี่ยในการสร้างลานจอดรถไฮเทคต่อรถ 1 คันราคาประมาณ 2 แสนบาท อาทิผู้ประกอบการต้องการที่จอดรถจำนวน 10 คัน โครงการนี้จะใช้งบโดยประมาณ 2 ล้านบาท การชำระเงินจะต้องมัดจำก่อน 30-40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อส่งสินค้าจะชำระเงินอีก 30-40 เปอร์เซ็นต์ และท้ายที่สุดเมื่อติดตั้งเสร็จก็ชำระเงินในส่วนที่เหลือให้ครบจำนวนตามที่ได้ตกลงไว้


ติดต่อได้ที่ : HTP Group
257/2 ลาดพร้าว 101 เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 
โทร. 02-377-9999
เว็บไซต์ http://www.htpgroup.co.th/home.php 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี


 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน