จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรอบกว่าสองปีที่ผ่านมา ไม่ว่าธุรกิจไหนๆ คงได้รับผลกระทบด้านลบไม่ต่างกัน แต่อาจไม่ใช่กับ The Summer Coffee Company ร้านกาแฟอยุธยาที่ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นโอกาสเปิดตัวช่องทางใหม่เพื่อจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าผ่านออนไลน์ เพียง 1 – 2 เดือนแรกกลับทำยอดขายพุ่งโต 200 เปอร์เซ็นต์สูงเป็นประวัติการณ์ อะไร คือ ที่มีของการโตแบบก้าวกระโดด ลองไปฟัง ชุติมา อนันรยา หรือ โน้ต Co-founder แห่งร้าน The Summer Coffee Company เล่าเคล็ดลับธุรกิจให้ฟัง
เตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ
“ต้องบอกว่าจริงๆ เราตั้งใจจะทำตลาดออนไลน์กันอยู่แล้ว แต่พอโควิด-19 มาเหมือนเป็นการบังคับให้ต้องทำเลย ซึ่งจากการเตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว จึงทำให้เราสามารถเริ่มได้ในทันทีในวันที่ลูกค้าต้องการ” ชุติมาเกริ่นถึงจุดเปลี่ยนธุรกิจให้ฟัง
โดยก่อนจะมาเป็น The Summer Coffee Company นั้น เธอได้เปิดธุรกิจร้านอาหารซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในอยุธยาชื่อว่า The Summer House มาก่อน ซึ่งเปิดดำเนินการมาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว ภายหลังต่อมามีความสนใจด้านกาแฟมากขึ้น เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่มีซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำที่ค่อนข้างยาว และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในแต่ละขั้นตอนการแปรรูป ตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บ การคั่ว จนถึงการชงออกมาเป็นน้ำกาแฟหนึ่งแก้ว จึงหันมาเริ่มต้นทำธุรกิจกาแฟเพิ่มเข้ามาด้วย โดยเริ่มจากเป็นโรงคั่วเองก่อน เพื่อส่งป้อนกาแฟไว้ใช้เองในร้าน จนถึงส่งขายเป็นวัตถุดิบให้กับร้านกาแฟต่างๆ กระทั่งได้ลงลึกกับกาแฟมากขึ้น ได้ไปเจอเกษตรกร ได้เจอเมล็ดกาแฟน่าสนใจมากมาย จึงมีความสนใจอยากส่งต่อไปยังผู้บริโภคโดยตรงด้วย และโอกาสก็เข้ามาพอดี
“เรียกว่าเป็นความโชคดีเลย เพราะเมื่อทุกคนต้องเปลี่ยนรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ต้องกักตัวทำงานอยู่บ้านมากขึ้น ซึ่งในวันที่เขากำลังเสิร์ชหาอยากได้กาแฟไปทำดื่มเองที่บ้าน เราก็มีพร้อมเสิร์ฟให้เขาได้ทันที เพราะเราตั้งใจอยากขยายตลาดไปยังผู้บริโภคโดยตรงอยู่แล้ว โดยอยากทำให้เป็นเหมือน Outlet รวบรวมเมล็ดกาแฟจากพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าในไทยหรือทั่วโลก จึงเตรียมทำเว็บไซต์และเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว พอได้โอกาสเหมาะมีวิกฤตโควิด-19 เข้ามา เราจึงเป็นแบรนด์กาแฟแรกๆ ที่ทำเมล็ดกาแฟขายแบบจริงจังผ่านออนไลน์ได้ในทันที ทำให้ช่วง 1 – 2 เดือนแรกหลังโควิดเข้ามายอดขายเมล็ดกาแฟเราเพิ่มขึ้นสูงกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ จนทำให้ต้องสร้างทีมใหม่ หาคนเข้ามาเพิ่ม” ชุติมาเล่าถึงจุดพีคโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจให้ฟัง
ขม หวาน เปรี้ยว สั่งได้
นอกจากการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า จนสามารถตอบความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงทีแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของเมล็ดกาแฟจาก The Summer Coffee Company ก็คือ ครบครันและหลากหลาย โดยนอกจากจะมี Signature Blend ที่เป็นตัวยืนพื้นหลักให้เลือกทั้งหมด 6 ตัวด้วยกันแล้ว ในแต่เดือนทางร้านยังมีกาแฟพิเศษรสชาติใหม่ๆ เข้ามาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าได้ลิ้มลองสลับหมุนเวียนกันไปอีก 5 – 6 ตัวด้วย ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าไม่ชอบกาแฟแบบไหน ก็สามารถหาได้จากที่นี่
“ที่ร้านเรามีกาแฟในพอร์ตให้เลือกค่อนข้างหลากหลายทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าไม่ว่าคุณจะชอบกาแฟแบบไหนก็ตาม หากเดินเข้ามาที่ร้านเราแล้ว คุณสามารถได้กาแฟที่ถูกจริตตัวเองออกไปได้แน่นอน นี่คือ จุดแข็งอีกอย่างของเรา”
ขายประสบการณ์ให้กับลูกค้า หัวใจสำคัญของธุรกิจ
หลังจากเริ่มทำโรงคั่วกาแฟและขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้สักระยะหนึ่ง เมื่อเดือนเมษายน ปี 2564 ที่ผ่านมาชุติมาก็ได้ฤกษ์เปิดตัวหน้าร้านกาแฟภายใต้แบรนด์ The Summer Coffee Company ขึ้นมา เพื่อส่งมอบประสบการณ์ดีๆ ให้กับลูกค้าอีกช่องทางหนึ่ง
“สิ่งหนึ่งที่เรายึดเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจก็คือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า จริงๆ เราทำมาตั้งแต่ที่ทำร้าน The Summer House แล้ว คือ ลูกค้าต้องได้รับอาหารที่คุณภาพดี รสชาติดี เสิร์ฟอยู่ในบรรยากาศที่ดี ตอนขายเมล็ดกาแฟผ่านออนไลน์ เราก็ไม่ลืมที่จะสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน ตั้งแต่การเห็นกาแฟของเราตามสื่อต่างๆ การทักมาสอบถามข้อมูล เราไม่ได้สอนเซลล์ของเราให้เป็นนักขาย แต่สอนให้เป็นเหมือนเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษา การกดสั่งซื้อที่ง่ายและสะดวกบนหน้าเว็บไซต์ การแพ็กสินค้าและการจัดส่งที่รวดเร็ว จนกระทั่งลูกค้ารับสินค้าไปแล้ว เราก็มีบริการหลังการขาย ไม่ได้ทิ้งลูกค้าไปเลย หากมีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟหรืออุปกรณ์การชงต่างๆ สามารถสอบถามมาหาเราได้ เราใส่ใจตั้งแต่ต้นจนจบ จึงไม่ยากที่ลูกค้าจะวนลูปเข้ามาซื้อซ้ำได้อีก
“พอมาเปิดหน้าร้าน The Summer Coffee Company เราก็เป็นร้านที่เน้นสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับกาแฟได้มากที่สุด เริ่มตั้งแต่เดินเข้าร้านมาเขาก็จะได้เห็นอุปกรณ์กาแฟครบครัน ได้เห็นเมล็ดกาแฟที่มีหลากหลายให้เลือก ซึ่งถ้าเขาสนใจอยากลองตัวไหน ก็สามารถปรึกษาพนักงานเราได้เลย ตัวเคาน์เตอร์บาร์เราพยามมทำให้สั้นและเตี้ยที่สุด เป็นแบบโล่งๆ เลย เพื่อให้ลูกค้าพูดคุยสอบถามบาริสต้าได้เต็มที่ ได้ดูวิธีการทำ ลองชิมแล้วเป็นยังไงบ้าง เริ่มจากเอสเปรสโซ่บาร์ก่อน แล้วจึงตามมาด้วยสโลว์บาร์
“อย่างตัวแพ็กเกจจิ้งที่ใส่เมล็ดกาแฟเอง หากลองสังเกตเราจะไม่ได้ใช้เหมือนร้านทั่วไปที่เป็นกระดาษหรือถุงเรียบๆ แต่จะค่อนข้างมีสีสันสดใส และรูปกราฟฟิกต่างๆ ก็เพราะเราอยากสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจว่ารสชาติเมล็ดกาแฟที่เขาเลือกไปนั้นจะออกมาประมาณไหน ขมหรือนุ่มระดับไหน เพราะความเข้มของแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้นเราจึงอยากสื่อสารผ่านแพ็กเกจจิ้งเป็นด่านแรก แต่หากใครสนใจอยากรู้ข้อมูลเชิงลึกเราก็มีเขียนไว้ให้ด้วย หรืออยากเพิ่มเติมก็เข้าไปดูในเว็บไซต์ หรือสอบถามมาได้ เรามีพนักงานพร้อมคอยตอบให้ ซึ่งระบบทั้งหมดจะไม่สามารถทำให้ดีได้เลย ถ้าเราขาดบุคลากรที่ดี นี่เป็นอีกส่วนที่ถือว่าเราโชคดี การให้โอกาส ให้ทุกคนได้พยายามแสดงศักยภาพที่ตัวเองมีออกมา คือ สิ่งที่เรานำมาใช้ผลักดันบุคลากรของเราในองค์กร”
จากการเติบโตแบบก้าวกระโดด ปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ธุรกิจสำเร็จได้ ก็คือ เงินทุน โดยชุติมาเล่าว่าการที่ The Summer Coffee Company สามารถขยายธุรกิจขึ้นได้อย่างเร็วนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ที่เข้ามาช่วยเรื่องการเงินเพื่อสต็อกสินค้าที่มากพอ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้
และนี่คือ เคล็ดลับและเรื่องราวทั้งหมดของร้านกาแฟที่ทำยอดขายโตสวนกระแสโควิด-19 ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าหลายร้อยเท่านั่นเอง
TEXT / PHOTO : Nittaya Su.
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี