ทำไมต้องหนัก! ครกหินแกรนิตทรงแบน แสนเบา ฝีมือชาวแม่สลิด คิดวิธีตอบโจทย์แม่บ้านยุคใหม่

เรื่อง จีราวัฒน์ คงแก้ว

 

     ใครกำลังเหนื่อยหน่ายกับครกหินแกรนิตแบบเดิมๆ ที่ทั้งหนัก ยกยาก ไม่เป็นมิตรกับผู้สูงวัย ลองเปิดใจให้สินค้าสุดเก๋ ส่งตรงจาก ต.แม่สลิด อ.บ้านตาก จ.ตาก แหล่งทำครกหินแกรนิตชื่อดัง ที่ลุกมาแก้ปัญหาเศษหินเหลือทิ้งจากการทำครก ต่อยอดเป็นครกหินแกรนิตทรงแบน แสนเบา ผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่จัดเต็มจุดขายทั้ง น้ำหนักเบา แขวนได้ ใช้งานง่าย จะตำ หั่น บด ทับของ หรือลับมีด ก็ทำได้ง่ายๆ ครบจบในหนึ่งเดียว

เดินตามฝัน ปั้นงานดีไซน์สู่ชุมชน

     คนเบื้องหลังที่นำครกหินดีไซน์ใหม่ออกสู่ตลาด คือ “โม้ย-วิตดา มิ่งมหากุล” เจ้าของเพจ iGreenTh ไอกรีน

     นักจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ผู้บริโภคเข้าถึงและเข้าใจในเกษตรอินทรีย์ ผู้ทำงานคลุกคลีกับสังคมสีเขียวมานานหลายปี ในวันที่ต้องย้ายจากเมืองกรุงไปดูแลคุณพ่อที่ จ.ตาก เธอมองหาโอกาสที่จะทำอะไรเพื่อชุมชน ด้วยความใฝ่ฝันและมุ่งมาดว่า อยู่ที่ไหนก็อยากมีส่วนร่วมกับชุมชนที่นั่น

     “มีความฝันหนึ่งข้อที่อยู่ในใจมาตลอดคือ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม ขอให้ได้ช่วยชุมชนที่ตัวเองได้อยู่อาศัย ตามกำลังความสามารถและความถนัดที่ตัวเองมี” วิตตาบอกแรงปรารถนาในใจกับเรา

     และนั่นเองที่นำพาให้เธอได้ไปรู้จักกับชาวบ้านแม่สลิด อ.บ้านตาก จ.ตาก ซึ่งมีฝีมือในเรื่องการทำครกหินแกรนิต และได้เห็นครกหินดีไซน์ใหม่ ที่ทั้งเก๋และแปลกตา มาในรูปทรงแบน น้ำหนักเบา ทำได้หลายอย่างจนน่าจะถูกใจคนเมือง เลยคิดนำมาต่อยอดทำตลาดให้

     “ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เกิดจากเวลาขึ้นรูปครกจะมีเศษหินเหลือทิ้ง โดยตรงฐานของครกจะถูกตัดทิ้ง ส่วนที่ทิ้งจะเป็นแผ่นกลมมีความหนาประมาณ 1 นิ้ว ด้านหน้าส่วนที่โดนตัดก็จะเรียบส่วนที่ไม่โดนตัดก็จะเป็นรูปทรงตามธรรมชาติของหิน ซึ่งมีความกว้างพอสมควร ชาวชุมชนเลยนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มโดยเอาส่วนที่เป็นลวดลายธรรมชาติของหินมาเกลากลึงจนเป็นทรงตื้นๆ กลายเป็นครกหินทรงแบน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากทางอินโดนีเซีย ที่เขาจะใช้ครกลักษณะนี้แล้วใช้สากกดๆ บดๆ เอา ด้วยความที่อยู่ในเมืองมาก่อน ทำให้เห็นเลยว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้มันตอบโจทย์คนเมืองมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยอยู่ในคอนโดแล้วก็ต้องการใช้ของที่น้ำหนักเบา ตำไม่เสียงดังมาก ถือได้ง่ายๆ คนสูงอายุก็ใช้ได้สบาย ไม่ปวดข้อ แม้แต่สายแคมปิ้งก็ยังนำเข้าป่าไปใช้ได้ เลยลองนำมาขายในเพจไอกรีน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก”

เปลี่ยนครกหินบ้านๆ สู่ตลาดโมเดิร์น

     ของดีจากชุมชนที่เคยหลบซ่อนอยู่แต่ในแหล่งผลิต ถูกนำมาสร้างจุดขายและออกแบบวิธีการใช้งานใหม่ ไม่ใช่แค่ใช้ตำน้ำพริกหรือโขลกเครื่องแกง เหมือนภาพจำที่หลายคนมีต่อครกแบบเดิมๆ แต่เป็นครกหินออลอินวัน ที่ทำได้ทั้ง ตำ บด หั่น ทับของ แม้แต่ลับมีดก็ทำได้ง่ายๆ แถมยังแข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน ดีไซน์สวยทันสมัยเหมาะกับแม่บ้านยุคใหม่อีกด้วย

     “ถามว่าไอเดียมาจากไหน อาจจะเพราะตัวเองเป็นคนขี้เกียจด้วย อย่างจะทำต้มยำที ก็ไม่อยากจะใช้อุปกรณ์เยอะ จะปอกกระเทียม หั่นพริก โขลก ตำ บด ใช้หั่นเนื้อแทนเขียง กระทั่งวางหม้อที่ร้อนก็ยังทำได้สบาย ใครทำสเต็กยังใช้เป็นจานเสิร์ฟได้เลย แถมยังล้างทำความสะอาดง่ายอีกด้วย อย่างมีลูกค้าที่ชอบแคมปิ้ง ก็ซื้อของเราไปเข้าป่าด้วย เขาเอาไปบดกาแฟ ยังคุยกันเล่นๆ เลยว่า ถ้ารถเกิดติดหล่มหรือรถไหล ยังใช้ครกเราหนุนล้อได้ด้วยซ้ำ (หัวเราะ)”

     นอกจากครกหิน ในอนาคตวิตดายังมองที่จะนำแผ่นหินปิ้งย่างออกมาจำหน่ายด้วย โดยหินแกรนิตทนทานและกระจายความร้อนได้ดี ให้ความร้อนสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น รับเทรนด์ปิ้งย่างเกาหลีที่กำลังได้รับความนิยมอีกด้วย โดยคาดว่าจะนำออกมาจำหน่ายได้เร็วๆ นี้

     ถามถึงเป้าหมายในอนาคต วิตดาบอกเราว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำตลาดส่งออก เพราะอยากให้สินค้าคุณภาพของไทย ที่ทำโดยฝีมือชุมชน ได้มีโอกาสไปอวดสายตาคนทั่วโลก แม้จะยอมรับว่าการส่งออกไม่ใช่งานถนัดหรือสันทัด แต่ก็เป็นความใฝ่ฝัน และหากสามารถทำได้ ไม่ใช่แค่ธุรกิจที่จะไปต่อ แต่ชุมชนที่อยู่ก็จะเติบโตไปพร้อมกันด้วย สมความปรารถนาที่เธอย้ำกับเราตลอดบทสนทนาครั้งนี้ว่า  

“อยู่ที่ไหนก็อยากช่วยชุมชนที่นั่น และนี่คือสิ่งที่ใฝ่ฝัน”

FB : iGreenTh

www.iGreenTh.net

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย