อาหารประเภทไหน เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ยังไงดี

 

     นอกจากตัวสินค้าที่ต้องมีคุณภาพดีแล้ว บรรจุภัณฑ์ถือเป็นอีกสิ่งสำคัญของผลิตภัณฑ์เกือบทุกประเภท โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อกระจายสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางถึงมือผู้บริโภคได้อย่างปลอดภัย มีคุณภาพ และสะดวกต่อการใช้งาน ยังไม่นับถึงการทำการตลาดช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ด้วย แต่เชื่อว่ายังมีผู้ประกอบการอีกมากที่ขาดความรู้และเข้าใจกับการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารให้ถูกต้องและเหมาะสมกับต้นทุนธุรกิจของตัวเอง วันนี้จึงมีข้อแนะนำดีๆ มาฝากกัน

ก่อนเลือกบรรจุภัณฑ์ ต้องรู้อะไรบ้าง

     โดยก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้บรรจุภัณฑ์สักตัวหนึ่งให้เหมาะสมกับประเภทของอาหาร เราควรพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้

  • ลักษณะของสินค้า เป็นอาหารสด หรืออาหารแปรรูป
  • รูปแบบของบรรจุภัณฑ์ที่มีต้นทุนที่เหมาะสมกับราคา
  • ความสามารถในการเก็บรักษาคุณภาพของอาหารได้ตามอายุการเก็บรักษา (Shelf Life)
  • เทคนิคที่ใช้ในการบรรจุ
  • การขนส่งและการจัดเก็บ
  • ช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต, ตลาดสด, ออนไลน์ เป็นต้น

    

ข้อดี - ข้อควรระวังบรรจุภัณฑ์แต่ละชนิด

     โดยวัสดุที่นำมาใช้ทำบรรจุภัณฑ์แต่ละชนิดนั้นมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน ลองมาดูข้อดีและข้อความระวังกัน

 

พลาสติก

ข้อดี : น้ำหนักเบา มีความคงทนและยืดหยุ่นสูง ป้องกันการซึมผ่านของน้ำและอากาศได้

ข้อควรระวัง : ตรวจสอบคุณสมบัติและความเหมาะสมในการบรรจุอาหารแต่ละชนิดในรูปแบบทั้งร้อนและเย็น ไปจนถึงประสิทธิภาพความแข็งแรงของพลาสติกแต่ละประเภท

 

กระดาษ

ข้อดี : เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม น้ำหนักเบา อยู่ในความสนใจของผู้บริโภค

ข้อควรระวัง : ประสิทธิภาพการกันน้ำ น้ำมัน และอากาศยังไม่ดีมากนัก อาจต้องใช้การเคลือบด้วยไขหรือพลาสติกมาช่วย ควรคำนึงถึงความปลอดภัยการเลือกใช้กระดาษแต่ละชนิดให้เหมาะสมกับประเภทของอาหารที่ต้องการนำมาบรรจุ

 

โฟม

ข้อดี : ใช้งานง่าย สะดวก ราคาถูก

ข้อควรระวัง : ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงควรใช้อย่างจำเป็น และไม่ทนต่อความร้อน อาจทำให้เกิดสารปนเปื้อนได้หากนำมาใช้บรรจุอาหารที่มีความร้อน

 

วัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง

ข้อดี : หาได้ง่าย เป็นวัสดุจากธรรมชาติ ช่วยสร้างภาพลักษณ์และมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ได้

ข้อควรระวัง : ไม่คงทน การป้องกันซึมผ่านของน้ำและอากาศได้ยังไม่ดีพอ เหมาะกับอาหารบางประเภท

 

กระป๋องเหล็ก อะลูมิเนียม

ข้อดี : คงทน ส่งเสริมภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูดีแตกต่าง น่าสนใจ ป้องกันซึมผ่านของน้ำและอากาศได้ดี

ข้อควรระวัง : ราคาสูง จึงอาจต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับต้นทุนสินค้า และอายุการเก็บรักษา ไปจนถึงมีน้ำหนักมาก ต้องคำนวณความคุ้มทุนในการขนส่งให้ดีๆ

การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์แต่ละชนิดสำหรับอาหารแต่ละประเภท

     หลังจากพิจารณาตามปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ลองเปรียบเทียบหาความเหมาะสมจากอาหารแต่ละชนิดกับประเภทบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ใส่กัน โดยในที่นี้ขอเน้นไปที่กลุ่มอาหารแปรรูปเป็นหลัก

อาหารอบแห้ง

  • ซองพลาสติก PE : ราคาถูก ปิดผนึกด้วยความร้อนได้ง่าย ไม่สามารถป้องกันความชื้น
  • ซองพลาสติก PP : ป้องกันความชื้นได้ดี แต่ปิดผนึกยากกว่าฟิล์ม PE เนื้อพลาสติกใสมองเห็นสินค้าด้านในได้ชัดเจน
  • กระดาษแก้ว (เซลโลเฟลน) : ป้องกันความชื้นได้ระดับหนึ่ง มักนิยมใช้ห่อปิดปลาย (Twist Wrap)
  • กระป๋องพลาสติกใส : เห็นสินค้าได้รอบตัว แต่ควรปิดฝาด้วยเทปให้สนิทเพื่อป้องกันอากาศเข้า
  • ถาดพลาสติกใสแบบกาบหอย (Clam Shell) : ควรปิดฝาด้วยความร้อน หรือใช้เทปใสปิดสนิทให้รอบถาด เพื่อปัองกันอากาศเข้า
  • กระป๋องโลหะ : สามารถสร้างจุดเด่นที่ดีให้แก่สินค้าและแปลกใหม่ แต่มีมูลค่าสูง
  • กระป๋องกระดาษ : คุณสมบัติคล้ายกับกระป๋องโลหะ แต่พิมพ์สวยงามได้ง่ายกว่า น้ำหนักเบากว่า
  • ถุงฟิล์มพลาสติกหลายชั้น : มีให้เลือกทั้งแบบมีก้นวางตั้งได้ อาจแบบมีซิปล็อก เป็นบรรจุภัณฑ์รูปลักษณ์ใหม่ ง่าย สะดวกในการบริโภค รวมถึงสามารถใช้เทคนิคระบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ระบบสุญญากาศ การเติมแก๊สได้ ซึ่งจะช่วยยืดอายุอาหารเก็บได้นานยิ่งขึ้น

 

อาหารหมักดอง

  • กระป๋องโลหะ : เหมาะกับอาหารที่ต้องผ่านการฆ่าเชื้อ มีขนาดมาตรฐานจัดหาเองได้ง่าย ไม่เหมาะกับอาหารที่มีความเป็นกรดสูง เพราะอาจกร่อนแล็กเกอร์ที่เคลือบด้านในกระป๋องได้
  • บรรจุภัณฑ์แก้ว : เหมาะกับอาหารที่ต้องผ่านการฆ่าเชื้อ โดยจะต้องใช้ฝาปิดสนิท ความใสและคุณสมบัติของแก้วที่มองเห็นสินค้าได้ชัดเจน ทำให้ช่วยเพิ่มคุณค่าของสินค้าได้
  • ถุงพลาสติก PE : เหมาะกับการจำหน่ายวันต่อวัน
  • ปี๊บ : เหมาะสำหรับใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ขนส่ง โดยควรพิจารณาสารเคลือบที่เหมาะสม หรืออาจใช้ถุง PE อย่างหนาเป็นบรรจุภัณฑ์ชั้นในอีกทีด้วย
  • ถุงต้มได้ (Retort Pouch) : โครงสร้างพื้นฐานเป็นฟิล์มเคลือบของ PET เคลือบกับเปลวอะลูมิเนียมและ CPP สามารถฆ่าเชื้อสินค้าพร้อมถุงได้ ถุงอาจมีราคาแพงแต่จะช่วยลดค่าขนส่งและช่วยถนอมคุณค่าอาหารได้ดีกว่าอาหารกระป๋อง

 

อาหารที่ฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง

  • ขวดแก้ว : มีขนาดขวดมาตรฐานจากผู้ผลิต ควรเลือกฝาที่มีคุณภาพสูง ทนอุณหภูมิฆ่าเชื้อได้
  • กระป๋อง หรือ ซองพลาสติกทนความร้อนสูง (Retort Pouch) : มีขนาดมาตรฐานและฆ่าเชื้อได้ง่าย ถุงฟิล์มเคลือบหลายชั้นมีศักยภาพสูง
  • ถุงพลาสติกในกล่องกระดาษลูกฟูก (Bag in Box) : พิจารณาใช้พลาสติกที่ฆ่าเชื้อด้วยความร้อนได้ เช่น CPP สามารถลดต้นทุนขนส่งได้

 

เครื่องเทศและผงปรุงรส

  • ขวดแก้ว : เก็บกลิ่นได้ดี อากาศผ่านได้ยาก สร้างภาพลักษณ์สินค้าให้ดูดี มีราคา
  • ขวดพลาสติก : น้ำหนักเบา ควรเลือกพลาสติกที่มีความหนาแน่นสูง เช่น HDPE, PET เพื่อป้องกันกลิ่นซึม
  • ถุงเคลือบหลายชั้นจากอะลูมิเนียม : สามารถเก็บรักษากลิ่นและป้องกันความชื้นได้ดี

 

ขนมเบเกอรี่และขนมหวาน

  • กล่องกระดาษแป้ง : ราคาถูก สามารถพิมพ์ตกแต่งลวดลายได้หลากหลาย
  • ถาดพลาสติกใสแบบกาบหอย (Clam Shell) : สามารถมองเห็นสินค้าด้านในได้ชัดเจน ถ้าใช้พลาสติกที่มีอัตราการซึมผ่านของก๊าซน้อย สามารถใช้เทคนิคระบบบรรจุภัณฑ์สมัยใหม่ เช่น การปรับสภาวะโดยการฉีดก๊าซเฉื่อย (ไนโตรเจนหรือคาร์บอนได้ออกไซด์) เพื่อยืดอายุอาหาร แต่ตัวฝาต้องปิดสนิทด้วยความร้อนได้
  • ถาดพลาสติกหรือกระดาษที่ปิดฝาด้วยความร้อนบนแผ่นฟิล์ม : ราคาถูกกว่า แต่ต้องคัดเลือกประเภทของพลาสติกให้เหมาะกับสินค้า
  • ถาดอะลูมิเนียมพร้อมฝา (อะลูมิเนียม, พลาสติก, กระดาษเคลือบพลาสติก) : มีราคาสูง แต่สามารถปกป้องรักษาคุณภาพสินค้าไว้ได้นาน เหมาะสำหรับแช่เย็นหรือแช่แข็ง

 

นมหรือไอศกรีม

  • ถ้วยหรือขวดพลาสติกปิดฝาด้วยกระดาษหรือฟิล์ม : ราคาถูก แต่เก็บได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์
  • ซองเคลือบหลายชั้น (Laminated Film) : ควรมีชั้นที่ป้องกันแสง UV เพื่อยืดอายุสินค้า
  • กล่องเคลือบหลายชั้นดัวยกระดาษแข็งที่ใช้กับระบบฆ่าเชื้อ UHT : มีราคาสูง เพราะเป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตสูง แต่สามารถถนอมรักษาอาหารได้นาน

     

       จะเห็นได้ว่าบรรจุภัณฑ์แต่ละประเภทก็มีคุณลักษณะ และความเหมาะสมในการบรรจุอาหารแต่ละประเภทที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงมีนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ ผลิตออกมาให้เลือกใช้มากมาย ดังนั้นนอกจากการปกป้องสินค้าแล้ว ผู้ประกอบการควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการแข่งขันทางการตลาด ราคาสินค้าที่จำหน่าย ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างตรงจุด เพื่อสร้างแต้มต่อการแข่งขันให้ธุรกิจนั่นเอง

     ที่มา : DIP

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย