รู้จักราชันแห่งลิปสติกของจีน แค่รับจ้างไลฟ์สดก็ทำเงินหลายสิบล้านต่อเดือน

TEXT : วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์





          ไม่เคยแผ่วเลยจริงๆ สำหรับ “หลี่ เจียฉี” อินฟลูเอนเซอร์ระดับท้อปของจีนวัย 29 ปีเจ้าของฉายา “Lipstick Brother” หรือราชันแห่งลิปสติกที่ล่าสุดเพิ่งไลฟ์สดนาน 12 ชั่วโมงบนแพลทฟอร์ม “เถาเป่า” รับเทศกาล “วันคนโสด” ซึ่งตรงกับวันที่ 11 เดือน 11 โดยสามารถทำยอดพรีเซล (จองซื้อสินค้า) มูลค่าสูงถึง 12,000 ล้านหยวนหรือ 61,536 ล้านบาท สินค้าที่ขายครอบคลุมหลายรายการ ไม่เฉพาะเครื่องสำอางแต่ยังรวมถึงสินค้าอื่นๆ ด้วย
               

          การไลฟ์สดดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมรับ 11.11 อันเป็นมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ที่ยิ่งใหญ่สุดของจีน และของโลก ริเริ่มโดยอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซของจีนเมื่อปี 2009 จุดประสงค์เพื่อกระตุ้นยอดขายบนแพลทฟอร์มของบริษัท บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ของจีนต่างออกมาไลฟ์สดกันคึกคัก มหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ 11.11 เริ่มตั้งแต่ 3 พย.และกินเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งการไลฟ์ของหลีในวันแรกนั้น มียอดวิวเกือบ 250 ล้านวิวเทียบกับการไลฟ์ปกติในแต่ละวันที่มียอดวิวเฉลี่ย 20 ล้านวิว
               

          หลี่ เจียฉี หรืออีกชื่อหนึ่ง “ออสติน หลี่” อาจไม่เป็นที่รู้จักกว้างขวางในต่างประเทศ แต่ในจีนเอง เขาขึ้นแท่นซูเปอร์สตาร์ในวงการอินฟลูเอนเซอร์ หลี่เกิดและเติบโตที่มณฑลหูหนาน อาชีพเดิมคือเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางแบรนด์ลอรีอัลของฝรั่งเศสจึงได้มีโอกาสฝึกทักษะการแนะนำสินค้า ก่อนลาออกเพื่อมาทำอาชีพอิสระ



             

          เขาสั่งสมชื่อเสียงและได้ฉายา Lipstick Brother/ Lipstick Kingจากการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ที่มีลีลาการไลฟ์แบบกระฉับระเฉงมีชีวิตชีวาถึงลูกถึงคน ทำให้น่าติดตาม นอกจากนั้น เทคนิกการขายลิปสติกของเขาก็ไม่เหมือนใคร นั่นคือแม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็ในการรีวิวสีของลิปสติก เขาลงทุนทาบนฝีปากตัวเองให้ผู้ชมได้เห็นกันจะๆ
               

          ครั้งหนึ่ง เขาเคยลองลิปสติก 380 เฉดสีระหว่างไลฟ์สด 6 ชั่วโมง และทำยอดขายลิปสติก 15,000 แท่งในเวลาเพียง 5 นาที ไม่เท่านั้น เขายังได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊กในการลองลิปสติกได้เร็วสุดในโลกด้วยสถิติทาลิปสติก 4 แท่งในเวลาเพียง 30 วินาที และเมื่อไม่นานมานี้ หลี่ดรับคัดเลือกจากนิตยสารไทม์ให้อยู่ในรายชื่อ "Time100 Next 2021" คนรุ่นใหม่ที่กำหนดอนาคตโลก  
               

            นอกจากลิปสติกแล้ว หลี่ยังรีวิวและขายสินค้าอื่นๆ ด้วย ตั้งแต่เครื่องสำอางไปจนถึงแหวนอัญมณีราคาวงละหลายสิบล้านบาท และยังได้รับเชิญให้ร่วมงานกับเหล่านักร้อง นักแสดง และเซเลบในวงสังคมในงานอีเวนต์ต่างๆ เช่น งานกาล่า งานของนิตยสาร และแบรนด์สินค้าหรูต่างๆ หลี่เคยให้สัมภาษณ์ว่าหนึ่งปีมี 365 วันแต่เขาทำงาน 389 วัน อย่าว่าแต่มีเวลาหาแฟน เวลาจะกินหรือนอนยังแทบไม่พอ 



               

          ข้อมูลระบุ อุตสาหกรรมความงามของจีนมีมูลค่า 38,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ในช่วงหลายปีที่หลี่ทำอาชีพอินฟลูเอนเซอร์ มีผู้ติดตามเขาบนแพลทฟอร์มเหว่ยป๋อ 7 ล้านกว่าบัญชี และในติ๊กต็อกมากกว่า 35 ล้านบัญชี สื่อจีนประเมินหลี่ทำรายได้ 10-20 ล้านดอลลาร์ (33-65 ล้านบาท) ในการไลฟ์สดแต่ละเดือน ขณะที่นิตยสารไทม์ประเมินราวปี 2023 หลี่จะมีทรัพย์สินมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์จากรายได้ที่มาจากการไลฟ์ขายสินค้าบนโซเชี่ยลมีเดีย
               

          สำหรับโมเดลธุรกิจที่หลี่ทำอยู่ตอนนี้คือ เขารับจ้างไลฟ์ขายอย่างเดียว เจ้าของแบรนด์จะเป็นผู้เตรียมสินค้า ขายได้จำนวนเท่าไร หลี่จะได้รับส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซนต์จากสินค้าที่ขายได้ตามแต่จะตกลงกันกับเจ้าของสินค้า แน่นอนว่ามีเจ้าของสินค้าจำนวนมากต่างต้องการร่วมงานกับหลี่ ในการไลฟ์สดแต่ละครั้ง หลี่ใช้เวลา 6-8 ชั่วโมง สินค้าที่นำเสนอมีตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ประทินผิวไปจนถึงของใช้ในบ้าน และของกิน เรียกง่ายๆ ขายทุกอย่าง ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ
               

          อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เจ้าของแบรนด์ต้องทำใจคือในการไลฟ์สดใช่จะอวยอย่างเดียว เจ้าของสินค้าอาจโดนแกงเพราะหลี่จะตัดสินสินค้าตามความเห็นของเขา ยกตัวอย่างเมื่อปีที่แล้ว เขาเคยไลฟ์ขายลิปสติกของแบรนด์ระดับโลกอย่างแอร์เมส แล้วบอกกับผู้กำลังรับชม 12 ล้านคนว่าเป็นเฉดสีที่ดู “ไม่แพง” ทาแล้วไม่มีชีวิตชีวา เหมือนลิปสติกที่คุณแม่ที่บ้านใช้ คลิปดังกล่าวเป็นไวรัลบนเหว่ยป๋อ และชาวเน็ตต่างชื่นชมความตรงไปตรงมาของหลี่ ยิ่งทำให้เขาได้รับความเชื่อใจมากขึ้น
               

           ในการทำงาน หลี่จะไลฟ์สดที่สตูดิโอในเซี่ยงไฮ้ที่เขาเป็นเจ้าของร่วมโดยมีทีมงานกว่า 20 คนคอยดูแล แม้จะยังรับงานจากสินค้าแบรนด์ต่างประเทศ แต่สำนึกรักชาติกำเนิดทำให้หลี่ตัดสินใจใช้ชื่อเสียงของเขาช่วยเหลือสังคม หลังจากที่รัฐบาลจีนทำแคมเปญเพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นในวัฒนธรรมของชาติ หลี่เป็นหนึ่งในคนดังที่ให้ความร่วมมือโดยการช่วยโปรโมทสินค้า Made in China เชิญชวนผู้บริโภคในจีนให้สนับสนุนสินค้าในประเทศ
               

             จากที่เคยไลฟ์ขายสินค้าจีนปีละประมาณ 200 รายการ ปีนี้เขาไลฟ์ขายเพิ่มขึ้นเป็น 400 กว่ารายการ นอกจากนั้น หลี่ยังสนับสนุนสินค้าเกษตรจากชุมชนจนสร้างรายได้กว่า 200 ล้านหยวนหรือ 1,000 กว่าล้านบาทให้กับเกษตรกรตามชนบทของจีนมาแล้ว 



               

            ในยุคที่การรีวิวสินค้าเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขายแต่การจัดฉากและสินค้าปลอมบังเกิดมากมายในจีน ผู้บริโภคจึงเทใจไปยังแบรนด์ต่างประเทศที่ราคาแพงกว่าเพราะเชื่อว่าของดีราคาถูกไม่มีจริง สำหรับหลี่ จากพนักงานขายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ไต่เต้าไปสู่การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ระดับท้อปที่ประสบความสำเร็จมากมายมาจากการค่อยๆ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ
               

           สินค้าที่หลี่รับรีวิวต้องผ่านเกณฑ์ตัดสินระดับหนึ่งโดยเน้นไปที่คุณภาพสำคัญสุด ว่ากันว่าในบรรดาสินค้าที่ส่งเข้ามาให้หลี่พิจารณา มีเพียง 5 เปอร์เซนต์เท่านั้นที่ผ่านมาตรฐานของทีมงานหลี่ ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าหลี่หยิบจับสินค้าตัวไหนขึ้นมาขาย แม้จะ Made in China ผู้บริโภคก็พร้อมคล้อยตาม นอกจากนั้น ทีมงานของหลี่ยังสร้างกลุ่มแชทนับพันกลุ่มบนวีแชทเพื่อตอบคำถามและติดตามเสียงสะท้อนจากลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากไลฟ์ของหลี่ นี่อาจจะเป็นเคล็ดที่ไม่ลับที่นำไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอาชีพของ หลี่ เจียฉี ราชันแห่งลิปสติกของจีน


ที่มา : www.businessinsider.com/austin-li-jiaqi-chinas-lipstick-king-online-shopping-taobao-2021-3
          www.sixthtone.com/news/1008694/chinas-biggest-influencer-pushes-a-new-message-buy-chinese
          www.scmp.com/lifestyle/fashion-beauty/article/3153568/top-chinese-live-streamer-sells-nearly-us2-billion-goods
 

 


 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

จับตาผลกระทบการค้าชายแดนไทย เส้นทางธุรกิจแม่สอดเปลี่ยนเป็นสนามรบ

กับสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาใกล้ชายแดนไทยยังคงร้อนระอุนับตั้งแต่กองกำลังกะเหรี่ยง KNU และกองกำลังปกป้องประชาชน PDF “เข้ายึดฐานปฏิบัติการ 275 ในเมียวดี” ส่งผลต่อกระทบเส้นทาง “แนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor-EWEC)” ของไทย

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น