ชัดเจนใน Passion แบบ โอ้กะจู๋ อยู่อย่างไรให้ยั่งยืนในใจผู้บริโภค

            

           การทำธุรกิจร้านอาหารให้ประสบความสำเร็จ ยืนระยะและครองใจลูกค้าได้ยาวนานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ยิ่งเพิ่มความท้าทายให้หลายแบรนด์ต้องปรับตัวรับมือกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในทุกวัน สิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้ร้านอาหารในดวงใจใครหลายคนอย่าง “โอ้กะจู๋” พัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ ด้วย Passion ของผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คนที่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น อุดมการณ์ที่ไม่แปรเปลี่ยนไปตามกระแส ทำในสิ่งที่ถนัดแบบค่อยเป็นค่อยไป คุณภาพคือหัวใจสำคัญ พร้อมยกระดับมาตรฐานความสะอาดที่ผู้บริโภคมองหา ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายช้อน ที่ไม่ว่ารุ่นไหนก็มั่นใจให้โอ้กะจู๋เป็นหนึ่งในร้านประจำ 


IFrame

 

  • ชัดเจนในแนวคิด เพราะ มอง “ลูกค้า” เหมือนคนในครอบครัว

 
            
           ชลากร เอกชัยพัฒนกุล 
CEO บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้ง เล่าว่า สโลแกน “ปลูกผัก เพราะรักแม่” สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของโอ้กะจู๋ ที่เริ่มจากความต้องการที่จะทำให้คนในครอบครัวมีสุขภาพดี ไม่อยากให้ครอบครัวได้รับสารพิษและสารเคมีตกค้าง เรียกว่าปรารถนาดีต่อครอบครัวอย่างไร โอ้กะจู๋ ส่งต่อคุณภาพและสิ่งดีๆ ให้ลูกค้าดังเช่นคนในครอบครัว ยืนหยัดสร้างจุดแข็งของร้านด้วยผักออร์แกนิคสดใหม่จากฟาร์มที่เชียงใหม่ ส่งถึงกรุงเทพฯ เตรียมอาหารให้ลูกค้าภายใน 28 ชั่วโมง หลังเก็บเกี่ยว พร้อมพัฒนาเมนูอาหาร โดยการปรับเปลี่ยนเมนูใหม่ทุกๆ 4 เดือน เพื่อความอร่อยอย่างมีคุณค่า ความสุขของลูกค้าเป็นยิ่งกว่ากำไรที่จะได้รับ
 




  • ชัดเจนในกระบวนการผลิต  เพราะควบคุมมาตรฐานและความสะอาดในทุกกระบวนการ

 
             
            นอกจากเรื่องรสชาติ ความสดใหม่ของผักที่เลือกปลูกผักใบเองแทนการรับจากสวนหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน  อาหารจานยักษ์ที่ใครๆ ต่างยกให้เป็นเอกลักษณ์ของโอ้กะจู๋ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ‘ความสะอาด’ ที่โอ้กะจู๋ ใส่ใจและควบคุมดูแลในทุกกระบวนการ เพราะเป็นมาตรฐานใหม่ที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดในยุค New Normal ดังนั้น ไม่ว่าหลังครัว หน้าร้านหรือเดลิเวอรี่ ที่ไรด์เดอร์เป็นคนของโอ้กะจู๋เอง ต้องเน้นเรื่องคุณภาพ ความสะอาด สุขอนามัย พิถีพิถันกันตั้งแต่ต้นน้ำ คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพปลอดสารพิษ ล้างผักด้วยระบบโอโซน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลความสะอาดที่มั่นใจได้ว่าลูกค้าได้บริโภคสิ่งที่ดีและปลอดภัยที่สุด อย่างการทำความสะอาดในครัว จะเลือกใช้ผ้าเช็ดในครัว WYPALL ที่สามารถแบ่งการใช้งานตามสีของผ้าและตัววัสดุออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อน เหมาะสำหรับงานเช็ดทำความสะอาดในกระบวนการผลิตอาหารจริงๆ





  • ชัดเจนในความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จาก “ความสะอาด” แบบ End-to-End สู่ ความยั่งยืนของธุรกิจ

 
              
           ถึงแม้ โอ้กะจู๋ จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งในแง่ของการส่งต่อสุขภาพที่ดีให้กับลูกค้า แต่เป้าหมายถัดไปคือ จะทำอย่างไรให้ยั่งยืนภายใต้รากฐานแห่งความใส่ใจต่อโลก สังคม และผู้บริโภค ทุกวันนี้อาหารที่เหลือจากลูกค้า โอ้กะจู๋ จะนำไปแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อลด Food Waste รวมถึงลดการใช้พลาสติกให้ได้มากที่สุด เช่นเดียวกับการจัดการกระดาษเช็ดมือในห้องน้ำที่เลือกแบบมีเทคโนโลยีการผลิต Airflex จาก Kimberly-Clark Professional (KCP) ซึ่งซึมซับได้ดีกว่า ใช้เพียงแผ่นเดียวต่อครั้งก็เพียงพอ อีกทั้งย่อยสลายง่าย ช่วยลดการใช้ทรัพยากรทางอ้อมแบบใส่ใจต่อสังคมในทุกมิติ นอกจากนี้ ยังมีแผนทำโครงการ “ศูนย์การเรียนรู้ เกี่ยวกับวิถีเกษตรอินทรีย์” เปิดโอกาสให้ นักเรียน นักศึกษาและผู้ที่สนใจ ได้มาเรียนรู้กระบวนการปลูกผักวิถีเกษตรอินทรีย์ แบบ Smart Farm โดยล่าสุดทางโอ้กะจู๋ ได้ไปส่งเสริมความรู้ให้เกษตรกรที่แม่แจ่ม จับคู่ลูกค้าผู้มองหาผลผลิตแบบออร์แกนิคกับเกษตรกรให้มาเจอกัน
 
             
        และนี่คือแนวคิดที่โอ้กะจู๋ ผู้ประกอบการเอ็สเอมอี (SME) ที่ยึดมั่นเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมธุรกิจร้านอาหารให้เติบโตอย่างมั่นคง เพราะมาตรฐานความสะอาด คือ การบริโภคอย่างยั่งยืน
 
              
         ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/KcprofessionalTH
  




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย