ตลาดกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนชะลอการเดินทาง และธุรกิจต่างๆ แม้แต่ธุรกิจใหญ่อย่าง Google หรือ Apple กำลังเลื่อนแผนการกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศ และท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ธุรกิจต่างๆ ต่างตั้งคำถามว่าจะวางกลยุทธ์อย่างไร เพราะกลยุทธ์ที่วางไว้ในเดือนมกราคมอาจจะต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อถึงเดือนกรกฎาคม บางธุรกิจในประเทศไทยถึงขั้นต้องเปลี่ยนกันรายเดือน รายสัปดาห์กันเลยด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับมาตรการของรัฐ
คาดว่าในปี 2565 ก็ยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป ถึงแม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้นก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นความไม่แน่นอนก็ยังคงมีอยู่มาก
และนี่คือ 7 วิธีพัฒนาธุรกิจให้ตอบสนองต่อแนวโน้มในปัจจุบันให้ทันท่วงที ไม่ว่าเศรษฐกิจจะขึ้นหรือลงก็ตาม
- อย่าประมาทสถานการณ์โควิด-19
นี่คือคาถาสำคัญที่ต้องคำนึงถึงทุกครั้งที่จะตัดสินใจวางกลยุทธ์อะไรสักอย่าง ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิดจะไม่กลับไปรุนแรงจนต้องล็อกดาวน์เต็มรูปแบบเหมือนปี 2563 แล้ว แต่เรื่องโรคระบาดก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากระวังเนื้อระวังตัวกันมากขึ้น เห็นได้จากการสำรวจของ Deloitte ที่บอกว่าผู้บริโภคประมาณ 51 เปอร์เซ็นต์มีความกังวลเรื่องสุขภาพมากขึ้นเมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมต่างๆ
มีหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด แต่รอดูสถานการณ์หรือเทรนด์ก่อนค่อยขยับตัวทำอะไรแทนที่จะคิดล่วงหน้าหรือวางแผนงานเพื่อไปดักทางความต้องการผู้บริโภค ลองเปลี่ยนวิธีคิดดู ติดตามสถานการณ์ทั้งในระดับประเทศและในพื้นที่ของตัวเองอย่างใกล้ชิด แล้วปรับธุรกิจให้ทัน เพราะถ้าไม่ทำล่ะก็ ลูกค้ายุคนี้ก็จะเปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าและบริการของธุรกิจอื่นที่ตอบสนองและทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยได้มากกว่า
- ปรับเข้าสู่เส้นทางดิจิทัลโดยสมบูรณ์
มีหลายบริษัทที่เปลี่ยนไปใช้ระบบคลาวด์ตั้งแต่ก่อนปี 2563 แต่โควิดได้เร่งเร้าให้ธุรกิจส่วนใหญ่ต้องพัฒนาด้านดิจิทัลด้วยเช่นกัน การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ การประชุมทางไกลกลายมาเป็นจุดศูนย์กลางของการทำธุรกิจ แต่พอสถานการณ์ดีขึ้น หลายธุรกิจก็กลับไปดำเนินการแบบเดิม หยุดการทำงานผ่านดิจิทัล ซึ่งนั่นถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่
ดูเหมือนว่าโลกจะค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่บางอย่างที่เปลี่ยนไปแล้วจะไม่มีวันย้อนกลับนั่นก็คือการค้าดิจิทัล ธุรกิจจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบคลาวด์ในการทำงาน หรือมีบริการอัจฉริยะต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า กระซิบว่าเทรนด์ที่กำลังมาแรงสุดๆ นั่นก็คือ การสั่งงานด้วยเสียงและผู้ช่วยอัจฉริยะ
- สร้างวิธีทำงานที่ไปต่อได้ไม่ว่าจะขาขึ้นหรือขาลง
ในเดือนมีนาคม-เมษายน ปี 2563 ตลาดหุ้นดิ่งลงอย่างหนัก ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำลง แต่สถานการณ์นั้นกลับใช้เวลาเพียง 2 เดือนก็กลับมามีแนวโน้มดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และผู้นำธุรกิจหลายคนก้าวไปข้างหน้าโดยคาดการณ์ว่าการเติบโตนี้จะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องอีกหลายปี
แต่มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เหรอ
อย่าสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจบนพื้นฐานของการมองโลกในแง่ดีเพียงอย่างเดียว สร้างระบบการทำงานที่สามารถใช้ดั้งในช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี วางกลยุทธ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว แบบนี้แล้วไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเป็นอย่างไรธุรกิจของคุณก็ยังจะไปต่อได้
- ดักเจอลูกค้าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ในปี 2563 สินค้าและบริการต้องสามารถเสิร์ฟลูกค้าได้ถึงหน้าบ้าน แต่ในปี 2564 ลูกค้าต่างกระตือรือร้นที่จะออกจากบ้าน เพราะพวกเขาเบื่อบ้านเต็มที แล้วปี 2565 ล่ะ? ธุรกิจต่างๆ จะต้องรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคแบบไหน
การยึดติดกับหน้าร้านอาจเป็นปัญหามากกว่าที่คิด จากตัวเลขของ Bloomberg รายงานว่าอี-คอมเมิร์ซจะมีมูลค่ามากกว่า 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2570 แต่อย่างไรก็ตาม อย่าเดิมพันมากเกินไป ลองพิจารณาการตลาดแบบไฮบริด รองรับลูกค้าที่ต้องการประสบการณ์แบบดั้งเดิม และคนที่ต้องการบริการแบบเสมือนจริง
- โลดแล่นในโซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดียกำลังเฟื่องฟูทุกแพลตฟอร์ม จากแบบสำรวจของ Google พบว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ YouTube บอกว่าครีเอเตอร์หรืออินฟลูเอนเซอร์น่ะเข้าใจพวกเขาดีกว่าเพื่อนซะอีก พยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนออนไลน์และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า เพราะนั่นจะได้รับความสนใจมากกว่าโฆษณา แถมเป็นไปอย่างออแกนิก โซเชียลมีเดียน่ะไม่ใช่เรื่องเหลวไหลแน่ๆ
- ให้ความสำคัญกับพนักงาน
ไม่ใช่แค่ผู้บริโภคและตลาดที่เปลี่ยนไปในปีที่ผ่านมา พนักงานของคุณก็น่าจะมีความเปลี่ยนแปลงไปด้วย พวกเขาใส่ใจคุณภาพชีวิต สวัสดิการ และการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
อันที่จริง การพยายามกลับไปทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วอาจทำให้ทีมงานตื่นตกใจได้ไม่น้อย จากการสำรวจล่าสุดของ The Morning Consult พบว่า แรงงาน 39 เปอร์เซ็นต์จะคิดพิจารณาเรื่องการลาออกถ้าถูกบังคับให้กลับไปทำงานที่ออฟฟิศ พวกเขาคาดหวังตัวเลือกการทำงานทางไกลและยืดหยุ่น และการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ใน 5 วันต่อสัปดาห์ อาจเป็นวิธีการทำงานที่ล้าสมัยไปแล้ว
- คิดให้ไกล แล้วเป็นใหญ่ในพื้นที่ของตัวเอง
ตั้งแต่ก่อนโควิด การสื่อสารและการทำธุรกิจข้ามพรมแดนทำได้ง่ายและทำได้ตลอดเวลา แต่การห้ามเดินทางและการขนส่งระหว่างประเทศที่ยากลำบากขึ้นทำให้คนทำธุรกิจต้องหันมาสนใจตลาดในประเทศ
แล้วปี 2565 ล่ะ? คิดว่าการทำธุรกิจข้ามพรมแดนจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง หรือจะทำธุรกิจอย่างปลอดภัยในประเทศ คำตอบก็คือ ทำไมไม่ทำทั้งสองอย่างเลยล่ะ!
อย่าทิ้งตลาดในพื้นที่ของตัวเองด้วยความหวังว่าจะขยายธุรกิจไปต่างประเทศในอนาคตอันใกล้ ให้รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าที่มีอยู่ ในขณะที่รอเวลาที่เหมาะสมในการขยายตัว
ถ้ามีคนมาบอกว่าพวกเขารู้ว่าปี 2565 จะเป็นอย่างไร อย่าเพิ่งเชื่อ ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ฉะนั้น กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือยืดหยุ่น เตรียมธุรกิจให้พร้อมกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อค่อยๆ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี