สำหรับนักท่องเที่ยวหรือแม้แต่ผู้ที่เคยไปเยือนเมืองเชียงใหม่ เชื่อได้เลยว่าส่วนใหญ่ต้องเคยแวะเวียนเข้าไปใช้บริการร้านจำหน่ายของฝาก ‘วนัสนันท์’ ด้วยกันแถบทั้งสิ้น เพราะด้วยสินค้าที่หลากหลายทั้งที่เป็แบรนด์ของวนัสนันท์เองและแบรนด์อื่นๆ ซึ่งนำมารวมไว้อยู่ที่นี่มากมาย ต่างดึงดูดให้ลูกค้าต้องซื้อหาติดไม้ติดมือกลับไปด้วยทุกครั้ง
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านจำหน่ายของฝากชื่อดังแห่งนี้ นั่นคือ ชัดชาญ เอกชัยพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่วนัสนันท์ จำกัด หลายคนอาจได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของผู้ชายคนนี้มาบ้างแล้ว แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนได้รู้มากไปกว่าเรื่องราวที่ผ่านมา นั่นก็คือ ‘วิธีคิด’ ของผู้ประกอบการที่มากด้วยประสบการณ์ท่านนี้ คือจุดเริ่มต้นและนำไปสู่การต่อยอดความสำเร็จของร้านวนัสนันท์จนมาถึงวันนี้
“ผมมองเห็นรถทัวร์ที่มาจอดส่งนักท่องเที่ยวที่ตลาดวโรรสวันๆ หนึ่งมีเป็นจำนวนมาก คันหนึ่งก็ 60-70 คน ผมมีหน้าร้านอยู่ในตลาดเหมือนกันกว้างประมาณ 5 เมตร อย่างมากก็รับลูกค้าได้ครั้งละ 10 คนเท่านั้น เหมือนเราเห็นฝูงปลา ถ้าเราเอาเบ็ดไปหนึ่งคัน ก็ได้ครั้งละตัว แต่ถ้าเราเปลี่ยนเป็นใช้แหแทน ก็เท่ากับได้ปลามากขึ้น ในเมื่อมีรถทัวร์มาจอด แล้วทำไมถึงไม่เอาลูกค้าทั้งคันรถมาไว้ที่ผมล่ะ”
นั่นคือวิธีคิดของชัดชาญที่มองเห็นโอกาสมากมายรออยู่ตรงหน้า และนี่คือจุดเริ่มต้นของร้านวนัสนันท์ ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2530 และค่อยๆ เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ชายคนนี้ไม่เคยหยุดคิด หยุดพัฒนาตัวเอง ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการจากวนัสนันท์ ล้วนแต่มีความโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่ง ชัดชาญย้ำเสมอว่า “หากทำอะไรที่เหมือนกัน ก็ต้องทำให้เหนือกว่าและเด่นกว่า เพราะนั่นคือโอกาส”
ฉะนั้นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์วนัสนันท์ จึงไม่ใช่แค่สินค้าพื้นเมืองทางเหนือทั่วๆ ไปที่หาซื้อที่ไหนก็ได้ แต่จะเป็นสินค้าที่คงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของความเป็นเหนือ ที่มีการผสมผสานกับเทคโนโลยีขั้นสูง เกิดเป็นสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อาหารพื้นเมืองทางเหนือ เช่น แกงฮังเล ลาบคั่วแบบเชียงใหม่ หรือแม้แต่แกงแค วันนี้ได้ถูกนำไปบรรจุในห่อฟอยล์ กลายเป็นสินค้าของฝากที่พร้อมทานได้ทันที หรือกระทั่งผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง แคบหมูป๊อบ ซึ่งเป็นแคบหมูกึ่งสำเร็จรูป เวลาจะทานเพียงนำเข้าไมโครเวฟเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทอดด้วยน้ำมันอีกแล้ว หรือจะเป็นแหนมไบโอเทค ที่ผ่านการพัฒนาและพิสูจน์จนสามารถเขียนติดไว้ที่ฉลากได้ว่า ‘กินได้ทันที’ ในขณะที่แหนมทั่วไปทำไม่ได้
สิ่งเหล่านี้คือผลจากการที่ชัดชาญไม่เคยหยุดนิ่งทางความคิด และได้สร้างให้เกิดคุณค่ากับแบรนด์วนัสนันท์อีกด้วย แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเขาไม่ยอมปล่อยผ่านไป เพราะต่างก็มีผลต่อแบรนด์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น แพคเก็จต่างๆ ทั้งกล่องและถุงใส่สินค้า ล้วนแต่มีแบรนด์ติดให้เห็นอย่างเด่นชัด ฉะนั้นลูกค้าที่มาซื้อของจากที่นี่ นอกจากทุกคนจะได้สินค้าที่ดีแล้ว ยังจะได้ความคุ้มค่าภายใต้แบรนด์วนัสนันท์กลับไปพร้อมๆ กันด้วย
อย่างไรก็ดี วิธีคิดเหล่านี้ชัดชาญบอกว่า ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ได้มาจากการเรียนรู้ภายใต้การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม (คพอ.) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในปี 2527 สำหรับเขานั้นถือเป็นรุ่นแรกของเชียงใหม่ และเป็นรุ่นที่ 7 ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
จากความรู้ที่ได้บวกกับการสอนให้คิดเป็นในวันนั้น จึงทำให้มีแบรนด์วนัสนันท์ได้ในวันนี้...!!!