เพราะความผันผวนของราคาที่ยากต่อการควบคุมทำให้ชาวสวนยางพาราหาทางแก้ปัญหาที่นำไปสู่การนำเห็ดแครงวัตถุดิบท้องถิ่นมากประโยชน์ปักหลักลุยตลาด plant based เอาใจสาวกวีแกนด้วยสินค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร Freeze dry มี 2 เมนู ได้แก่ ลาบ แกงคั่ว และกลุ่มอาหารแช่แข็ง (Frozen) จะเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แพลนต์เบสจากเห็ดแครงและขนุนอ่อน
อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าจากชาวสวนลุยตลาด plant based มีวิธีการอย่างไร SME Thailand Online จะพาไปพบคำตอบ
อาชีพหลักไม่ทำเงิน
อย่างที่รู้กันดีว่าราคายางพารานั้นมีความไม่แน่นอนบางปีก็ราคาต่ำมาก บางปีก็สูง ภาณุวัตร กิ้มหิ้น กรรมการบริษัท อินโนโฟ จำกัด หนึ่งในผลผลิตจากโครงการ Young Exporter from Local to Global หรือ YELG ที่มองเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงเริ่มมองหาอาชีพเสริม
เมื่อชำเลืองดูรอบๆ ตัวก็สังเกตว่าสวนของเพื่อนที่นำเห็ดแครง...ปลูกแซมในร่องสวนยาง สามารถขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 250 บาท จุดประกายให้เขากับเพื่อนๆ ร่วมกันทำฟาร์มเห็ดแครงและเริ่มทำเห็ดแครงอบแห้ง ลองส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปรากฏว่าเห็ดแครงอบแห้งได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เพราะสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง
เมื่อตลาดไปได้สวยทำให้เกิดความมั่นใจพวกเขาจึงได้จัดตั้งบริษัทขึ้น รวมทั้งมองหาวิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเห็ดแครงให้มีความหลากหลาย รวมไปถึงเปิดสอนพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ที่สนใจเพาะปลูกเห็ดแครง จนสร้างเป็นเครือข่ายเกษตรกรเพื่อช่วยเหลือเรื่องความรู้
ต่อยอดให้เป็นก็เติบโตได้
เห็ดแครงเป็นเห็ดท้องถิ่นของทางภาคใต้ พบมากในฤดูฝน ดอกขนาดเล็ก 1-4 เซ็นติเมตร สีขาวอมน้ำตาล คุณสมบัติของเห็ดแครงมีความหนึบคล้ายเนื้อสัตว์ และมีสารอาหารประเภทโปรตีนสูง จนเป็นที่มาของการพัฒนาแบรนด์ Mudjai (มัดใจ)
“คุณสมบัติที่โดดเด่นของเห็ดแครงคือมีเนื้อสัมผัสที่เด้งสู้ฟัน มีโปรตีนค่อนข้างสูงประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าเห็ดชนิดอื่นๆ ซึ่งมีแค่ 2-3 เปอร์เซ็นต์ ยังมีสารเบต้ากลูแคนสูงซึ่งช่วยในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง รวมทั้งมีกรดอะมิโนจำเป็นทุกชนิดเหมือนกับเนื้อสัตว์ และมี fiber สูงช่วยในระบบการย่อยและการขับถ่าย ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่าแพลนต์เบสของเราเป็นอาหารที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อความยั่งยืนของจริง”
ภาณุวัตร บอกว่าช่วงที่ตนเริ่มต้นทำแบรนด์ Mudjai นั้นตลาด plant based ในต่างประเทศกำลังโตมาก แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการผลิต plant based ขึ้นมาขายในประเทศ ดังนั้นตนและทีมงานจึงจุดประกายแนวคิดว่าเราควรจะทำ plant based จากวัตถุดิบท้องถิ่นที่สามารถเสิร์ฟไปให้คนทั่วโลกได้ลองรับประทาน ประมาณช่วงปี 2018 จึงเริ่มปล่อยผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดซึ่งพบว่าได้รับความนิยมค่อนข้างดี
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์บริษัทมีทั้งหมด 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร Freeze dry เป็นการแปรรูปอาหารให้คงไว้ซึ่งรสชาติเหมือนอาหารสด ซึ่งจะมีทั้งหมด 2 เมนู ได้แก่ ลาบ แกงคั่ว ทั้งสองเมนูจะใช้เห็ดแครงเป็นวัตถุดิบหลัก และผสมผสานสมุนไพรท้องถิ่นเข้าไป และกลุ่มอาหารแช่แข็ง (Frozen) จะเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แพลนต์เบสจากเห็ดแครงและขนุนอ่อน แบบไม่มีการปรุงแต่งรสชาติ ไม่ใส่สี และไม่แต่งกลิ่น
นอกจากนี้ ทางแบรนด์มัดใจยังได้ตระหนักถึงแนวการบริโภคของกลุ่มผู้รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ขณะนี้ไม่ได้ต้องการแต่เรื่องคุณประโยชน์แต่ต้องควบคู่ไปกับรสชาติที่ดี จึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเพื่อให้มีความหลากหลายอย่างหมูปิ้งแพลนต์เบสไขมันต่ำ
แบรนด์ชุมชนสู่ตลาดโลก
สำหรับเป้าหมายต่อไปของบริษัทคือจะเดินหน้าส่งสินค้าไปขายในต่างประเทศ โดยอาศัยอัตลักษณ์ความเป็นไทยเป็นเครื่องมือกรุยทางไปสู่ตลาโลก
“ผมมองว่าสิ่งสำคัญคือการขายความจริงให้กับผู้บริโภคผ่านการส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานให้กับลูกค้า รวมไปถึงการนำเอาอัตลักษณ์ของพืชทางการเกษตรของประเทศไทยมาพัฒนาเป็นแพลนต์เบส นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการทำ CSR ร่วมกับชุมชนโดยการรับซื้อเห็ดจากลูกฟาร์มในพื้นที่ เพื่อเกื้อหนุนให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงมากกว่าที่เป็นอยู่ รวมไปถึงเป้าหมายในการผลักดันให้เห็ดแครงกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยอีกหนึ่งชนิด”ภาณุวัตร กล่าวทิ้งท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี