ถอดสูตร Healthy Camp เครปหน้าแปลก ขายดีคิวจองล้น มีแต่คนพูดถึงบนโซเชียล

TEXT : Surangrak Su.
PHOTO : Healthy Camp




         สลัดกิมจิออร์แกนิกส์ชีส, ลาบไก่เห็ดสามย่าง, เห็ดย่างหมูหมาล่า, เขียวหวานอกไก่แซ่บ
 
               
         อย่าเพิ่งเข้าใจผิดเราไม่ได้กำลังแนะนำเมนูอาหารของร้านใดร้านหนึ่งอยู่ แต่จะบอกว่านี่คือ หน้าเครปสุดฟินที่กำลังเป็นที่ถูกพูดถึงและแชร์ต่อๆ กันอยู่บนโซเชียลมีเดียในขณะนี้
             

         เมนูดังกล่าวนี้เป็นของร้านขายอาหารสุขภาพและขายเครปที่มีชื่อว่า “Healthy Camp” ซึ่งเดิมก่อนหน้านี้มีหน้าร้านขายประจำอยู่ที่สวนพุทธมณฑล แต่เพราะพิษจากโควิดหน้าร้านถูกปิด จึงเปิดเป็นครัวที่บ้านย่านถนนทวีวัฒนาให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าและมาซื้อแบบ Take Away กลับไป โดยวันหนึ่งจะรับทำเพียงแค่ประมาณ 30 ชิ้นต่อวันเท่านั้น!


          แต่ด้วยสูตรไส้และแป้งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร เปลี่ยนประสบการณ์กินเครปจากรูปแบบเดิมๆ แถมยังห่อมาบนแพ็กเกจจิ้งสร้างสรรค์ที่ช่วยรักษ์โลกอย่างใบตอง ทำให้ใครเห็นก็จดจำได้ จึงไม่แปลกที่แต่ละวันจะมีลูกค้ารอต่อคิวซื้อ แม้จะต้องขับรถมาไกลๆ หรือจ่ายในราคาชิ้นละเกือบร้อยบาท อะไรคือกลยุทธ์ที่เอาชนะใจลูกค้าได้ของเครปสุดแปลกนี้ ลองไปติดตามพร้อมกัน




               

เด่นที่ไส้ มีดีที่แป้ง 
สุขภาพต้องมาก่อน

               

           ณัฏฐ์ธเนศ พินิจโรคาดูร หนึ่งในเจ้าของร้านเล่าว่าให้ฟังว่า นี่คือ ธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัวที่ช่วยกันทำขึ้นมา เดิมทีนั้นเปิดเป็นร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพมาก่อน วันหนึ่งจึงคิดอยากทำเมนูของว่างและขนมขึ้นมาเสริม จึงลงมติตกลงว่าจะทำเครปกันเนื่องจากเป็นเมนูที่ทุกคนในบ้านชื่นชอบ โดยมีโจทย์ตั้งไว้ คือ “ต้องเป็นเครปที่อร่อย ดีต่อสุขภาพ และราคาจับต้องได้” โดยผู้รังสรรค์สูตรลับและเมนูต่างๆ ขึ้นมา ก็คือ คุณแม่ ซึ่งมีทักษะด้านการทำเบเกอรี่มาก่อน ส่วนฝีมือการถ่ายรูปและทำอาร์ตเวิร์กสวยๆ มาจากพี่สาว และตัวเขาเองนั้นรับหน้าที่ช่วยบริหารจัดการและดูแลลูกค้าให้
               

        กว่าจะคิดสูตรออกมาขายได้แต่ละเมนูนั้น ต้องมีการออกแบบให้ลงตัวก่อนทั้งตัวไส้และแป้งที่ใช้ เพื่อให้กินคู่กันได้อร่อยและหน้าตาสวยงาม ยกตัวอย่างเช่น หน้าลาบไก่เห็ด 3 อย่างกินคู่กับแป้งผักโขมสีเขียว หรือหน้าสลัดกิมจิออร์แกนิกชีส กินคู่กับแป้งบีทรูทสีชมพู โดยพยายามจะคัดเลือกเมนูให้หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า


         นอกจากนี้ยังใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ อย่างเนื้อไก่ก็จะเลือกใช้อกไก่ หรือเนื้อหมูก็จะใช้ส่วนสะโพกที่มีมันน้อย ส่วนแป้งสูตรต่างๆ จะมีส่วนผสมจากธัญพืชและสมุนไพรด้วย การกินเครปของ Healthy Camp จึงอร่อยทั้งรสชาติ ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ และหน้าตาดี ถ่ายรูปสวย





สร้างนิยามใหม่
กินเครป ให้เหมือนกินข้าว

               
               
         จากไส้และแป้งที่ตั้งใจทำออกมา และขนาดที่ใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางถึง 14 นิ้ว จึงทำให้แม้จะเป็นเมนูขนมหรือของว่าง แต่เมื่อกินเครปของ Healthy Camp เข้าไปแล้วเพียงหนึ่งชิ้น ก็อิ่มเหมือนกับกินข้าวไปหนึ่งจานเลยทีเดียว แถมยังช่วยสร้างประสบการณ์กินเครปรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยลิ้มลองจากที่ไหนมาก่อนด้วย
               

         ปัจจุบันมีอยู่ 5 ไส้ที่ทำขายประจำ ได้แก่ 1.สามสหายไข่ร่าเริง เป็นการรวมตัวกันของไข่ 3 อย่าง คือ ไข่ไก่คั่ว ไข่กุ้ง และซอสไข่เค็มกินคู่กับแป้งดอกอัญชันสกัด 2. ลาบไก่เห็ด 3 อย่าง - เห็ดหูหนูขาว เห็ดหูหนูดำ เห็ดออริจิ กินคู่กับอกไก่ และซอสเครื่องลาบกินคู่กับแป้งผักโขม เป็นเมนูขายดีที่สุดของร้าน 3. สลัดกิมจิออร์แกนิกชีส – แครอท ข้าวโพด ต้นหอม แฮมไก่ มอสซาเรลล่าชีสราดด้วยซอสกิมจิกินคู่กับแป้งบีทรูท 4. นูเทลล่ากล้วยธัญพืชรวม - ถั่ว 5 สี นูเทลล่า กล้วยหอมกินคู่กับแป้งข้าวหอมนิลมันม่วง และ 5. เห็ดย่างหมูหมาล่า – เห็ด สะโพกหมูย่าง แครอท ข้าวโพด หมักและราดด้วยซอสหมาล่ากินคู่กับแป้งผักโขม


         นอกจากนี้ยังมีอีก 2 เมนูใหม่ คือ เครปเขียวหวานอกไก่แซ่บ กินคู่กับแป้งกระชายงารวม ซึ่งออกมาได้จังหวะพอดีกับกระแสสมุนไพรกำลังบูม และเครปต้มยำกุ้งปลากรอบ ใส่เห็ด 3 อย่าง กุ้ง เครื่องต้มยำ โรยท็อปปิ้งด้วยปลากรอบกินคู่กับแป้งดอกอัญชันสกัด โดยทุกไส้จำหน่ายที่ราคาชิ้นละ 99 บาท ยกเว้นเครปต้มยำกุ้งปลากรอบราคา 129 บาท



 

ใส่นวัตกรรมลงไป
เครป D.I.Y แก้ปัญหาจัดส่ง

 

            นอกจากการครีเอทเมนูได้แปลกใหม่แล้ว ณัฏฐ์ธเนศเล่าว่าทางร้านยังมีการคิดต่อยอดทำชุดเครป D.I.Y ขึ้นมาด้วย เพื่อให้เหมาะกับการขนส่งสำหรับลูกค้าที่สั่งเข้ามาผ่านช่องออนไลน์หรือซื้อกลับไปฝาก โดยทำเป็นชุดแยกระหว่างตัวแป้งและไส้ 1 ชุดจะมีแป้ง 2 ชิ้น แต่จะทำเป็นแป้งไซส์เล็กลงมาหน่อยเพื่อป้องกันไม่ให้แตกหักระหว่างจัดส่ง วิธีการนี้จะทำให้แป้งยังกรอบอยู่ เมื่อไปถึงลูกค้าก็สามารถ D.I.Y ทำเครปรับประทานได้เอง โดยจะบวกค่าแพ็กเกจจิ้งเพิ่มขึ้นมาอีก 25 บาทต่อเมนู


         จากข้อจำกัดที่ต้องขายอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านกอปรกับคุณแม่ที่อายุมากแล้ว และไม่อยากสร้างความแออัดให้กับลูกค้าตามมาตรการเว้นระยะห่าง และจะได้ไม่ต้องรอนาน ในแต่ละวันณัฏฐ์ธเนศจึงจำกัดคิวไว้ที่ประมาณ 30 ชิ้นต่อวัน วิธีการสั่งซื้อ คือ ให้ลูกค้าโทรหรือไลน์เข้ามาสอบถามคิวและสั่งออร์เดอร์ได้ก่อนล่วงหน้า


         นอกจากเครปยังมีน้ำผลไม้สกัดและเมนูอาหารสุขภาพอื่นๆ ด้วย อาทิ ก๋วยเตี๋ยวหลอด, ไข่กระทะ, สลัด, สเต็กหมู ไก่ แซลมอน ฯลฯ


         สุดท้ายเมื่อถามถึงความยากที่สุดในการรังสรรค์ความแปลกใหม่ขึ้นมาว่า คือ อะไร ณัฏฐ์ธเนศตอบว่า คือ ความลงตัวที่พอดีนั่นเอง


         “กว่าจะได้ออกมาแต่ละหน้าไม่ง่ายนะ เพราะเมนูที่เราทำก็เหมือนทำกับข้าวอย่างหนึ่งเลย แต่จากกินกับข้าวต้องเอามาใส่ลงบนเครปจะทำยังไงให้ออกมาพอดีกินคู่กันกับแป้งได้อร่อย เหมือนที่ไม่ใช่แค่แปลกใหม่ ถ่ายรูปสวยอย่างเดียว แต่กินแล้วต้องมีประโยชน์กับลูกค้าด้วย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้ ซึ่งเราไม่หยุดแค่นี้แน่นอน แต่จะทำเมนูใหม่ๆ ออกมาอีกเรื่อยๆ จะเป็นอะไรไว้ติดตามได้ครับ”


         และนี่คือ เรื่องราวของเครปหน้าแปลกที่ไม่ได้มีดีแค่แปลกใหม่ แต่ยังใส่ใจและให้ความสำคัญกับรายละเอียดต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ จนสุดท้ายสามารถชนะใจลูกค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ากลายเป็นเครปที่ใครๆ ก็พูดถึงในเวลานี้นั่นเอง





 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย