3 วิธีเพิ่มมูลค่าสินค้ามือสอง เปลี่ยนของเก่าให้เป็นขุมทรัพย์

TEXT : Rujrada W.
             


        ตลาดขายต่อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายกำลังเฟื่องฟู คาดว่าภายในปี 2572 จะมีมูลค่ามากถึง 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับได้ว่าเติบโตเป็น 2 เท่าของฟาสต์แฟชั่น เพราะสินค้าใช้แล้วกำลังเข้ามาแทนที่ในตู้เสื้อผ้า รวมถึงความคลั่งไคล้เฟอร์นิเจอร์ ของเก่าในราคาที่เอื้อมถึง แนวโน้มผู้บริโภคมีความภูมิใจที่จะซื้อสินค้ามือ 2 มากขึ้น ด้วย 2 เหตุผลหลัก คือ 1.ถูกกว่า 2. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
               

          ไม่กี่ปีก่อนสินค้ามือสองเคยขายกันในตลาดนัดและร้านขายของมือสองเป็นหลัก แต่ทุกวันนี้การซื้อขายส่วนใหญ่เปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งอุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นผู้บุกเบิกโมเดลการขายต่อ แต่เร็วๆ นี้เราได้เห็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์อย่าง IKEA ก็ได้เปิดบริการรับซื้อคืนสินค้า และนำไปขายเป็นสินค้ามือสองในร้านป๊อบอัพของแบรนด์
               

          เมื่อเกิดโรคระบาดขึ้น หลายคนคิดว่าผู้บริโภคจะเลิกซื้อสินค้าใช้แล้วด้วยเหตุผลด้านสุขอนามัย แต่ตัวเลขสถิติกลับบอกในสิ่งที่ตรงกันข้าม คาดว่าในปีการขายต่อแฟชั่นมากขึ้น 69 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2563 สวนทางกับภาคการค้าปลีกทั่วไปปหดตัวลง 15 เปอร์เซ็นต์





โอกาสทางธุรกิจ และเหตุผลที่แบรนด์ต่างๆ ต้องสนใจ Re-Commercce

               

         การซื้อ-ขายสินค้ามือสองไม่เพียงเกี่ยวกับศักยภาพของตลาดมือสองเท่านั้น ด้วยการสร้างโมเดลธุรกิจหมุนเวียน ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างมูลค่าใหม่ให้กับลูกค้าและโลกใบนี้ได้


          และนี่คือ 3 วิธีเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับของมือสอง และเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจได้ด้วย
 

  1. สร้างรายได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์มือสอง



         หรือที่เรียกกันว่า Upcycle พลิกโฉมสิ่งของที่ผ่านการใช้งานแล้วหรือบางชิ้นรอวันทิ้งเป็นขยะ เอากลับมาใช้ใหม่โดยอาศัยกระบวนการออกแบบให้เป็นของชิ้นใหม่ที่สวยและมีมูลค่ามากกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น กระเป๋าผ้าจากแบรนด์ Madmatter ที่หยิบเอาเศษผ้าเหลือใช้มาผสมกับเนื้อผ้าอื่นๆ หรือผ้าที่ค้างสต็อคในโรงงานมาแปลงเป็นกระเป๋าผ้าสีสวย


         หรือแบรนด์ Kuon จากญี่ปุ่นที่เน้นผลิตสินค้าด้วยเทคนิคงานเย็บ ปัก ซ่อมแซมเสื้อผ้าแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า Boroจึงได้เสื้อผ้าที่โดดเด่นด้วยลวดลายด้ายปักมือกับผ้าที่ซ้อนทับปะติดปะต่อ จนกลายเป็นเสน่ห์หนึ่งของแบรนด์ไปแล้ว



 

  1. ใช้เทคโนโลยีมาปรับเปลี่ยนกระบวนการคืนสินค้าเก่าให้กลายเป็นโอกาสใหม่



          ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ผู้ค้าปลีกกำลังใช้เทคโนโลยีเพื่อนำเสนอประสบการณ์คืนสินค้าที่ทั้งง่าย สะดวก และไม่เสียเงิน ซึ่งสินค้าที่ได้กลับมาก็กลายเป็นโอกาสให้กับธุรกิจได้ ยกตัวอย่าง Burberry หรือ Gucci ก็ร่วมมือกับบริการฝากขายอย่าง RealReal เพื่อรวบรวมและขายต่อผลิตภัณฑ์มือสองของแบรนด์ หรือแม้แต่การเกิดขึ้นของแพลตฟอร์มอย่าง Vestiaire Collective ที่ผู้บริโภคสามารถขายสินค้าฟุ่มเฟือยใช้แล้วได้โดยตรง


         หรือแบรนด์ Patagonia แบรนด์เสื้อผ้าเอาท์ดอร์สัญชาติอเมริกัน ที่ทำแพลตฟอร์มส่งเสริมการใช้สินค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด Worn Wear เปิดโอกาสให้ลูกค้านำสินค้าเก่ามาขายต่อ โดยจะแลกเป็นสินค้า เงินสด หรือเครดิตสำหรับซื้อสินค้าครั้งถัดไปก็ได้



 

  1. จับมือพันธมิตร สร้างห่วงโซ่เศรษฐกิจหมุนเวียน



          บางทีจะลุกขึ้นมาหยิบของเก่ามาทำใหม่ด้วยตัวเองก็อาจจะยังไม่พร้อม ไม่มีเครื่องจักร หรือไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร ลองมองหาคนรู้จักหรือพันธมิตรที่เขามีความรู้หรือเทคโนโลยีอยู่ในมือก็ได้ ยกตัวอย่างธุรกิจ Queen of Raw จับคู่ผ้าที่ไม่ได้ใช้ทั้งจากซัพพลายเออร์และผู้ซื้อมาใช้ใหม่ วิธีนี้ช่วยให้แบรนด์ประหยัดเงินได้หลายล้านเลยทีเดียว
 

         บทเรียนสำหรับธุรกิจคือการขายต่อ ซ่อมแซม นำกลับมาใช้ใหม่ หรือเอามารีไซเคิลเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกิจยุคนี้ไม่น้อย ตลาดมือสองกำลังเฟื่องฟูและเป็นช่องทางใหม่ที่สำคัญ ให้ประโยชน์กับทุกฝ่ายเพราะได้วัตถุดิบที่ถูกกว่าสำหรับธุรกิจ สินค้าราคาถูกสำหรับผู้บริโภค และโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
 

         ที่มา : bmilab.com, Forbes.com


 


 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย