การระบาดของโควิด-19 ได้สร้างความเสียหายให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME ที่บางรายมีสายป่านสั้นจนไม่สามารถยื้อธุรกิจได้นานจนต้องปิดกิจการไป เพราะนอกจากจะเผชิญปัญหาการขาดแคลนเงินทุนแล้ว การเข้าถึงแหล่งเงินทุนยังเป็นเรื่องยากเพราะไม่มีหลักทรัพย์ ไม่มีการทำบัญชีอย่างเป็นระบบ หรือแม้แต่มีสินเชื่ออยู่แล้วทำให้ไม่สามารถยื่นกู้เพิ่มได้อีก
แล้วถ้าอยากจะอยู่รอดจนพ้นวิกฤต จะมีทางออกใดอีก?
จนถึงตอนนี้เราได้เห็นกระแสที่นักลงทุนเสนอตัวช่วย ด้วยการขอซื้อกิจการขนาดเล็ก เป็นผู้ร่วมลงทุน หรือควบรวมกิจการ
ท่ามกลางวิกฤตเป็นโอกาสสำหรับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินสูง สามารถนำสภาพคล่องที่มีมาควบรวมเข้ากับกิจการขนาดเล็ก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจของตนเอง ขณะที่ SME เองก็มองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งเพื่อเสริมการเติบโตผ่านรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ
นี่อาจจะเป็นอีกความหวังของ SME ที่อาจไม่ใช่แค่การอยู่รอดแต่ยังเป็นโอกาสเติบโตในอนาคตในวันที่วิกฤตผ่านพ้นด้วย
ข้อดีของการควบรวมกิจการ
1.เพิ่มความสามารถของธุรกิจ
บริษัทอาจต้องการรวมกันเพื่อใช้ประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจแต่ละส่วนงานที่มีค่าใช้จ่ายสูง เมื่อควบรวมแล้วจะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของอีกฝ่าย รวมไปถึงเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและขยายฐานลูกค้าได้อีกด้วย
2.กระจายเครือข่ายทางการตลาด
การรวมกันอาจเพื่อให้ได้มาซึ่งการกระจายหรือเครือข่ายการตลาดไปสู่ตลาดซึ่งเป็นฐานของอีกฝ่าย แทนที่จะเริ่มต้นจาก 0 ในตลาดนั้นๆ วิธีนี้จะทำให้มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่มากขึ้นในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
3. กระจายผลิตภัณฑ์หรือบริการที่หลากหลาย
วิธีนี้จะเป็นการเติมเต็มกันและกัน ทั้ง 2 บริษัทสามารถรวมผลิตภัณฑ์หรือบริการของตัวเองที่แตกต่างเข้าด้วยกัน สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายได้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเพิ่มความสามารถแข่งขันกับเจ้าอื่นในตลาดได้ด้วย
4. ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ
ข้อดีนี้อาจจะเป็นเป้าประสงค์แรกของการควบรวมกิจการในยุควิกฤต เมื่อ 2 บริษัทมีผลิตภัณฑ์หรือบริการคล้ายคลึงกัน เมื่อรวมกันก็จะสามารถลดต้นทุนในหลายๆ ส่วนได้ด้วยการบูรณาการระหว่างกัน ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง และการจัดจำหน่าย ที่สำคัญยังทำให้การปรับลดขนาดองค์กรไม่เป็นปัญหามากนัก เพราะได้พึ่งพาทรัพยากร เช่น จำนวนสาขา พนักงานของอีกบริษัทนั่นเอง
5. เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ
บางครั้งการควบรวมกิจการก็เป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้บริษัทสามารถอยู่รอดได้ เพื่อลดงบดุลที่อาจทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ หรือเมื่อเงินที่มีในมือผู้ประกอบการไม่เพียงพอต่อการดำเนินงานต่อไปได้ ก็ต้องพึ่งพาเงินทุนจากอีกบริษัทนั่นเอง
ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะตัดสินใจควบรวมธุรกิจ หรือขายหุ้นบางส่วนให้กับผู้อื่น อาจต้องพิจารณาข้อเสีย เช่น
- ไปควบรวมแบบผสมกับธุรกิจไม่มีความเกี่ยวเนื่องกัน อาจจะก่อให้เกิดความไม่ถนัด ไม่มีประสบการณ์ ทำให้ต้นทุนการผลิต การขาย การบริการ สูงกว่าคู่แข่งขันจนไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปในอนาคตได้
- อาจทำให้อีกบริษัทมีปัญหาทางการเงินตามมา แม้ว่าเดิมจะมีความแข็งแกร่งทางการเงินอยู่แล้วอาจจะมีปัญหาได้ เพราะต้องแบ่งเงินทุนมาอุ้มบริษัทที่กำลังแย่
- อาจต้องลดจำนวนพนักงาน เพราะการดำเนินงานบางอย่างอาจทับซ้อนกัน
ลองพิจารณาข้อดี-ข้อเสียเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจว่ามันเป็นตัวช่วยธุรกิจของคุณจริงหรือไม่
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี