หวนคืนสังเวียน! แซนด์วิชโบราณ จากรายได้เสริม ต่อยอดสู่อาชีพหลัก ฮิตจนแบรนด์ใหญ่ต้องทำเป็นเมนูออกขาย

TEXT : กองบรรณาธิการ





         ถ้าให้ลองนึกถึงสินค้าที่อยู่มานานเป็นหลายสิบปี เรียกว่าตั้งแต่เรายังเด็กจนเป็นผู้ใหญ่ไปแล้วมีอะไรบ้าง หนึ่งในนั้นต้องมี “แซนด์วิชโบราณ” หรือที่หลายคนมักเรียกว่าแซนด์วิช 5 บาท ขนมปังรูปสามเหลี่ยม 3 – 4 แผ่นประกบที่สอดไส้ด้วยหมูหย็อง แฮม และน้ำสลัดรสชาติเป็นเอกลักษณ์รวมอยู่ด้วยแน่นอน


       แม้ที่ผ่านมาจะมีการขายอยู่แบบเงียบๆ ตามร้านโชห่วย ร้านค้าในชุมชนต่างๆ แต่สังเกตไหมว่าในช่วงไม่นานมานี้อยู่ดีๆ ทำไมแซนด์วิชดังกล่าวถึงกลับกลายเป็นกระแสนิยมขึ้นมาได้ และถูกพูดถึงอยู่ในโลกโซเชียลมากขึ้น แถมยังมีร้านค้าขายแซนด์วิชโบราณออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย จนแบรนด์เบอเกอรีใหญ่บางเจ้าต้องทำเป็นเมนูออกมาวางขายตาม
               

      เกิดอะไรขึ้นกับแซนด์วิชอายุร่วม 30 - 40 ปีนี้ ลองไปรื้อฟื้นรสชาติและความทรงจำในวันวานไปพร้อมๆ กันเลย



 
 
3 องค์ประกอบมัดใจผู้บริโภค 


        หากลองมองหาเหตุผลว่าทำไมแซนด์วิชโบราณนี้ จึงยังครองใจผู้บริโภคชาวไทยจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้ น่าจะมาจากเหตุผล 3 ข้อด้วยกัน


       น้ำสลัดรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เป็นสูตรเฉพาะไม่เหมือนกับแซนด์วิชไหนๆ จุดเด่น คือ เป็นน้ำสีเหลือง มีส่วนผสมหลักเป็นมายองเนส นมข้นหวาน พริกไทย น้ำส้มสายชู ไข่ไก่ น้ำมันพืช เป็นต้น รสชาติออกหวานมัน อมเปรี้ยวนิดๆ


       หมูหย็อง แฮม พระเอกตลอดกาล โดยหากพูดถึงแซนด์วิชโบราณไส้ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ใครๆ ย่อมนึกถึง ก็คือ หมูหย็องและแฮม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้มาตั้งแต่ดั้งเดิม แถมพอกินคู่กับน้ำสลัดโบราณและขนมปังยังทำให้เข้ากันได้ดีด้วย


        ราคาย่อมเยาตลอดกาล ไม่ว่าจะยุคไหนก็ยังขายเพียงชิ้นละ 5 บาท เป็นแซนด์วิชราคาถูกที่ไม่ว่าใครก็จับต้องได้ แม้ปัจจุบันจะมีการปรับคุณภาพ เพิ่มปริมาณ และราคาขึ้นมาบ้าง แต่ภาพของเจ้าแซนด์วิช 5 บาท ก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นต้นตำรับอยู่ในใจเสมอ



 

ต่อยอดเพิ่มเติมคุณภาพ จากรสชาติในวันวาน
 
                ด้วยเอกลักษณ์ที่เหมือนกับว่าน่าจะเป็นแซนด์วิชแบบไทยๆ จริงๆ ที่ทำง่าย ราคาย่อมเยา แถมเป็นรสชาติที่คุ้นเคยมานานอย่างน้อยๆ ขั้นต่ำต้องมี 30 กว่าปีขึ้นไปคนที่เกิดในยุค 80 – 90 ไม่น่าจะพลาด ทำให้เมื่อมีการนำมาปรับลุคให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น จึงได้รับความนิยมได้ไม่ยาก แถมยังสามารถอัพราคาได้มากขึ้นกว่าเดิม
               

          และเมื่อเห็นว่าขายดีทำกำไรได้เป็นที่ต้องการของตลาด จึงไม่แปลกที่จะทำให้มีผู้ประกอบการสนใจทำเป็นธุรกิจกันมากขึ้น บน Yotube หลายช่องเองก็มีการแจกสูตร สอนวิธีทำกันหลายคนด้วยกัน หลายคนจากช่วงแรกทำเป็นรายได้เสริม แต่เมื่อเริ่มขายดีมากขึ้น ก็ลาออกจากงานมาประกอบเป็นอาชีพหลักเลย อย่างเช่นเจ้าของแบรนด์แซนด์วิชไส้ทะลักน้ำสลัดสูตรโบราณ ซึ่งเคยออกสื่อให้สัมภาษณ์ไว้ในเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่าเดิมเคยเป็นพนักงานโรงงานมาก่อน และทำแซนด์วิชขายเป็นช่องทางหารายได้เพิ่มเติม ต่อมาเมื่อขายดีมากขึ้นวันละ 300 – 500 ชิ้น จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำแล้วมาทำเต็มตัว
               

        นอกจากตัวแซนด์วิชแล้ว บางแบรนด์ยังมีการต่อยอดทำเป็นน้ำสลัดสูตรโบราณสำเร็จรูปขายก็มี เพื่อให้ทั้งผู้บริโภคที่ชื่นชอบนำไปทำรับประทานเอง หรือพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นที่สนใจก็สามารถนำไปทำขายสร้างรายได้ด้วย



 

โบราณแบบเวอร์ชั่นใหม่
 
               
         จุดขายของแซนด์วิชโบราณเวอร์ชั่นใหม่ที่เห็นส่วนใหญ่ คือ ปริมาณไส้ที่เพิ่มเยอะขึ้นแบบทะลัก แถมบางแบรนด์ยังมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าตัวขนมปังเองที่มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและแบบโฮลวีท หรืออย่างตัวไส้จากหมูหย็อง ก็มีเพิ่มเป็นไก่หย็อง และไส้อื่นๆ ให้เลือก เช่น ทูน่า, พริกเผา, ฝอยทอง ส่วนน้ำสลัดยังคงเอกลักษณ์รสชาติเดิมเอาไว้และเป็นสีเหลืองทองเหมือนเดิม เพียงแต่อาจปรับสูตรรสชาติให้หวานน้อยเอาใจคนรักสุขภาพมากขึ้น ตัวแพ็กเกจจิ้งเอง ก็มีการปรับให้ดูทันสมัย น่าซื้อมากยิ่งขึ้น


          ที่สำคัญช่องทางในการจัดจำหน่ายก็ยังเปลี่ยนไปจากเดิมด้วย โดยแต่เดิมจะขายกันตามหน้าโรงเรียน ร้านโชห่วย ตลาดนัด แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่กระโดดเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ขายผ่านทั้งเว็บไซด์อี-คอมเมิร์ซ อย่าง Shopee, Lazada บางแบรนด์ก็ขายผ่านหน้าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ไลน์ มีทั้งแบบจัดส่งผ่านขนส่งต่างๆ และสั่งด่วนแบบเดลิเวอรีด้วย ทำให้สามารถสั่งซื้อได้ง่ายขึ้น และอัพราคาได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเฉลี่ยแล้วขายอยู่ที่ชิ้นละ 20 – 50 บาทต่อกล่อง ส่วนแซนด์วิช 5 บาทแบบดั้งเดิมจริงๆ ที่เคยขายตามร้านโชห่วยก็ยังมีอยู่ เพียงแต่อาจมีขนาดเล็กลง ไส้น้อยลง แต่ที่ยังคงเดิม ก็คือ 5 บาทเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน



 

กระแสแรง แบรนด์ใหญ่ยังต้องทำขาย
 
               
         อย่างที่เล่าไปว่าดูท่ากระแสของแซนด์วิชโบราณน่าจะกลับมาเป็นที่นิยมกันอีกครั้งจริงๆ เพราะแม้แต่แมสเบเกอรีอย่างแบรนด์ “เลอแปง” ที่มีขายอยู่ตามร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ ก็ยังมีการทำรสชาติ “แซนดวิชโบราณหมูหยองโบโลน่า” ออกมาจำหน่ายเมื่อปลายปีที่แล้วด้วย (อ้างอิงจากเพจผู้บริโภค) โดยจำหน่ายในกล่องละ 20 บาท 1 กล่องมี 4 ชิ้น แบ่งเป็นหมูหย็อง 2 ชิ้น โบโลน่า 2 ชิ้น ทำให้สามารถหาซื้อได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
               

         และนี่คือ เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับแซนด์วิชโบราณ หรือแซนด์วิช 5 บาทในใจใครหลายคน ที่วันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นี่คือ หนึ่งในแซนด์วิชที่ผู้บริโภคชาวไทยได้ยกให้อยู่ในใจจริงๆ เพียงแค่นำมาพัฒนาต่อยอดอีกนิดหน่อย ก็กลับเป็นกระแสฮิตขึ้นมาได้อีกครั้ง



 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย