PHOTO : Taksa Toys
ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ สำหรับแบรนด์เล็กที่คิดว่าวันหนึ่งจะไปยืนอยู่ในตลาดโลกได้ ซึ่งหลายแบรนด์อาจต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์นานหลายปี แต่อาจไม่ใช่กับ Taksa Toy (ทักษะทอยส์) แบรนด์ของเล่นไทยเสริมพัฒนาการที่เพียงเริ่มต้นธุรกิจปีแรกก็ไปบุกงานของเล่นใหญ่สุดระดับโลกได้ แถมจุดเริ่มต้นที่มาของธุรกิจก็ไม่ธรรมดา เพราะเกิดขึ้นมาจากผลงานวิทยานิพนธ์ที่ภายหลังได้คิดนำมาต่อยอดสร้างเป็นธุรกิจขึ้นมา
ฟ้าดล ณ นคร หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เล่าที่มาของธุรกิจให้ฟังว่าทั้งหมดนี้มีจุดเริ่มต้นขึ้นมาจากผลงานวิทยานิพนธ์ของลูกชาย (นคร ณ นคร) ภายใต้หลักสูตรของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ (SoA+D) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งมักเป็นเรื่องที่มักถูกนำมาถกเถียงและพูดถึงอยู่เสมอบนโต๊ะกินข้าวหรือทุกครั้งที่มีโอกาสได้พูดคุยกัน โดยเมื่อเห็นว่ามีศักยภาพและมีประโยชน์มากกว่าที่จะเป็นเพียงแค่วิทยานิพนธ์ ตนและภรรยา (อรณี ณ นคร) จึงช่วยกันคิดสร้างเป็นธุรกิจขึ้นมาในปี 2558 โดยใช้ชื่อว่า “Taksa Toys” ซึ่งหมายถึงของเล่นที่มีทั้งประโยชน์และความสนุก สามารถช่วยเสริมสร้างทักษะและพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพและมีศีลธรรมได้ จึงเป็นเหมือนแบรนด์ที่เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันระหว่างคน 2 รุ่น คือ พ่อแม่และลูกชาย
แบรนด์เล็ก บุกตลาดใหญ่
โดยเพียงปีแรกที่เริ่มต้นธุรกิจ เขาก็คิดที่จะไปเปิดตัวอยู่ในงานของเล่นระดับโลกเลย ในงานที่มีชื่อว่า “Spielwarenmesse International Toy Fair” ณ เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี เป็นงานที่รวบรวมผู้ประกอบการแบรนด์ของเล่นต่างๆ จากทั่วโลก ตั้งแบรนด์ดังระดับโลก ไปจนถึงแบรนด์น้องใหม่ให้มารวมตัวกัน เรียกว่าหากใครทำธุรกิจเกี่ยวกับของเล่นควรมาให้ได้สักครั้งหนึ่ง
“จริงๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเยอะ คิดเพียงแค่ว่าอยากนำศักยภาพของเล่นที่เราช่วยกันคิดขึ้นมานี้เผยแพร่ออกไปให้คนภายนอกได้รับรู้เท่านั้น โดยเราก็แค่ลองเริ่มต้นจากงานที่เราเคยไปมา ต้องย้อนกลับไปให้ฟังว่าก่อนหน้าที่จะนำมาทำเป็นวิทยานิพนธ์ ลูกชายเคยไปทำเวิร์กช้อปกับสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทยมาก่อน และได้รับรางวัลที่ 2 เขาจึงพาไปดูงานที่เยอรมนี ตอนนั้นเราก็เลยติดสอยห้อยตามไปด้วย โดยเรามองเห็นแล้วว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้คิดว่าถ้าทำเป็นธุรกิจแล้วเข้ามาที่นี่ได้ก็น่าจะมีโอกาสมากกว่า”
ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจากการตัดสินใจครั้งนั้นจะทำให้แม้เป็นเพียงปีแรกที่ไปออกงาน ก็สามารถได้ออร์เดอร์ลูกค้ากลับมาในทันที 3 ประเทศด้วยกัน
“ยอมรับว่าตอนนั้นที่ไป เราเป็นแบรนด์ที่ตัวเล็กมาก มีสินค้าแค่ตัวเดียวเอง ตัวบูธก็ไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก มีแค่ป้ายไวนิลแผ่นเดียวติดไปแขวนโชว์เท่านั้น แต่เราก็ค่อนข้างมั่นใจในสินค้าของตัวเอง ทำให้แม้เป็นเพียงปีแรกที่ไปออกงานเราได้ออร์เดอร์กลับมาถึง 3 ประเทศเลยทีเดียว ซึ่งเป็นอะไรที่น่าแปลกใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนเตือนเอาไว้แล้วว่ามาปีแรกถ้าไม่ได้ออร์เดอร์กลับไป ไม่ต้องเสียใจ เพราะส่วนใหญ่มักจะได้ก็หลังจากออกงานครั้งที่ 2 - 3 ไปแล้ว ลูกค้าจึงจะเชื่อใจกล้าทำการค้าด้วย
“โดยใน 3 ปีแรก เราไปร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย ภายใต้ Thai Pavilion ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นโรงงานผลิตและรับจ้าง OEM ซึ่งก็ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเราสักเท่าไหร่ ในปีหลังๆ เราจึงลองทำเรื่องติดต่อเอง จนได้ย้ายมาอยู่ในฮฮลล์เดียวกับผู้ประกอบการแบรนด์ต่างๆ ซึ่งได้เจอทั้งแบรนด์ดังเจ้าใหญ่ และผู้ประกอบการรายย่อยที่มีไอเดียแตกต่างกันไป ทำให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น มีออร์เดอร์จากลูกค้าเพิ่มมากขึ้น รวมๆ แล้วตอนนี้สินค้าของเรากระจายไปกว่า 15 ประเทศทั่วโลกแล้ว อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ เกาหลี ญี่ปุ่น ใต้หวัน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ ”
นิยามของเล่น ของคนทำของเล่น
ในส่วนการทำของเล่นแบรนด์ Taksa Toys นั้น ฟ้าดลเล่าว่าเขาและครอบครัวไม่ได้ต้องการทำของเล่นออกมาเพื่อความสนุกอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องการเสริมสร้างทักษะการใช้ชีวิตที่ดีมอบให้กับเด็กๆ ผู้เล่นด้วย โดยการออกแบบของเล่นแต่ละชิ้นอับดับแรกจะคำนึงถึงประโยชน์ที่เด็กๆ จะได้รับก่อน ต่อมาจึงค่อยมาคิดถึงการออกแบบของเล่นเพื่อให้ตอบโจทย์ได้ทั้งประโยชน์และความสนุกไปพร้อมๆ กัน
“เราไม่ได้มองว่าตลาดต้องการอะไร แต่เรามักจะมองว่าควรมีของเล่นอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกบ้าง เพื่อให้สามารถปูพื้นฐานที่ดีให้กับเด็กๆ ได้ ทุกครั้งที่คิดออกแบบมานั้นเราจะคิดเสมอว่าควรมอบคุณค่าหรือทักษะบางอย่างให้กับเด็กๆ ได้ด้วย เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ความรู้ ความรักธรรมชาติ ทักษะทางสังคม ทักษะวิชาการบางอย่าง คือ เราคิดว่าเด็กควรได้อะไรจากการเล่นด้วย ไม่ใช่แค่สนุกอย่างเดียว”
ซึ่งจากแนวคิดดังกล่าวนี้ ฟ้าดลกล่าวว่าของเล่นของเขาจึงอาจไม่ใช่ของเล่นตามกระแสที่ถูกใจ เป็นที่ชื่นชอบ และขายดีที่สุดสำหรับเด็กๆ และลูกค้าตัวจริงส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ซื้อ ก็คือ พ่อแม่ ผู้ปกครอง แต่เขาก็มีความสุขกับการได้มอบของเล่นที่มีคุณค่า มีความคิดเชิงบวก และเสริมสร้างทักษะให้กับเด็กๆ ได้บ้าง มากกว่ายอดขายที่พุ่งพรวดจากการทำของเล่นตามกระแสโดยที่เด็กๆ อาจไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
“ของเล่นของเรา อาจไม่ใช่ของเล่นที่ขายดีที่สุด หรือของเล่นตามกระแสที่ถูกใจเด็กๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอไป แต่เราเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพและคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเอง ของเล่นเราก็ไม่แพ้ใครในโลกเหมือนกัน ซึ่งเราได้รับรางวัลด้านการออกแบบจากหลายสถาบันทั่วโลกมากมายเป็นเครื่องการันตี เพียงแต่ตอนนี้สิ่งที่เป็นจุดด้อย คือ เราไม่ได้มีโรงงานผลิตเอง และทำกันเองแบบเล็กๆ การเติบโตและกำไรที่ได้กลับมา จึงอาจจะยังไม่ได้มากมายนักเมื่อเทียบกับศักยภาพที่มีอยู่ ซึ่งแนวทางต่อไปในอนาคตเราคาดหวังว่าวันหนึ่งจะได้เจอกับพาร์ตเนอร์ที่มีแนวคิดเดียวกัน มองเห็นประโยชน์ของสิ่งที่ทำคล้ายๆ กันมาช่วยผลักดันให้กระจายออกไปได้มากขึ้นกว่าเดิม” ฟ้าดลกล่าวทิ้งท้าย
โดยปัจจุบันของเล่นของ Taksa Toys มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ซีรีส์ คือ 1. Resources ตัวต่อรูปแบบใหม่ที่มีรูปทรงล้อเลียนทรัพยากรธรรมชาติในชีวิตจริง ได้แก่ หิน ไม้ ทราย เหล็ก อิฐ ต้นไม้ เเละนํ้า เพื่อสอนทักษะให้เด็กๆ ได้รู้จักทรัพยากรธรรมชาติรอบตัว 2.Arch-Kid-Tech ชุดตัวต่อรูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณ ที่ทั้งสนุกและได้สาระ เพื่อทำความเข้าใจด้านโครงสร้าง ได้ฝึกสมาธิ เเละการวิเคราะห์ไปในตัว และ 3.Locomo ของเล่นที่ใช้คอนเซปต์การเรียนรู้เเบบ “WALDORF Education” ที่ออกแบบมาให้เด็กๆ สามารถเล่นและเรียนรู้โดยผ่านประสบการณ์จริงร่วมกับธรรมชาติ และในระยะเวลาอันใกล้นี้ยังมีต้นแบบที่พร้อมสมบูรณ์รอผลิตออกมาอีก 2 – 3 ชุดด้วยกัน
นับเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการ SME ที่แม้เป็นแบรนด์ไทยเล็กๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพจนสามารถทำธุรกิจอยู่ในตลาดโลกได้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี