PHOTO : สามอาชีพ เพื่อมนุษยชาติ
คลิปซื่อๆ นำเสนอด้วยความเรียบง่ายและจริงใจ ตั้งคำถามแบบคนไม่รู้เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แบบเคลียร์ๆ ให้คนที่อยากพึ่งพาตนเองด้วย “สามอาชีพ” คือ กสิกรรมไร้สารพิษ ปุ๋ยสะอาด และขยะวิทยา ได้มีแนวทางไปต่อยอดด้วยตนเอง จนทำให้คลิปง่ายๆ อย่าง การทำเห็ดฟาง ปลูกพืชในล้อยาง หรือเลี้ยงปลาในนาหลังเกี่ยวข้าว มียอดคนดูหลักล้านมาแล้ว
นี่คือเรื่องราวของช่อง YouTube ที่ชื่อ “สามอาชีพ เพื่อมนุษยชาติ” ที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2015 มีผู้ติดตามกว่า 5.6 แสนคนในปัจจุบัน ผลผลิตจากไฟฝันของ “ป๊อก-หินไฟ หมายยอดกลาง” เจ้าของช่อง YouTube สามอาชีพ เพื่อมนุษยชาติ ที่อยากถ่ายทอดการทำเกษตรแบบไร้สาร แนวคิดพึ่งพาตนเอง ให้กับคนที่อยากสร้างอาชีพและรายได้ด้วยวิถีเกษตรพอเพียง ภายใต้แนวคิด “พึ่งตน เรียบง่าย ซื่อตรง จริงใจ ให้ความจริง”
แม้ไม่ได้หวังเงินเป็นหลัก และทำเพื่อให้มากกว่ารับ แต่วันนี้ช่องของพวกเขาก็มีรายได้ที่หล่อเลี้ยงตัวเองได้ และยังมี “ศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษ วังน้ำเขียว” ศูนย์เรียนรู้ของคนที่สนใจทำเกษตร เป็นช่องทางสร้างเครือข่าย สร้างผลผลิตเกษตรและสินค้าแปรรูปเป็นรายได้ให้อีกทางด้วย
เมื่อเด็กช่างที่สนใจเกษตรอินทรีย์จะมาเป็น YouTube ครีเอเตอร์
หินไฟ เป็นคนที่มีทักษะในชีวิตที่หลากหลาย และทุกทักษะที่ว่าล้วนเกิดจากความสนใจและเรียนรู้ด้วยตัวเองไม่ใช่เพราะการเรียนหนังสือ โดยเขาเป็นเด็กเทคนิค เรียนมาทางด้านช่างเชื่อม แต่สนใจในการถ่ายภาพและการทำสื่อวีดีโอ เคยทำสื่อให้กับองค์กรสันติอโศก ตั้งแต่ทำสื่อใช้ภายในจนมาเป็นสื่อดาวเทียม เป็นรองผู้อำนายการ บุญนิยมทีวี เป็นนักดนตรี มีวงของตัวเองชื่อ "วงฆราวาส" หนึ่งในความสนใจที่เด่นชัด และอยู่กับเขามานานกว่า 30 ปี นั่นคือความสนใจด้านเกษตรอินทรีย์
ระหว่างทำรายการให้กับสันติอโศก เพื่อไปออกทางช่องทีวีดาวเทียม เขาได้ผลิตผลงานที่เป็นองค์ความรู้ด้านการเกษตร กสิกรรมไร้สารพิษ และจัดอบรมชาวบ้านอยู่หลายครั้ง จนวันที่ได้รู้จักกับช่องทางออนไลน์ที่ชื่อ YouTube เขาเกิดความสนใจ จึงเริ่มศึกษา และลองเอาคลิปเกี่ยวกับการทำเกษตรที่มีอยู่ไปออกในช่องทาง YouTube ด้วย เพราะมองว่าเป็นพื้นที่ให้เชื่อมถึงคนที่ชื่นชอบและสนใจในเรื่องเดียวกับพวกเขาได้
“การเป็นทีวีดาวเทียมก็มีคนสนใจกลุ่มหนึ่ง แต่การสื่อสารก็ไม่ได้กว้างและกระจายเหมือนกับช่องทาง YouTube ผมเลยเปิดช่องใน YouTube ใช้ชื่อว่า สามอาชีพ เพื่อมนุษยชาติ ที่สื่อถึงอาชีพสามอย่างซึ่งสำคัญมากสำหรับอนาคต นั่นคือ 1.กสิกรรมไร้สารพิษ คือการสร้างอาหารที่ปลอดภัยไร้สารพิษ 2.ปุ๋ยสะอาด คือการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่เป็นมิตรกับคน สัตว์ สิ่งแวดล้อม และ 3.ขยะวิทยา เป็นการจัดการขยะอย่างมีระบบ เพื่อให้มีรายได้และลดโลกร้อน เราเน้นนำเสนอองค์ความรู้ทั้ง 3 อย่างนี้” เขาเล่าถึงที่มาและคอนเซ็ปต์ของชื่อช่อง
เมื่อถามถึงคลิปแรกที่เอาขึ้นออนไลน์ เขาบอกว่าจำไม่ได้แล้วว่ายอดคนดูมีเท่าไร รู้แต่ว่าทำไปสักพักยอดวิวก็เพิ่มมากขึ้น และหลายครั้งที่มีคนเอาคลิปของพวกเขาไปแชร์ต่อในช่องทางต่างๆ ซึ่งยอดคนดูคลิปเหล่านั้น ก็สูงกว่าคนดูในช่องของพวกเขาด้วยซ้ำ จนวันหนึ่งมีคนมาขอเปิดเพจเฟซบุ๊กในชื่อ สามอาชีพ เพื่อมนุษยชาติ คนใจกว้างและไม่คิดอะไรมากอย่างเขา เลยยอมให้ไปเปิดกันฟรีๆ เพราะคิดแค่ว่าอย่างน้อยก็จะได้มีคนมาช่วยเผยแพร่เรื่องดีๆ ของสามอาชีพฯ
“ทำมาถึงจุดหนึ่งผมเริ่มเห็นว่าการทำคลิปใน YouTube อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะเราต้องการสร้างเครือข่ายของคนที่อยากเดินไปในแนวทางเดียวกับเราด้วย จึงได้คิดเปิดเพจเฟซบุ๊กขึ้นมา แต่จะใช้ชื่อ สามอาชีพ เพื่อมนุษยชาติ ไม่ได้แล้ว เพราะให้คนอื่นใช้ไปแล้ว จึงตั้งชื่อเพจขึ้นมาใหม่ว่า ทำ-ธรรม กสิกรรมไร้สารพิษ”
“ความรู้-ความจริง-ความรู้สึก” 3 แนวทางทำคอนเทนต์ในแบบสามอาชีพ
SME Thailand ย้อนดูคลิปที่ปรากฎในช่อง สามอาชีพ เพื่อมนุษยชาติ พบว่ามีความหลากหลายและเรียบง่าย เป็นงานเรียลๆ ที่ดูจริงใจไม่ต้องปรุงแต่ง บรรยายและถ่ายทอดเหมือนเพื่อนคุยกับเพื่อน โดยคลิปยอดนิยมที่มีคนดูสูงถึงกว่า 2.6 ล้านครั้ง คือ “การทำเห็ดฟาง แบบคนขี้เกียจของ ของ ลุงทองปาน เผ่าโสภา” ที่ออกอากาศเมื่อ 1 ปีก่อน ขณะที่เปิดช่องมาประมาณ 6 ปี มีวิดีโอรวมกว่า 1,300 รายการ มียอดผู้ติดตามกว่า 5.6 แสนคน
“เบื้องหลังผมทำงานกัน 2 คน พวกเราไม่ได้เน้นเรื่องตัวเงินเป็นหลัก แต่เน้นที่การสร้างคน การให้และการแบ่งปัน พูดง่ายๆ คือเราทำงานเพื่อสร้างเพื่อน ใครมีอะไรก็เอามาแลกเปลี่ยนกัน แนวทางการทำคอนเทนต์มี 3 อย่าง คือ 1.มีความรู้ 2.มีความจริง และ 3.มีความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นผมหรือทีมงาน เราจะซักถามด้วยคำถามง่ายๆ บางครั้งก็เหมือนการแกล้งโง่ คือถามแทนคนดู บางทีในบางเรื่องเราอาจรู้อยู่แล้ว แต่ทำตัวให้เหมือนเราไม่รู้ ไม่ว่าจะรู้มากแค่ไหน ก็ต้องแกล้งโง่เพื่อที่จะถามให้คนที่เขาไม่รู้จริงๆ ได้รับคำตอบ และนำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าถ่ายทอดออกมาให้คนเข้าใจได้มากที่สุด สิ่งที่พวกผมทำจะเป็นเหมือนเพื่อนมากกว่าพิธีกร เพราะรู้สึกว่าการเป็นพิธีกรจะมีช่องว่างบางอย่างทำให้ชาวบ้านไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้เต็มที่ แต่พวกผมจะเป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพี่น้อง เราเองจะอยู่ง่ายๆ ใช้ชีวิตใกล้เคียงกับเขา ซึ่งจริงๆ ก็เป็นชีวิตปกติของเรานี่แหล่ะ จึงทำให้เกิดความเป็นกันเอง จนถ่ายทอดออกมาในงาน ที่เน้นความจริง ไม่ปรุงแต่ง”
แนวทางการทำคลิป ก็เหมือนกับแนวคิดของช่องที่ว่า “พึ่งตน เรียบง่าย ซื่อตรง จริงใจ ให้ความจริง” และความชัดเจนนี้เองที่ทำให้แฟนคลับช่องค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เขาบอกว่า ส่วนหนึ่งเป็นคนที่กำลังหาแนวทางของชีวิตใหม่ บางคนตกงาน บางคนเบื่อกับการใช้ชีวิตและการทำงานแบบเดิมๆ ไม่อยากแค่ทำงานหาเงินเพื่อไปใช้รักษาตัวเองในตอนแก่ เลยอยากหันมาพึ่งพาตนเองด้วยวิถีเกษตรกรรม
“เราทำในสิ่งที่มีตัวอย่างให้เห็นจริง คนที่เขาทำได้จริง สามารถบอกได้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน และไม่ใช่ว่าจะมีแค่ความสำเร็จเท่านั้น แม้แต่ด้านที่มีปัญหาเราก็นำเสนอด้วย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน พูดง่ายๆ คนที่ดูจะได้ไม่ต้องไปเรียนผิดเรียนถูกด้วยตัวเอง เห็นจุดบกพร่องจุดผิดพลาดจะได้ไม่ต้องไปทำตาม มันเป็นเรื่องของการให้ด้วยความจริงใจ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายคนที่เอาความรู้หรือเทคนิคที่เรานำเสนอไปใช้จริง ล่าสุดมีคนมาอยู่กับผมประมาณ 7 เดือน แต่ก่อนเขา หนีจากทำนาทำไร่ไปเป็นยาม มีเวลาเยอะก็เลยนั่งดูคลิปแล้วเจอเรา จากนั้นก็มาขอเรียนด้วย ตอนนี้เขากลับไปทำเกษตรในพื้นที่ของเขา เริ่มจากศูนย์ มาทำสระเล็กๆ เลี้ยงชีพด้วยการเผาถ่านขายบ้าง และคิดบริหารจัดการโดยเขามีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง คิดว่าถ้าเอาไปฝากธนาคารก็คงนิ่งอยู่อย่างนั้น เลยเอาเงินไปซื้อวัวมาเลี้ยง ซึ่งการเลี้ยงวัวก็เหมือนเงินออมของเขา เพราะมันจะได้ลูกได้หลาน เอาไปปลูกต้นไม้ ก็เกิดมูลค่าที่สูงขึ้นทุกปี ซึ่งนั่นคือความมั่นคงของเขา”
หรืออย่างบริษัทดีลเลอร์รถยนต์แห่งหนึ่ง ใน จ.ขอนแก่น ที่มองเห็นว่าในยุคโควิดหนึ่งในธุรกิจที่แทบไม่ได้รับผลกระทบเลย ก็คือ อาหาร จึงตัดสินใจส่งพนักงานมาอบรมที่ศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษ วังน้ำเขียว ของพวกเขา จนปัจจุบันสามารถเปิดบริษัททำเกษตรอินทรีย์ และมีผลผลิตออกจำหน่ายได้สำเร็จแล้ว
อยากทำเกษตรให้สำเร็จต้องเริ่มจากเปลี่ยน Mindset
หินไฟบอกเราว่า ตอนนี้คนสนใจเรื่องการทำเกษตรเยอะมาก โดยเฉพาะยุคโควิดที่เกษตรกลายเป็นโอกาสและความหวัง ของการเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืน แต่การที่จะไปทำเกษตรให้ประสบความสำเร็จได้นั้น มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งหลายทั้งมวลเขามองว่า ต้องเริ่มจากการเปลี่ยน Mindset แน่นอนว่า ต้องไม่ใช่การคิดและทำเกษตรแบบเดิมๆ แต่ต้องเป็นเกษตรวิถีใหม่
“ที่นี่ผมจะสอนให้ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะมาก ครอบครัวหนึ่งไม่เกิน 5 ไร่ ก็พอ ทำเล็กๆ พื้นที่ส่วนหนึ่งปลูกป่า มีที่ทำกิน ขุดสระ ทำที่อยู่อาศัย แล้วจัดองค์ประกอบให้เหมาะสม ทั้งดิน น้ำ แสงแดด ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า เกษตรกรที่นำไปทำสามารถสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นจริง อย่างเดิมเขามีที่ประมาณ 20 ไร่ รายได้ต่อปีเต็มที่ก็แค่ 20,000 บาท แต่พอเขามาทำการเกษตรอินทรีย์ ใช้พื้นที่ลดเหลือประมาณ 5 ไร่ แต่มีผลผลิตต่อปีประมาณ 5 แสนบาท พื้นที่เล็กลง แต่รายได้เพิ่มขึ้น และลูกเต้าไม่ต้องไปทำงานที่อื่น เพราะสามารถช่วยกันทำในที่ของเขาได้ เกิดเป็นวิถีชีวิต เป็นความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยเวลา และต้องเปลี่ยนทางจิต นั่นคือการเปลี่ยน Mindset ของเขานั่นเอง”
เขายกตัวอย่าง ศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษ วังน้ำเขียว ที่ทำมาแล้วเกือบ 20 ปี แม้จะไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายจากการทำเวิร์กช็อป แต่ที่นี่ก็มีผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปเป็นรายได้ให้กับพวกเขาด้วย อย่าง ผักสด น้ำหมักจุลินทรีย์ กานาฉ่าย ซอสมะเขือเทศ ฯลฯ ที่เขาบอกว่าอาจจะดูไม่เยอะมาก แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง โดยสินค้าส่วนหนึ่งวางขายที่ศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษ และขายผ่านเครือข่ายตลาดของสันติอโศก เป็นต้น
และวันนี้พวกเขายังมีรายได้จากช่อง YouTube เป็นรายได้เสริมมาหล่อเลี้ยงการทำงานเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
“ตั้งแต่ผมทำมา ผมไม่ได้หวังเม็ดเงินอะไร เพราะผมพึ่งพาตัวเองได้ ผมปลูกผักมีอาหารที่ปลอดภัยกิน มีความเป็นอยู่ที่พออยู่ได้ ไม่มีหนี้ไม่มีสิน ส่วนช่อง YouTube เป็นเหมือนรายได้เสริมมากกว่า ได้เงินมาก็เอาไปซื้ออุปกรณ์ไปพัฒนาช่องของเราให้ดีขึ้น รวมถึงจัดกิจกรรมในเครือข่าย ซึ่งในอนาคตเราอยากทำกิจกรรมในเชิงการตลาดมากขึ้น คือเป็นเหมือนเวทีให้เครือข่ายของเราได้มาเชื่อมโยงกับตลาดและผู้บริโภค มีองค์ความรู้เรื่องสุขภาพ วิธีการทำเกษตรมาแลกเปลี่ยนกัน” เขาบอกความตั้งใจที่ยังอยากทำในอนาคต
“งานนี้ผมทำเพื่อสร้างเพื่อน สร้างกลุ่ม สร้างสังคม สร้างแนวคิดให้คนอยู่กันด้วยความอบอุ่น เงินก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ผมยึดความสุขของเพื่อนเป็นหลัก เงินเป็นเครื่องมือแต่ไม่ใช่จุดหมาย แต่จุดหมายหลักของเราคือการมีเพื่อน มีสังคมที่ให้และแบ่งปันซึ่งกันและกัน” เขาย้ำดัชนีชี้วัดความสำเร็จที่ไม่ได้ใช้ตัวเลขของรายได้หรือยอดวิวเป็นตัววัด แต่คือดัชนีความสุขที่เกิดกับผู้คนและโลกใบนี้
เปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นแหล่งอาหารปลอดภัยของโลก
ในความฝันหรือเป้าหมายของชายที่ชื่อหินไฟ เขาบอกว่า อยากเห็นเมืองไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารที่ปลอดภัยของโลก ซึ่งภาพนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องเริ่มจากคนหน่วยเล็กๆ ที่มีความมุ่งมาดปรารถนาอยากทำเกษตรอินทรีย์ ค่อยๆ ทำจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเชื่อมโยงเป็นภาพใหญ่ จนในอนาคตแผนที่ประเทศไทยก็จะกลายเป็นพื้นที่สีเขียวมากขึ้น
“ในอนาคตหากจุดเล็กๆ นี้ขยายใหญ่ขึ้น เมืองไทยก็จะเกิดป่า ผมมองว่า ใน 20 ปีข้างหน้า เราจะมีจุดของป่าเกิดขึ้นมาจากคนเล็กๆ ที่เปลี่ยนแนวคิดแล้วกลับไปทำกันคนละ 5 ไร่ 10 ไร่ ทั่วประเทศ ก็จะเกิดเป็นพื้นต่างสีเขียวขึ้นมา ผมอยากจะให้ประเทศไทยเป็นแหล่งอาหารที่ปลอดภัยของโลก อยากให้เมืองไทยเป็นจุดศูนย์กลางของอาหารโลก แต่เป็นอาหารของโลกที่ปลอดภัยและซื่อตรง โดยเราจะใช้อาหารที่ปลอดภัยนี้เป็นอาวุธในการสร้างมิตรกับประเทศรอบข้าง และทั่วโลก มองว่าจะทำให้เกิดความสุขร่วมกันทุกฝ่าย นี่คือความฝันของผม”
ส่วน SME คนไหนที่อยากลุกมาเป็น YouTube ครีเอเตอร์ กับเขาบ้าง หินไฟบอกแค่ว่า ต้องพึ่งตน เรียบง่ายซื่อตรง และต้องดูศักยภาพของตัวเองเป็นหลัก
“ผมมองว่าต้องเริ่มจากมีความจริงใจในการให้ก่อน และใช้ความรู้ ความจริง ความรู้สึก ในการสร้างสรรค์ผลงาน ทำด้วยความรู้สึกที่อยากจะช่วย และช่วยด้วยความจริงใจ อย่างตัวผมเองไม่ได้เรียนสื่อมา ผมก็รู้สึกกังวลว่า สิ่งที่ผมทำอยู่นั้นจะถูกต้องไหม จนวันหนึ่งมีคนที่มารองรับความคิดผม คือ คุณต่อ ฟีโนมีน่า (ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาเจ้าของรางวัลระดับโลก) เขาเป็นหนึ่งคนที่ติดตามช่องของผมมาตั้งแต่แรกซึ่งผมเองก็ไม่รู้หรอก จนตอนหลังมีโอกาสเจอและพูดคุยกัน เขาบอกผมว่า สิ่งที่ผมทำนั้นถูกแล้ว เพราะคนต้องการหาทางออกให้กับชีวิตและจิตใจ โดยเฉพาะเรื่องของการเกษตรและบอกว่าการทำสไตล์ผมมันสัมผัสแล้วเกิดความรู้สึกอยากไปศึกษาเรียนรู้ โดยเฉพาะคนที่มีความเห็นในแนวทางลักษณะนี้ ทำให้ผมมั่นใจขึ้นมาว่า สิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้ก็คงจะดีอยู่แล้ว”
แม้แต่คนตัวเล็กๆ ที่เรียนมาทางช่าง ก็ยังเป็น YouTube ครีเอเตอร์ ที่ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งทั้งหมดเกิดจากเรื่องพื้นฐานอย่าง ซื่อตรงกับสิ่งที่ทำ จริงใจ และให้ความจริง และนี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักกับช่องที่ชื่อ สามอาชีพ เพื่อมนุษยชาติ มาจนถึงวันนี้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี