ด้วยวัฒนธรรมการบริโภคแป้งเป็นอาหารหลักของชาวเอเชีย ไม่ว่าไทยหรือประเทศต่างๆ เองก็ตาม จึงทำให้อุตสาหกรรมการผลิตแป้งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่อยู่คู่กับภูมิภาคแห่งนี้มาช้านาน ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็มีแบรนด์อผู้ผลิตท้องถิ่นแตกต่างกันออกไป
เช่นเดียวกับในพื้นที่ภาคตะวันออกของไทย ซึ่งนับว่ามีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากเป็นอันดับต้นของประเทศก็มีแบรนด์ท้องที่ที่อยู่มายาวนานกว่า 40 ปี แถมมิใช่ขายอยู่ในประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งออกไปมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก และยังเป็นผู้ผลิตแป้งประกอบอาหารรายแรกๆ ที่มีการนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง ล่าสุดได้มีการคิดค้นสูตรแป้ง Thai Street Food ที่ง่ายและสะดวกต่อผู้ใช้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้ชื่อ “หมีคู่ดาว” แบรนด์แป้งข้าวโม่น้ำสำเร็จรูป คนขายแป้งที่ไม่ยอมหยุดนิ่งอยู่กับที่นั่นเอง
ไม่ใช่เจ้าแรก แต่ขอเป็นเบอร์แรก
“เราอาจไม่ใช่บริษัทผู้ผลิตแป้งเก่าแก่ที่สุดในไทย แต่เรา คือ ผู้นำด้านแป้งประกอบอาหารที่ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคยุคใหม่ให้ง่ายและสะดวกที่สุด”
สถาพร ไพศาลบูรพา ทายาทรุ่นที่ 2 แห่งบริษัท บูรพา พรอสเพอร์ จำกัด เจ้าของแป้งข้าวโม่น้ำสำเร็จรูปแบรนด์ “หมีคู่ดาว” เล่าถึงจุดยืนของธุรกิจให้ฟัง ก่อนจะเล่าถึงพันธกิจที่วันนี้ออกมาเปิดตัวแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากมุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตอย่างเดียวมานานกว่า 40 ปี
“ก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยได้ทำการสื่อสารแบรนด์ออกไปกับผู้บริโภคเลย แป้งหมีคู่ดาวจะเป็นที่รู้จักในฐานะของแบรนด์แป้งข้าวสำเร็จรูปเก่าแก่ที่คุณภาพดีและบอกต่อๆ กันมา เราคือ Local Brand ของชลบุรีและภาคตะวันออกแท้ๆ แต่ในวันนี้เราจะทำให้มากกว่าแค่คำว่าคุณภาพ แต่จะทำให้เป็นตราสินค้าที่ผู้คนทั่วไปชื่นชอบด้วย ไม่ใช่แค่ยี่ห้อบนถุง แต่คือ แบรนด์ๆ หนึ่งที่มีความตั้งใจดีในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ไม่หยุดนิ่งของผู้บริโภคทุกวันนี้”
โดยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่บ้าน บริษัทจึงได้ลองแตกไลน์สินค้าเป็นสูตรแป้ง DIY ออกมา เพื่อให้สามารถนำไปทำเป็นเมนูอาหารและขนมต่างๆ รับประทานได้ง่ายๆ ที่บ้าน จนกระทั่งต่อยอดมาสูตรการทำสูตรแป้ง Thai Street Food นำเสนอแป้งสำเร็จรูปเพื่อนำมาประกอบเมนูต่างๆ ของไทย อาทิ กล้วยทอด ขนมครก ขนมถ้วย ไก่ทอด เพื่อความสะดวกแก่พ่อค้าแม่ค้ายุคใหม่แบบครบจบในถุงเดียว ไปจนถึงการสร้างแป้งผสมกลูเตนฟรีสำหรับเบเกอรี จนได้รับรางวัลจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
“เราอาจไม่ใช่เจ้าแรกในอุตสาหกรรมผู้ผลิตแป้งของไทย ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีโนฮาวและแนวทางการเติบโตที่แตกต่างกันออกไป บางบริษัทอาจพัฒนาไปถึงแป้งทาหน้า ทาตัว แป้งตอกเม็ดยา แต่สำหรับเราๆ อยู่กับการผลิตแป้งที่ใช้ในการประกอบอาหารมานาน เราจึงขอมุ่งมั่นทำหน้าที่และพัฒนาในเส้นทางนี้ต่อไป ซึ่งเราไม่ได้มองแค่ตลาดในประเทศเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงในต่างประเทศ เช่น ร้านอาหารไทยต่างๆ หรือคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ เพื่อให้สามารถทำขนมไทยกินเองได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องบินมาถึงไทย แต่ก็มีขนมไทยกินได้ง่ายๆ ”
มองไปข้างหน้าเสมอ
โดยหากจะมองย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นของธุรกิจ สถาพรเล่าถึงการเติบโตของแบรนด์หมีคู่ดาวว่าสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ยุคด้วยกัน คือ 1.ยุคเริ่มต้นบุกเบิกและสร้างแบรนด์ ซึ่งเกิดขึ้นมาในสมัยของคุณพ่อของเธอ “พรชัย ไพศาลบูรพา” ซึ่งได้มองเห็นโอกาสของการผลิตแป้งข้าวโม่น้ำสำเร็จรูป ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในประเทศมาเลเซีย จึงก่อตั้งธุรกิจขึ้นมา เพื่อส่งออกไปขายยังตลาดต่างประเทศก่อน ภายหลังจึงนำกลับมาทำตลาดในประเทศ
ต่อมาเป็นยุคที่ 2 ซึ่งอยู่ในการดูแลของคุณแม่เธอ “ขนิษฐา ไพศาลบูรพา” ซึ่งเข้ามาดูแลกิจการเต็มตัวหลังจากที่สามีเสียชีวิตลง โดยสิ่งที่โดดเด่นของธุรกิจในยุคนั้น คือ การสร้างพื้นฐานมาตรฐานต่างๆ โดยถือเป็นโรงแป้งแห่งแรกๆ ของไทยก็ว่าได้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และ HACCP จนปัจจุบัน คือ ยุคที่ 3 อยู่ในการดูแลของเธอเอง โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญ 2 เรื่อง คือ 1. การยกระดับมาตรฐานสู่ระดับโลกให้มากยิ่งขึ้น 2. การพัฒนาคุณภาพสินค้าให้มีความหลากหลายแตกต่าง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ที่มากขึ้น
“สิ่งที่เราชาวหมีคู่ดาวยืดถือมาตลอดในการทำธุรกิจ คือ เรามักจะมองไปข้างหน้ากันอยู่เสมอว่าอะไรที่น่าจะเป็นสิ่งที่ลูกค้าและสิ่งที่ตลาดต้องการ เราจะทำไปเลยโดยไม่รีรอ เริ่มตั้งแต่ในยุคของคุณพ่อแล้ว ซึ่งท่านเลือกที่จะไปทำตลาดจากในต่างประเทศก่อน เพราะมีความต้องการของตลาดอยู่แล้ว จากนั้นจึงค่อยกลับมาทำตลาดในบ้านเรา ซึ่งสมัยนั้นผู้บริโภคส่วใหญ่ยังนิยมผลิตแป้งจากโม่หินกันอยู่เลย หรืออย่างในยุคของคุณแม่เองที่พยายามปูพื้นฐานมาตรฐานต่างๆ จริงๆ แล้วในยุคนั้นเราอาจไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้ เพราะก็ไม่รู้ว่าลงทุนไปจะได้คืนเมื่อไหร่ แต่คุณแม่ก็มีความเชื่อว่าทำให้คุณภาพดีไว้ก่อน ถ้ามีโอกาสเข้ามาเราก็สามารถไปต่อได้เลย ซึ่งปัจจุบันก็ได้กลายเป็นมาตรฐานที่โรงงานไหนๆ ก็ต้องมี
“พอมาถึงในยุคของตัวเองที่ต้องเข้ามาสานต่อเราจึงพยายามทำทุกอย่างที่คิดว่าผู้บริโภคต้องการ อย่างแป้งสำเร็จรูปของเรา เราอาจไม่ได้เป็นผู้ผลิตเพียงเจ้าเดียว แต่เราใส่ใจในการนำนวัตกรรมมาใช้ เรามีแผนก R & D ที่คอยพัฒนาให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด เช่น แป้งกล้วยทอด จากเดิมพ่อค้าแม่ค้าต้องนำน้ำปูนใสมาใช้ด้วย เพื่อให้แป้งแข็งกรอบตัวอยู่นาน แต่ของเขาเราคิดสูตรมาให้เลยโดยนำมาจากประสบการณ์ที่ได้รู้จักคุณสมบัติแป้งแต่ละชนิดมานานว่าต้องใช้แป้งอะไรสัดส่วนเท่าไหร่ ถึงจะทอดแล้วกรอบอร่อย อยู่ได้นาน โดยเราใช้แป้งอะไมโลสเข้ามาเป็นส่วนผสมทำให้กรอบได้นานยิ่งขึ้น หรือแม้แต่ถุงแป้งเองที่ปกติจะต้องมีการเจาะรูเล็กๆ เพื่อป้องกันความชื้น เราก็พัฒนาเครื่องจักรที่สามารถดูดความชื้นออกไปได้ ทำให้ไม่ต้องมีฝุ่นแป้งออกมาเลอะเทอะเหมือนอย่างเดิม ซึ่งเราถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำเรื่องนี้ขึ้นมาเลย” สถาพรกล่าว
สถาพร และคุณแม่ (ขนิษฐา ไพศาลบูรพา)
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์แป้งข้าวโม่น้ำสำเร็จรูปของแบรนด์หมีคู่ดาวมีสินค้ารวมกว่า 20 ชนิดด้วยกัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. แป้งพื้นฐาน ได้แก่ แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งมัน สาคู แป้งข้าวออร์แกนิกส์ 2. กลุ่มแป้ง DIY ได้แก่ ผลิตภัณฑ์แป้งสำเร็จรูปต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมาในคอนเซปต์ Thailand Street Food ได้แก่ แป้งไก่ทอด แป้งกล้วยทอด ขนมครก ขนมถ้วย
โดยนอกจากการตั้งโรงงานผลิตในไทยแล้ว บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ จำกัด ยังมีฐานโรงงานการผลิตในประเทศกัมพูชาและอินโดนีเซียด้วย
“เรามองว่าตลาดในต่างประเทศยังมีโอกาสเติบโตอยู่มาก โดยเฉพาะในโซนเอเชียบ้านเรา เพราะการบริโภคแป้ง คือ วัฒนธรรมของคนเอเชีย ซึ่งเดิมเราอาจเป็นผู้ผลิตเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันเราจะทำให้เขารู้จักแบรนด์ของเรามากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าเราจะเป็น “Asean Value, Global Quality” นำคุณค่าจากไทยสู่อาเซียนและตลาดโลก ซึ่งเรามองยังมีตลาดอยู่อีกมากสำหรับคนกินแป้ง เพราะแป้งเพียงชนิดเดียว จริงๆ สามารถนำไปผลิตได้หลากหลาย เช่น แป้งสาคู บ้านเราอาจนำไปทำเป็นขนมสาคูไส้หมู แต่ญี่ปุ่นอาจเอาไปใส่ในพุดดิ้งมะพร้าว จีนอาจเอาไปใส่แทนไข่มุกในชานมไข่มุกกินหน้าร้อน ฟิลิปปินส์เอาไปทำเป็นสแน็กแทนหนังไก่ทอด หรืออเมริกานำไปผลิตเป็นอาหารสุนัขและแมว เพราะเป็นกลูเตนฟรีไม่มีสารก่อภูมิแพ้ก็ได้ ทำให้การผลิตแป้งของเราก็ต้องแตกต่างกันออกไป เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ให้ได้” ผู้บริหารแป้งข้าวสำเร็จรูปหมีคู่ดาวกล่าวทิ้งท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี