จาก Eco Shop ถึง Divana Urban Forest ภาคต่อธุรกิจสายกรีนของ “นุ่น –ศิรพันธ์” ในวันที่เติบโตแข็งแรงขึ้นกว่าเก่า

TEXT / PHOTO : นิตยา สุเรียมมา





     เรียกว่าเป็นนางเอกน้ำดีระดับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย สำหรับ “นุ่น –ศิรพันธ์ วัฒนจินดา” ดารานักแสดงผู้มากความสามารถจนได้รับรางวัลการแสดงยอดเยี่ยมมากมายมาครอง แต่นอกจากการทำงานในวงการบันเทิงแล้ว ชีวิตอีกด้านหนึ่งเธอยังโดดเด่นในการเป็นผู้ใส่ใจและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม จนมีกิจการเล็กๆ เป็นร้านขายสินค้าดีไซน์แนวรักษ์โลกของตัวเองขึ้นมาในชื่อว่า “Eco Shop” ร่วมกับ “ท็อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร” สามี ผู้ซึ่งเป็นทั้งนักแสดงและ Eco Designer ที่นำพาเธอให้มารู้จักกับโลกสายกรีน


      แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนกระแสสินค้าอีโค่ในเมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยมมากเท่ากับทุกวันนี้ จึงทำให้ต้องหยุดพับกิจการเอาไว้ก่อน กระทั่งในวันนี้เมื่อผู้บริโภคเปิดกว้างมีความรู้ความเข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น บวกกับการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องของสินค้าแนวรักษ์โลก จึงเป็นช่วงเวลาพอเหมาะพอดีให้ธุรกิจได้เริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้ง  ซึ่งครั้งนี้เธอไม่ได้เดินลำพังเพียงคนเดียว แต่ยังได้พี่เลี้ยงเป็นถึงกรูรูธุรกิจมืออาชีพอย่าง Divana สปาระดับพรีเมียมมาช่วยแนะแนวทางให้ด้วย จนเกิดเป็นโปรเจกต์ร่วมกันขึ้นมาภายใต้ชื่อแบรนด์ “Divana Urban Forest” ผลิตภัณฑ์ของใช้ภายในบ้านที่ใส่ใจทั้งผู้บริโภค ผู้ผลิต และสิ่งแวดล้อม



 

จากนิช มาร์เก็ต สู่แมส โปรดักต์
 

     “จริงๆ เราทั้งคู่มีความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ในชีวิตประจำวันของเราเองก็พยายามรบกวนหรือเบียดเบียนธรรมชาติให้น้อยที่สุด ซึ่งเราพยายามคิดเรื่องพวกนี้อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ไม่ได้ทำ Eco Shop แล้ว แต่เราก็ยังมีแพสชั่นไม่เปลี่ยน เพื่อตั้งใจขับเคลื่อนบางอย่างให้เกิดขึ้น แต่ครั้งนั้นอาจเรียกว่าเรามาก่อนเวลาก็ว่าได้ ผู้บริโภคในยุคนั้นยังไม่เปิดรับเท่ากับทุกวันนี้ อีกอย่างสินค้าที่เราทำตอนนั้นส่วนใหญ่เป็นพวกงานดีไซน์ที่มีความเป็นนิชมากๆ ด้วย พอดีมานด์กับซัพพลายไม่สอดคล้องกัน ยังไงสินค้า Eco ก็ต้องขายแพงกว่าอยู่แล้ว จึงยากที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อได้ง่าย


     “แต่พอมายุคนี้เรามองว่าเป็นช่วงเวลาที่คนได้รับความรู้และหันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไปจนถึงเรื่องการแบ่งปันต่างๆ ทุกคนอยากมีส่วนร่วมทำสิ่งดีๆ เพื่อคนอื่น เลยเป็นโอกาสดีที่เราจะทำอะไรขึ้นมา ซึ่งถือเป็นเรื่องบังเอิญมากๆ ที่เราได้มาทำโปรเจกต์นี้ร่วมกับพี่ๆ ที่ Divana (พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ และธเนศ จิระเสวกดิลก) จากได้พูดคุยกันถึงสิ่งที่สนใจ จนสุดท้ายก็พบว่าสิ่งที่เราคิดนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะคุณภาพชีวิตจะดีได้ ก็ต้องมาจากสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วยเช่นกัน เราจึงจับมือกันร่วมทำโปรเจกต์ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า Divana Urban Forest เพื่อเป็นตัวแทนถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างป่าและเมือง ซึ่งก็คือ คุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองและสิ่งแวดล้อมนั่นเอง ” นางเอกสาวเล่าที่มาให้ฟัง


      โดยศิรพันธ์เล่าว่าสิ่งที่เธอได้รับครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่โอกาสได้ทำธุรกิจในฝันขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังเป็นการเปิดมุมมองการทำธุรกิจที่กว้างขึ้น ทำให้มองเห็นว่าหนทางเดินไปสู่เป้าหมายที่ได้วางไว้นั้น ไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียวเสมอไป
               

     “แต่ก่อนเราคิดกันแค่สองคน ทำเป็นสินค้าดีไซน์ขายแบบนิช มาร์เก็ต คนใช้ก็แค่กลุ่มหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากการทำงานครั้งนี้ คือ ได้เปลี่ยนมุมมองการทำธุรกิจของตัวเองใหม่ “ถ้าทำของดีแล้ว แต่ขายไม่ได้ อิมแพคจะเกิดไหม” นี่คือ สิ่งที่พี่ๆ ที่ Divana บอกกับเรา ทำให้คิดย้อนไปได้ว่าต่อให้เราทำสินค้าที่ดีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดีไซน์เจ๋งมากแค่ไหนก็ตาม มีการการันตีว่าไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่คนซื้อแค่ 1 คน ประโยชน์ที่ได้ก็ย่อมน้อยกว่า แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนมาทำสินค้าที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซื้อได้ง่าย และจำเป็นต้องใช้อยู่แล้วในชีวิตประจำวัน จากคนซื้อแค่คนเดียว เราอาจขายได้จำนวนเพิ่มมากขึ้น อิมแพคที่เกิดก็มากกว่าสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นกับโลกได้มากกว่า ซึ่งตอนนี้นุ่นมีครอบครัวแล้ว มีบ้านของตัวเอง เราจึงเลือกที่จะคิดจากง่ายๆ เริ่มจากตัวเอง โดยทำผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านขึ้นมาก่อน เพราะถือว่าตรงกับช่วงชีวิตของเรามากที่สุดแล้วในตอนนี้ด้วย”



 

“ผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม ชุมชน” 3 หัวใจหลักสู่ธุรกิจยั่งยืน
 
               
     โดยในกระบวนการทำงานนางเอกสาวเล่าว่าเธอรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลโปรเจกต์เป็นหลัก ตั้งแต่การเริ่มต้นคิดว่าจะทำผลิตภัณฑ์อะไรดี ไปจนถึงการคัดเลือกชุมชน การทำประโยชน์เพื่อสิ่งแวดล้อม โดยมีทาง Divana เป็นผู้คอยให้คำปรึกษาด้านการทำตลาด และโมเดลธุรกิจ
               

     ซึ่ง 3 สิ่งสำคัญที่เธอนำมาใช้เป็นแกนหลักในการตัดสินใจสร้างสินค้าขึ้นมาสักชิ้นหนึ่ง ได้แก่ 1. ผู้บริโภค จะต้องได้รับประโยชน์ 2. จะต้องส่งผลดีกับสิ่งแวดล้อม และ 3. สามารถช่วยเหลือชุมชนได้
               

     “ไม่ว่าจะทำอะไรขึ้นมา เราจะมองจาก 3 แกนนี้เป็นหลัก และต้องทำให้ครบทุกองค์ประกอบ โดยไม่จำเป็นว่าต้องเริ่มจาก 1, 2, 3 เสมอไป อาจเริ่มขึ้นมาจากเราไปเจอชุมชนหนึ่งน่าสนใจมาก แล้วอยากร่วมงานด้วยก่อนก็ได้ และจึงค่อยมาคิดย้อนว่าจะทำสินค้าอะไรออกมาดีที่มีประโยชน์กับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมด้วยก็ได้ หรืออาจเริ่มจากการหารูปแบบสินค้าที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อผู้บริโภคขึ้นมาก่อน ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องตายตัว ขอแค่มีให้ครบทั้ง 3 องค์ประกอบ จริงๆ ตอนทำ Eco Shop เราก็คิดแบบนี้นะ เพียงแต่ไม่ได้ส่งผลลัพธ์ให้มองเห็นชัดเหมือนอย่างนี้”



 

เริ่มต้นง่ายๆ ได้ที่บ้าน
 

     โดยผลิตภัณฑ์ 4 ตัวแรกที่ทำออกมาภายใต้แบรนด์ Divana Urban Forest จะเป็นกลุ่มของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เน้นชูจุดเด่นในด้านรักษ์โลก 99 เปอร์เซ็นต์ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติและสารที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผู้ใช้ และที่สำคัญ คือ มีกลิ่นหอมระดับสปา ภายใต้คอนเซปต์ Home Spa Series ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์ล้างจาน 2. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น 3. ผลิตภัณฑ์ซักผ้า และ 4. ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม โดยมอบหมายให้กับวิสาหกิจชุมชนไอริช จังหวัดสมุทรปราการเป็นผู้ผลิตให้


      “ที่เราเลือกที่นี่เป็นชุมชนแรกที่ทำงานด้วย เพราะเราชอบในแนวคิดที่เขาให้โอกาสเด็กที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา คือ ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา สามารถเข้ามาทำงานได้ด้วย อีกเรื่อง คือ ความรับผิดชอบต่อสังคม ถึงที่นี่จะเป็นแหล่งผลิตเล็กๆ แต่ก็มีการทำระบบกำจัดน้ำเสียของตัวเอง โดยสร้างเป็นถังกักเก็บน้ำเสียเอาไว้ ก่อนให้รถนำไปสูบทิ้ง ไม่ได้ปล่อยทิ้งออกมาเลยให้เป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม


     “ซึ่งการที่เราทำงานกับชุมชน ไม่ได้หมายความว่าทุกๆ ผลิตภัณฑ์ของเราจะต้องทำกับชุมชนเท่านั้น แต่เราจะทำงานในหลายๆ มิติ เพื่อให้เกิดประโยชน์ครบทั้งสามด้านอย่างที่ได้วางไว้ บางชุมชนเราอาจให้เขาเป็นผู้ผลิตให้ แต่บางชุมชนเราอาจสนับสนุนด้วยการส่งเสริมให้เขาปลูกพืชสมุนไพรที่ไม่ใช้สารเคมี ซึ่งนอกจากจะได้วัตถุดิบที่ดีมาผลิตสินค้าให้แก่ผู้บริโภคแล้ว ในทางอ้อมยังได้ช่วยบำรุงดิน ไม่สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นด้วย”


      สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าของแบรนด์ Divana Urban Forest Divana เบื้องต้นปัจจุบันยังจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ก่อน อนาคตอาจนำไปวางตามห้างสรรพสินค้า และร้านค้าสุขภาพอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย โดยนางเองสาวนุ่น - ศิรพันธ์ได้เกริ่นฝากบอกเอาไว้ว่า


      “ในอนาคตเราไม่ได้จะหยุดอยู่แค่ 4 ผลิตภัณฑ์นี้เท่านั้น ต่อไปเราอาจจะมีของกิน เช่น ซีเรียล หรือสแน็กไว้กินเล่น หรือเป็นอะไรก็ได้ที่ต้องใช้อยู่ในบ้านในชีวิตประจำวัน เพราะเราอยากเป็นส่วนหนึ่งในคุณภาพชีวิตที่ดีของบ้านคุณ” เธอกล่าวทิ้งท้ายไว้พร้อมกับรอยยิ้มและแววตาที่สดใสเป็นประกาย





 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย