ทายาทบริษัทนำเข้าอำลาธุรกิจกงสี แจ้งเกิดแบรนด์ “Clear Nose” ครีมกำจัดสิวขายดีใน 7-11

TEXT : กองบรรณาธิการ
PHOTO : Clear Nose




               

       ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสกินแคร์ ทั้งเซรั่ม โฟมล้างหน้า ครีมรองพื้นที่ดูแลผิวและลดปัญหาสิว ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Clear Nose”  (เคลียร์โนส) ซึ่งวางขายในราคาแค่หลักสิบอยู่ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และ 24 Shopping คือผลงานของชายหนุ่มที่ชื่อ “ณรัฐ หาญคำภา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นอาร์พีแอล เอเชีย จำกัด ทายาทบริษัทนำเข้าที่หันมาเอาดีกับธุรกิจเครื่องสำอางและสกินแคร์ จนมีสินค้าวางขายอยู่ในร้านดังทั้งในออนไลน์และออฟไลน์ในวันนี้

 



 

       อำลากงสีมาแจ้งเกิดธุรกิจใหม่


     “ณรัฐ” เป็นทายาทบริษัทนำเข้ารายใหญ่ เขาเรียนผมจบมาทางไฟแนนซ์ หลังเรียนจบก็มีโอกาสได้ทำงานกับธุรกิจครอบครัวซึ่งบริหารในระบบกงสีอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ใจเขาอยากออกมาทำธุรกิจของตัวเอง อยากสู้ด้วยลำแข้งมากกว่า จึงเลือกที่จะอำลาธุรกิจกงสีเพื่อมาเอาดีกับธุรกิจที่ปลุกปั้นขึ้นมาด้วยสองมือ นั่นคือเครื่องสำอางสกินแคร์ที่กำจัดสิวเสี้ยนบนใบหน้า โดยเห็นโอกาสจากเมื่อ 10 ปีก่อนที่สินค้าประเภทนี้ยังมีน้อยในเมืองไทย ขณะที่ในต่างประเทศเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูมาก หลังมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง  จึงเห็นโอกาสที่จะนำสินค้าประเภทนี้เข้ามาจำหน่ายที่เมืองไทย
                  

       “เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เวลาผมไปต่างประเทศก็จะเห็นสินค้าพวกนี้เยอะมาก ก็รู้สึกว่าในเมืองไทยยังไม่ค่อยมี ถ้าลูกค้าได้ลองใช้ก็น่าจะชอบ พอลองมาทำตลาดดูปรากฎว่าได้รับการตอบรับดีมาก ตัวแรกที่ทำตลาดเป็นผลิตภัณฑ์สิวเสี้ยนที่จมูก ซึ่งตอนนี้มีสินค้าอยู่ในตลาดประมาณ 20 รายการแล้ว” 
               

      นั่นคือที่มาของแบรนด์ Clear Nose  ที่เริ่มจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากต่างประเทศเข้ามาขายในไทย ก่อนขยายไลน์มาผลิตในประเทศ เพื่อทำให้ต้นทุนลดลง โดยหวังว่าจะส่งผลต่อราคาที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถจับต้องและเข้าถึงได้มากขึ้น  โดยที่คุณภาพยังคงเดิม



      

 

             ปรับสินค้าลงซองนำพาของคุณภาพให้เข้าถึงลูกค้าผ่าน 7-11

               

      หลังจากนำสินค้าจากต่างประเทศมาทำตลาดที่เมืองไทยผ่านช่องทางคอนวีเนียน สโตร์ และร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความสวยความงาม เขาพบว่าในช่วงแรกตลาดไปได้ดี แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ และราคาค่อนข้างสูงคือชิ้นละไม่ต่ำกว่า 800 บาท แต่ยังขายดิบขายดี ชนิดที่สั่งมาเท่าไหร่ก็ขายหมด


       ทว่าช่วงหลังยอดขายเริ่มลดลง จากปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอย กำลังซื้อคนไม่ค่อยมี โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างเครื่องสำอาง ที่ไม่ตอบโจทย์กลุ่มคนรายได้น้อย และกลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำ โดยเฉพาะ วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของพวกเขา นั่นเองที่ทำให้ณรัฐตัดสินใจปรับเกมรบใหม่   
               

       “โจทย์ของเราคือ เรามีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษาที่มีปัญหาสิวเสี้ยนบนใบหน้าและความสวยความงาม แต่คนกลุ่มนี้ยังไม่มีรายได้ ฉะนั้นเมื่อราคาขายเรายังสูง จะทำอย่างไรให้สินค้าของเราตอบโจทย์เขาได้ เราจึงมองไปที่ร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่น อีเลฟเว่น และหาวิธีที่จะนำสินค้าของเราเข้าไปขายในเซเว่นให้ได้” เขาเล่า
               

        เกมยุทธใหม่คือยุติการนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปมาจำหน่าย 100 เปอร์เซ็นต์  แล้วหันมาสร้างโรงงานผลิตในประเทศแทน โดยนำเข้าเพียงวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตเท่านั้น เพื่อให้ต้นทุนการผลิตลดลง จะได้จำหน่ายในราคาที่ถูกลงได้ ที่มาของครีมแบบซองที่วางขายอยู่ในร้านดังอย่างเซเว่น อีเลฟเว่น และ 24 Shopping




               

 

จากสินค้าหลักร้อยสู่ของราคาหลักสิบเข้าถึงคนได้มากขึ้น



      Clear Nose  นำผลิตภัณฑ์จำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เขาบอกกลยุทธ์ว่า ทำสินค้าให้เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อย  ไม่ได้หวังกำไรต่อชิ้นมากนัก แต่เน้นการกระจายสินค้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง จากราคาหลักร้อย เมื่อเข้ามาขายในเซเว่น ก็ขยับมาอยู่ที่เพียงชิ้นละ 49 บาทเท่านั้น
               

       “เรายอมที่จะทำกำไรน้อยลงคือชิ้นละไม่กี่บาท แต่ทำให้สินค้ากระจายได้ทั่วถึงมากขึ้น เพราะถ้าเรายังขายแพงอยู่ทุกคนก็คงซื้อไม่ไหว  แต่ถ้าลูกค้าลองใช้ขนาดเล็กแล้วเกิดติดใจ เขายังสามารถไปหาซื้อสินค้าของเราที่เป็นไซส์ใหญ่ในช่องทางอื่นได้ นี่คือสิ่งที่เราคาดหวัง” เขาบอก


       แม้จะทำธุรกิจมาอย่างราบรื่น แต่เมื่อต้องเจอกับวิกฤตโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ณรัฐ ยอมรับว่าการทำงานต่างๆ ยากขึ้นมาก ไม่ว่าจะในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ รวมถึงกระบวนการทำงานต่างๆ ในวิถี New Normal ที่ต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพอนามัยมากขึ้น ซึ่งคงเป็นเหมือนกันในทุกธุรกิจ แต่พวกเขาก็ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจให้ไปต่อ เวลาเดียวกันยังได้ช่วยคนในชุมชนโดยมีการจ้างงานคนในชุมชน 100 เปอร์เซ็นต์ และไม่มีการปลดพนักงาน แม้ในสถานการณ์ที่เรียกว่าวิกฤต 
              

       “โควิดทุกอย่างมันยากไปหมด แต่ผมมองว่ามันเป็นโอกาสของการปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ เพราะถ้าไม่มีวันนี้เราคงไม่ได้ปรับตัว” เขาบอกในตอนท้าย
               

        และนี่คือเรื่องราวของคนขายครีม ที่เลือกปรับตัวเองเพื่อนำพาสินค้าไปสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง และพยายามดำรงธุรกิจให้คงอยู่ เพื่อรักษาการจ้างงาน และคำมั่นที่มีต่อลูกค้า
 

 


 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย