“ศรีประสงค์ ทรัคแอนคอนเทนเนอร์” บริษัทขนส่งสินค้ากว่า 50 ปี พลิกสู่โลจิสติกส์ครบวงจรในยุคของทายาท

TEXT : กองบรรณาธิการ
PHOTO : ศรีประสงค์ ทรัคแอนคอนเทนเนอร์





     เป็นเวลากว่า 50 ปี ที่ “บริษัท ศรีประสงค์ ทรัคแอนคอนเทนเนอร์ จํากัด” หรือชื่อเดิมคือ “หจก.ศรีประสงค์ ขนส่ง” ได้ให้บริการด้านการขนส่งสินค้าให้กับผู้นำเข้า-ส่งออก โดยเฉพาะผู้ส่งออกรายใหญ่ในแต่ละอุตสาหกรรม ตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงสินค้าสำเร็จรูป เช่น กลุ่มเครื่องจักรหนัก อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง หนังสัตว์ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ เชื่อมต่อการขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ และอากาศ  โดยมีฐานทัพอยู่ที่ริมถนนพระราม 2 จังหวัดสมุทรสาคร
               

      หลังเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาการออกแบบอุตสาหกรรม (Industrial Design) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี “ท็อป-ศิวัจน์ ศรีวีระโรจน์” ทายาทรุ่น 2 บริษัท ศรีประสงค์ ทรัคแอนคอนเทนเนอร์ จํากัด ได้เข้ามาช่วยกิจการของครอบครัว เป้าหมายของเขาคือหาวิธีช่วยให้การทํางานของบริษัทมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ใช้เทคโนโลยีและวิธีการใหม่ๆ มาทำให้การบริหารงานกระชับและลื่นไหลขึ้น ตลอดจนสร้างชื่อเสียงของ “ศรีประสงค์” ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าวงกว้างขึ้นในยุคของเขา



                               
               
เติมเต็มประสิทธิภาพธุรกิจรุ่นเก่าด้วยเทคโนโลยี


      ในวันที่เข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัว เขามองเห็นการแข่งขันที่สูงขึ้นของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการลงมาเล่นสงครามราคาค่าขนส่ง ทั้งบริษัทรายใหญ่ บริษัทในไทยและข้ามชาติ ขณะที่เขามองเห็นจุดแข็งของธุรกิจครอบครัวที่อยู่มานานถึงกว่า 50 ปี  และมีฐานลูกค้าที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง จึงมองหาศักยภาพใหม่ๆ ที่จะมาเติมเต็มและสร้างโอกาสให้กับธุรกิจครอบครัวในวันนี้


     โดยจากบริการที่มุ่งเน้นลูกค้าที่เป็นผู้นําเข้าและส่งออก ครอบคลุมการขนส่งแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าหนัก เบา เหล็ก ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งขนส่งโดยรถยนต์ 6 ล้อ 10 ล้อและรถเทรลเลอร์ บริการรถหัวลากและหาง ในปี 2560 พวกเขาได้ขยายมาสู่การให้บริการจองเรือ Freight Forwarder (ตัวแทนของผู้ส่งสินค้า) บริการชิปปิ้ง และดําเนินการด้านศุลกากรอย่างครบวงจร เพื่อรองรับตลาดผู้ส่งออกรายใหม่ๆ  


     “เราโชคดีที่ได้พาร์ตเนอร์เป็นสายเดินเรือที่ค่อนข้างใหญ่ ผมได้คุยกับเขาโดยตรงว่า เรามีธุรกิจครอบครัวที่เป็นกลุ่มโลจิสติกส์ทางบกค่อนข้างกว้าง เป็นขนส่งขนาดใหญ่อยู่ ทางสายเดินเรือเขาก็เสนอว่าเราควรจับมือกัน แล้วทำให้เป็นบริการโลจิสติกส์ที่ครบวงจร โดยการขนส่งทางเรือนับเป็นวิธีการขนส่งที่ได้จำนวนเยอะที่สุด ราคาถูกที่สุด ในการขนส่งข้ามประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ศรีประสงค์เองก็ไม่ได้ทำธุรกิจที่เชื่อมกับทางสายเรือมาก่อน พอได้ตรงนี้มาก็สามารถไปนำเสนอเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้ ด้วยบริการที่ครบวงจร คือมาที่เราที่เดียวสามารถรับบริการที่เป็น One Stop Service ได้เลย”


     นอกจากในเรื่องเส้นทางและสถานีในการขนส่งแล้ว หัวใจหลักของธุรกิจนี้ คือ รถยนต์ เครื่องมืออุปกรณ์ รวมถึงคนขับรถ ซึ่งพวกเขาให้ความสําคัญและมีการปรับปรุงพัฒนาอยู่เสมอ ทั้งทยอยเปลี่ยนหัวรถใหม่ ปรับปรุงเทคโนโลยีที่มีความสําคัญ เช่น ระบบ GPS และ GPS tracking ระบบติดตามตัวรถ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยําในการติดตามสินค้า รวมถึงยังมีการนําระบบการรับ-จ่ายเงินอัตโนมัติเข้ามาใช้ในการ ชําระค่าใช้จ่าย เช่น ค่าผ่านทาง ค่ารับตู้ ค่าคืนตู้เปล่า ฯลฯ และมีแนวคิดที่จะเชื่อมระบบนี้เข้ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศุลกากร ท่าเรือ ฯลฯ อีกด้วย นอกจากยังเปลี่ยนให้พนักงานขับรถใช้ Smart Phone ในการติดต่อสื่อสาร ทั้งอํานวยความสะดวกในเรื่องการโอนเงิน การส่งตําแหน่งรถ-สินค้าที่ขนส่ง การถ่ายภาพสินค้าให้ลูกค้าเมื่อมีการติดตาม เป็นต้น



 

ปรับการบริหารจัดการให้กระชับ ทำงานลื่นไหลยิ่งกว่าเก่า


     ในส่วนของการบริหารจัดการ ศรีประสงค์มีการใช้โปรแกรมบัญชีและระบบการจัดการที่สามารถเก็บข้อมูล ทั้งทีมงานคนขับรถ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ออกใบเสร็จ ทํารายงาน และสามารถใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์ลูกค้า นอกจากนี้ยังพัฒนาปรับปรุงช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งทาง Website และ Facebook ซึ่งยังใช้เป็นช่องทางรับสมัครพนักงานเพื่อเป็นด่านแรกในการทดสอบการใช้เทคโนโลยีในเบื้องต้นได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขากำลังทยอยทํา เพื่อให้กิจการของครอบครัวยังสามารถดําเนินธุรกิจได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในยุคที่ท้าทายนี้


     “ผมมองว่า หลายเรื่องมันเป็นปัญหาที่เราต้องเจออยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว อย่าง ระบบ GPS ติดตามรถมันทำให้เราสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้เลยว่า ตู้สินค้าจะถึงเมื่อไหร่ จะได้ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ปัญหาตรงนี้ผมมองว่ามันมีอยู่แล้ว ทุกวันเราเจอกับปัญหา อยู่ที่ว่าเราจะแก้ไขแล้วทำให้มันลงตัวได้อย่างไรมากกว่า แล้วระบบตรงนี้มันจะช่วยทำให้ปัญหาต่างๆ เบาลงได้ เทคโนโลยีเป็นทางเลือกที่เรานำเข้ามาใช้ให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงตัวกรองให้กับธุรกิจของเราด้วย อย่างเช่น การรับสมัครคนขับรถ สมัยก่อนเราจะมีป้ายปิดประกาศหน้าบริษัทอย่างเดียวแล้วให้คนเดินเข้ามาสมัคร แต่ยุคนี้มันมีกลุ่มใน Facebook ที่เราสามารถกรองเบื้องต้นได้เลยว่า พนักงานคนนั้นใช้เทคโนโลยีได้แค่ไหน ใช้ภาษาอังกฤษได้ขนาดไหน ก่อนที่จะเรียกเข้ามาสัมภาษณ์งาน เป็นต้น ” เขาเล่า


     เทคโนโลยีใหม่ๆ มาผนึกรวมกับความเชี่ยวชาญ บริการอย่างมืออาชีพและดีที่สุดของธุรกิจรุ่นเก่า ที่รักษาความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ามายาวนานกว่า 5 ทศวรรษ จึงช่วยเพิ่มแต้มต่อให้กับธุรกิจของพวกเขาได้มากขึ้น



 

หัวใจของการเชื่อมต่อธุรกิจ คือการใฝ่รู้และเปิดใจของคนรุ่นใหม่


     บริษัท ศรีประสงค์ ทรัคแอนคอนเทนเนอร์ มีพนักงานอยู่ประมาณ 35-40 ราย โดย 90 เปอร์เซ็นต์ในนี้คือคนรุ่นเก่า มีเจเนอเรชั่นใหม่แค่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คือทายาทอย่าง ศิวัจน์ ซึ่งการทำงานให้คนรุ่นก่อนยอมรับ เขาบอกว่าอาศัยลงไปทำงานคลุกคลีใกล้ชิด กับทั้งทีมช่างและพนักงานขับรถ ไปไถ่ถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงาน เพื่อให้รู้ปัญหาที่แท้จริง จะได้หาแนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง


      “ผมไม่ได้เข้ามาแบบลูกเถ้าแก่ ผมอาจจะทำแบบลูกเถ้าแก่ก็ได้นะ แต่มองว่ามันไม่ยั่งยืน และคุณจะต้องเก่งมากๆ ในระดับหนึ่งเลยถึงจะทำแบบนั้นได้ แต่ผมเชื่อว่ามนุษย์เรามันต้องพัฒนาขึ้น ต้องชนะใจคน มันถึงจะโตไปด้วยกัน โดยที่เราไม่ต้องพลาดอะไรไป” เขาบอก


     ในมุมมองของทายาทรุ่นใหม่ที่เข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัว เขาบอกว่าต้องอดทน ยิ่งการทำงานที่ยังอ่อนประสบการณ์จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ และพิสูจน์ตัวเอง ทั้งยังต้องอาศัยคนที่คอยบอกให้รู้ว่าต้องทำอะไร อย่างไร ทายาทรุ่นใหม่จึงต้องยอมรับและเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนรุ่นเก่า


     “อย่างรุ่นคุณพ่อเราหรือรุ่นที่เขาทำมาก่อน เขาอาจจะไม่ได้เก่งเทคโนโลยีมากมาย แต่เขามีเจตนาที่ดี และมีประสบการณ์ที่ดีมากๆ ที่จะคอยบอกเล่าให้เราฟัง เพียงแต่ว่าเรามีคำถามที่ดีพอหรือยังที่จะถามเขา เพื่อให้ได้คำตอบที่เราต้องการกลับมา ผมเข้าใจว่ายุคนี้เป็นอะไรที่เร็วมาก แต่ถ้าคุณอยากโตไปด้วยกัน คุณก็ต้องเอาทั้งคนเก่าและคนใหม่มาหลอมรวมกัน แล้วไปด้วยกันมันถึงจะไปได้ดี และไม่พลาดในสิ่งที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน
               

      ในการทำธุรกิจครอบครัว ความเป็นคนรุ่นใหม่กับความเป็นคนรุ่นเก่าต้องเอามาเชื่อมต่อกันให้ได้ สำหรับผมมันเป็นอะไรที่สนุกมาก เพียงแต่ว่าเราต้องจับประเด็นให้ดีๆ เพราะว่าในช่วงแรกเราอาจจะจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก แต่มันเป็นอะไรที่สนุก เป็นประสบการณ์ใหม่ และท้าทาย อยากให้ทายาททุกคนลองตั้งสติและคิดสักนิดว่า ถึงเราจะไปโวยวายกับคนรุ่นเก่าก็ไม่มีผลกระทบอะไรหรอก แต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่าสุดท้ายแล้วเราสามารถเอาวิชาความรู้จากเขามาได้มากแค่ไหน ตรงนั้นต่างหากที่สำคัญ” เขาบอกในตอนท้าย





     นี่คือเรื่องราวของทายาทธุรกิจที่เชื่อในการทำงานแบบมีส่วนร่วม ของทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ เชื่อว่าวันเวลาที่ผ่านไปจะค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์ให้เขาเก่งกล้าขึ้น สามารถรับงานที่ใหญ่ขึ้น สร้างการยอมรับให้กับลูกค้าได้มากขึ้น เพื่อสานต่อธุรกิจครอบครัวให้เติบโตและแข็งแกร่ง ก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่สะดุดในยุคของทายาทอย่างพวกเขา
 





 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย