PHOTO : ครีมไก่ชน Dr.Jay
เพราะความสวยความงามเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร จึงไม่แปลกที่หลายคนจะแสวงหาผลิตภัณฑ์หรือวิธีการทำให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอ แต่จะเป็นยังไงหากไม่ได้มีเพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่ต้องการ แต่เหล่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ก็ต้องการไม่แตกต่างกันด้วย เหมือนเช่นกับ “ครีมไก่ชน Dr.Jay” ก็ใครเลยจะคิดว่าอยู่ดีๆ วันหนึ่งในท้องตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของไทยจะล้ำหน้าถึงขั้นมีครีมบำรุงผิวสำหรับไก่ชนออกวางจำหน่ายด้วย
จากผิวคน สู่ผิวไก่
ที่มาของเรื่องเริ่มต้นขึ้นมาจากด็อกเตอร์หน้าหนุ่ม ในวัย 50 ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสกินแคร์ รวมถึงทำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางออกมาจำหน่ายภายใต้แบรนด์ชื่อ “Botanica by Dr.Jay” มานานกว่า 8 ปี อยู่ดีๆ วันหนึ่งในช่วงวิกฤตโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา เขาจะได้มีโอกาสทดลองคิดค้นสูตรครีมบำรุงผิวสำหรับไก่ชนขึ้นมาโดยบังเอิญ
“จุดเริ่มต้นจะเรียกว่ามาจากเรื่องบังเอิญก็ได้ คือ ตอนนั้นเพื่อนที่รู้จักกันมาปรับทุกข์เรื่องธุรกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ค่อนข้างมาก และบังเอิญเขาเลี้ยงไก่ชนอยู่แล้วด้วย เลยเล่าให้ฟังว่าไก่ที่เลี้ยงอยู่อาการก็ไม่ค่อยดี ลองใช้ยามาสารพัดแล้วก็ไม่ดีขึ้น คงต้องปลดระวางเร็วๆ นี้ พอเราได้ฟังก็เลยบอกเขาว่าให้ลองส่งไก่มาให้ดูก่อน แล้วเดี๋ยวช่วยทำยาบำรุงให้ ต้องเท้าความก่อนว่านอกจากมีความรู้ด้านสกินแคร์แล้ว ผมยังทำงานด้านการคิดสูตรสารอาหารและไวตามินมานานกว่า 25 ปีด้วย
“ตอนแรกเขาก็ไม่ได้เชื่ออะไรมาก เพราะยาขวดละพันก็เคยซื้อมาลองแล้ว ก็ไม่หาย แต่คิดว่าไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ลองดูหน่อยก็คงไม่เป็นไร ผลปรากฏว่าลองกินไปแค่ 2 - 3 วัน อาการไก่กลับดีขึ้น พอผ่านไปหนึ่งอาทิตย์อยู่ดีๆ ก็สามารถกลับมาขันได้จากที่เคยซึมๆ เดินตัวงอๆ ไม่ขัน จนในที่สุดขนก็กลับมาสวยสุขภาพดี แถมยังเอากลับไปตีได้ด้วย เขาเลยช่วยเอาไปบอกต่อในกลุ่มของเซียนไก่ชน
ซึ่งพอเราได้รู้จักคนเลี้ยงไก่ชนมากขึ้น ก็ได้คุยกับพวกเขาว่ามีปัญหาอะไรอีกบ้าง ก็มีคนเล่าให้ฟังว่ามีเรื่องปัญหาแผลหลังจากตีเสร็จแล้ว ซึ่งปกติเขาจะใช้อยู่แค่น้ำมันมวย เคาน์เตอร์แพน นวดบำรุง และเบตาดีนใส่แผล ซึ่งก็ทำให้แสบ หน้าไก่ก็เหี่ยว ดูแก่เร็ว อีกอันที่ใช้ก็คือขมิ้น แต่ก็ไม่ค่อยสะดวก ทาแล้วก็เลอะมือ พอได้ฟังแบบนั้นผมเลยทดลองคิดสูตรครีมทาผิวสำหรับไก่ชนขึ้นมา ซึ่งใช้ได้ทั้งสมานแผลและบำรุงผิวให้กับไก่ไปในตัวด้วย โดยเราเป็นเจ้าแรกเลยที่คิดสินค้ารูปแบบนี้ออกมา” ดร.อนันต์ชัย จึงสมาน ผู้ก่อตั้งบริษัท Dr.Jay’s Botanica co.,Ltd. และเจ้าของผลิตภัณฑ์ครีมไก่ชน Dr.Jay เล่าที่มาให้ฟัง
ยืนหนึ่ง ไร้คู่แข่ง
โดยดร.อนันต์ชัย หรือดร.เจย์เล่าเพิ่มเติมถึงความแตกต่างของสรรพคุณครีมไก่ชน Dr.Jay และผลิตภัณฑ์ที่มีในท้องตลาดให้ฟังว่า ปกติแล้วหากใช้ผลิตภัณฑ์ทั่วไปแผลที่หายมักจะแห้งเป็นขุ่ยๆ แต่หากใช้ครีม Dr.Jay แผลที่ได้จะหลุดร่อนออกมาเป็นแผ่นๆ ทำให้เกิดผิวใหม่ที่สวยงาม เป็นเพราะครีมไม่ได้มุ่งเน้นแค่การรักษาและสมานแผลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังใส่สารบำรุงผิวเพิ่มเข้าไปด้วย โดยเป็นสารสกัดมาจากธรรมชาติ ไม่มีสเตียรอยด์ จึงทำให้หน้าไก่ดูอ่อนเยาว์ขึ้น เวลานำไปตีจึงมักถูกคิดว่าเป็นไก่หนุ่ม มิใช่ไก่แก่ที่มากด้วยประสบการณ์การตี จึงสามารถหลอกล่อคู่ต่อสู้ได้ และเอาชนะได้ในที่สุด
“จริงๆ แล้วเรียกว่าเป็นผลพลอยได้มากกว่า คือ ด้วยความที่พอเราใส่สารบำรุงผิวเข้าไปด้วย ทำให้นอกจากแผลจะหายดีแล้ว หน้าไก่ยังดูอ่อนกว่าเยาว์ด้วย และเวลาตีไก่ปกติถ้าเป็นไก่แก่ที่ดูเคยผ่านประสบการณ์มาโชกโชน เขาก็จะไม่ค่อยกล้าเอาไก่หนุ่มมาตีด้วย เพราะกลัวจะแพ้ แต่พอมาใช้ครีมของเรากลายเป็นว่าทำให้ผิวดูสุขภาพดี ร่องรอยจากบาดแผลต่างๆ ที่เคยมีก็จางไป เลยทำให้คู่ต่อสู้เกิดความชะล่าใจ เอาไก่หนุ่มมาตีด้วย เลยทำให้สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ นี่คือ ฟังจากที่ลูกค้าเล่ามา
“แต่เหตุผลจริงๆ อีกข้อ ก็เป็นเพราะในเมื่อไก่ได้รับการดูแลที่ดีแล้ว ทั้งจากยาบำรุงที่เราคิดขึ้นมาเป็นตัวแรก และครีมทาผิว จึงทำให้ไก่มีสุขภาพดี แข็งแรง ผิวหนา แดงดี สามารถตีได้ทน จึงเอาชนะได้ในที่สุด อันนี้น้องมด (ภรมนัฐ จุมปา) ไอดอลนางฟ้าวงการไก่ชนก็ยังการันตีด้วยตัวเอง หลังจากได้ทดลองใช้ดูแล้วว่าแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่เคยใช้ ซึ่งจะลองเปรียบเทียบถึงคู่แข่งในท้องตลาด เท่าที่ลองสังเกตดูยังไม่มีคู่แข่งโดยตรงที่เป็นทั้งยาสมานแผล ขณะเดียวกันก็ช่วยบำรุงผิวด้วยออกมาเลย”
โดยหากจะเอ่ยถึงโอกาสสำหรับตลาดไก่ชนแล้ว ดร.อนันต์ชัยมองว่าเป็นตลาดที่กว้างและมีมูลค่าสูง เริ่มตั้งแต่ระดับซุ้มไก่ชนที่แข่งกันแต่ละครั้งมูลค่าเงินเดิมพันนับหลักล้านบาท ไก่ชนบางตัวก็ราคาหลายล้าน ไปจนถึงการเลี้ยงไก่ชนแบบพื้นบ้านทั่วไปของชาวบ้านในพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตของคนไทยอยู่แล้ว และด้วยราคาของผลิตภัณฑ์เองที่จำหน่ายเพียงหลักร้อย จึงมั่นใจว่าสามารถทำตลาดได้ดีแน่นอน แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการทำตลาดออกมาสักเท่าไหร่นัก ในปีนี้หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายดีขึ้น คงได้เริ่มเปิดตัวแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ครีมบำรุงผิวสัตว์ โอกาสใหม่ตลาดเครื่องสำอางไทย
นอกจากครีมไก่ชน ดร.อนันต์ชัยยังมองโอกาสไปถึงผลิตภัณฑ์ช่วยรักษาและบำรุงผิวให้กับสัตว์ชนิดอื่นๆ ด้วย โดย ในตอนนี้ยังมีครีมทาวัวนม เพื่อใช้รักษาอาการเต้านมอักเสบ เพื่อทดแทนการใช้ยาสอดเต้า ทำให้ไม่มีสารตกค้าง เมื่อหายแล้วจึงสามารถรีดนมต่อได้เลยทันที นอกจากนี้ยังมีครีมทาผิวสำหรับสุนัขและแมว เพื่อช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง ขนหลุดร่วง และบำรุงผิวให้สุขภาพดีด้วย
ในอนาคตได้วางไว้ว่าจะขยายไปยังสัตว์ชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกแน่นอน แต่ต้องศึกษาถึงความต้องการและความจำเป็นในการใช้งานเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะผิวคนหรือผิวสัตว์ ก็มักต้องการการดูแลให้สุขภาพดีเช่นกัน
สุดท้ายสำหรับใครที่ยังคาใจว่าระหว่างครีมคนและสัตว์มีความแตกต่างกันอย่างไร ดร.อนันต์ชัยได้อธิบายให้ฟังว่าโดยหลักการทำงานแล้ว ไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่จะต่างกันที่การเลือกใช้วัตถุดิบ ซึ่งการออกฤทธิ์แบบหนึ่งอาจมีตัวยาให้เลือกใช้เป็นหลายร้อยชนิดก็ได้ โดยหากเป็นครีมของสัตว์อาจเลือกใช้ตัวที่มีราคาย่อมเยากว่าลงมาก็ได้ เพื่อความเหมาะสมและความจำเป็นในการเลือกใช้งาน
และนี่คือ เรื่องราวของครีมไก่ชน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางน้องใหม่ของไทย ที่ทำให้รู้ว่าไก่จะงามขึ้นมาได้อย่างสุภาษิตคำพังเพยว่าไว้ บางครั้งก็ต้องการตัวช่วยดีๆ เช่นกัน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี